สัมภาษณ์ทางทีวีครั้งแรกนับแต่รัฐประหาร 2557 ของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์บอกไม่รู้มาก่อนว่าจะมีรัฐประหาร วันที่ 22 พ.ค.อยู่บ้าน มีคนโทรมาแจ้งข่าว ต่อมาทหารเรียกตัวเข้าค่าย ขอไม่ให้เคลื่อนไหวและโพสต์เฟซบุ๊ก ถามว่าควรได้รับสิทธิในการพูดมากกว่านี้มั้ย ยิ่งลักษณ์บอกว่า ไม่คิดจะเรียกร้องให้ตัวเอง แต่คิดว่าประชาชนน่าจะมีสิทธิพูดมากกว่านี้
CNN รายงานต่อว่าทุกวันนี้ ยิ่งลักษณ์พยายามทำให้สังคมไม่ลืมเธอ และยังต้องขึ้นศาลในคดีจำนำข้าว ซึ่งยิ่งลักษณ์บอกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด ทั้งที่เป็นโครงการที่มีเจตนาช่วยเหลือประชาชน อาจมีปัญหาในการปฏิบัติบ้าง แต่ทำไมผู้กำหนดนโยบายต้องรับผิดทางอาญาด้วย
CNN รายงานด้วยว่าทุกวันนี้ ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศไม่ได้ ถ้าทหารไม่อนุญาต ส่วนพี่ชายถูกศาลตัดสินจำคุกสองปี อยู่ระหว่างลี้ภัยโดยสมัครใจ คุณ Saima Mohsin ถามตอนท้ายว่า มีความเสี่ยงที่คุณอาจหนีไปต่างประเทศเหมือนพี่ชาย ยิ่งลักษณ์บอกว่า ทุกวันนี้ยังยืนหยัดต่อสู้ ไม่คิดจะหนี คุณไซมาตั้งข้อสังเกตว่า ยิ่งลักษณ์พูดแบบระมัดระวังตัวมาก ๆ มีทนายเฝ้ามองอยู่ด้วยตลอดในการสัมภาษณ์ เชื่อว่าทหารก็คงดูบทสัมภาษณ์นี้ด้วยเช่นกัน
http://cnn.it/1QleS2P
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153929380411649&set=a.10150096728651649.281712.824066648&type=3
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. สำนักข่าว CNN เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตอนหนึ่ง โดยทาง CNN ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ที่ได้รับวิบากกรรมทางการเมือง การประท้วงและรัฐประหาร
โดยมีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นในวันรัฐประหาร ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขณะนั้น อยู่ที่บ้าน หลายคนโทรศัพท์มาบอกว่าเกิดรัฐประหาร ตอนแรกก็ไม่เชื่อ จึงโทรศัพท์ตรวจสอบและพบว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลของและหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามซึ่งกำลังนั่งประชุมเพื่อหาทางออกให้ประเทศถูกทหารจับตัวทั้งหมด
เมื่อถามว่ามีการเรียกตัวไปยังกองทัพบกเพื่อ “ปรับทัศนคติ” ได้พูดคุยอะไรกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คณะรัฐประหารบอกให้ตนอยู่เงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว อย่าเคลื่อนไหวทางการเมือง และทหารขอให้อย่าลงพื้นที่พบปะประชาชนสักระยะหนึ่ง และยังขอให้อย่าโพสต์ข้อความใดๆลงเฟซบุ๊กอีกด้วย
ทางสำนักข่าว CNN ถามว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพล 100 คนแรกของโลกจากการจัดลำดับของนิตยสารฟอร์บส์ มาเก็บตัวเงียบๆตามลำพัง อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ทราบดีว่า เมื่อคุณมีอิสรภาพ สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ แต่วันหนึ่ง คุณไม่สามารถไปไหนได้ ย่อมไม่มีใครชอบแน่ๆ
“แต่ดิฉันไม่ได้ขออิสรภาพให้ตัวเอง ดิฉันขอแค่ว่าให้ประชาชนได้อิสรภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ เพื่อผู้มีอำนาจในบ้านเมืองขณะนี้จะได้ยินเสียงประชาชน”
สำนักข่าว CNN ถามว่าครอบครัวชินวัตรและพรรคเพื่อไทยเป็นนักการเมืองของประชาชน จึงไม่น่าแปลกใจที่มีมวลชนรากหญ้าคอยให้การสนับสนุนจำนวนมาก และมากพอจนชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอีกเช่นกัน ที่เมื่อปี 2013 ฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลนับพันๆได้ประท้วงปิดถนนเรียกร้องให้ลาออกอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 7 เดือนเต็ม ขณะเดียวกันก็ถูกฟ้องในคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่าละเลยปฏิบัติหน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ามันประหลาด นโยบายมุ่งช่วยเหลือประชาชน ปัญหาที่เกิดหากมีก็อยู่ในระดับปฏิบัติ แต่กลับให้ตนซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณจะลี้ภัยทางการเมือง เหมือนพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยืนยันว่า “ดิฉันจะอยู่ต่อสู้คดี ดิฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องสู้ ทุกสายตาที่จับจ้องดิฉัน ดิฉันให้ความมั่นใจได้ว่า ดิฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะหนี”
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1455712130
<<< นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ CNN >>>
CNN รายงานต่อว่าทุกวันนี้ ยิ่งลักษณ์พยายามทำให้สังคมไม่ลืมเธอ และยังต้องขึ้นศาลในคดีจำนำข้าว ซึ่งยิ่งลักษณ์บอกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด ทั้งที่เป็นโครงการที่มีเจตนาช่วยเหลือประชาชน อาจมีปัญหาในการปฏิบัติบ้าง แต่ทำไมผู้กำหนดนโยบายต้องรับผิดทางอาญาด้วย
CNN รายงานด้วยว่าทุกวันนี้ ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศไม่ได้ ถ้าทหารไม่อนุญาต ส่วนพี่ชายถูกศาลตัดสินจำคุกสองปี อยู่ระหว่างลี้ภัยโดยสมัครใจ คุณ Saima Mohsin ถามตอนท้ายว่า มีความเสี่ยงที่คุณอาจหนีไปต่างประเทศเหมือนพี่ชาย ยิ่งลักษณ์บอกว่า ทุกวันนี้ยังยืนหยัดต่อสู้ ไม่คิดจะหนี คุณไซมาตั้งข้อสังเกตว่า ยิ่งลักษณ์พูดแบบระมัดระวังตัวมาก ๆ มีทนายเฝ้ามองอยู่ด้วยตลอดในการสัมภาษณ์ เชื่อว่าทหารก็คงดูบทสัมภาษณ์นี้ด้วยเช่นกัน
http://cnn.it/1QleS2P
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153929380411649&set=a.10150096728651649.281712.824066648&type=3
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. สำนักข่าว CNN เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตอนหนึ่ง โดยทาง CNN ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ที่ได้รับวิบากกรรมทางการเมือง การประท้วงและรัฐประหาร
โดยมีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นในวันรัฐประหาร ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขณะนั้น อยู่ที่บ้าน หลายคนโทรศัพท์มาบอกว่าเกิดรัฐประหาร ตอนแรกก็ไม่เชื่อ จึงโทรศัพท์ตรวจสอบและพบว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลของและหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามซึ่งกำลังนั่งประชุมเพื่อหาทางออกให้ประเทศถูกทหารจับตัวทั้งหมด
เมื่อถามว่ามีการเรียกตัวไปยังกองทัพบกเพื่อ “ปรับทัศนคติ” ได้พูดคุยอะไรกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คณะรัฐประหารบอกให้ตนอยู่เงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว อย่าเคลื่อนไหวทางการเมือง และทหารขอให้อย่าลงพื้นที่พบปะประชาชนสักระยะหนึ่ง และยังขอให้อย่าโพสต์ข้อความใดๆลงเฟซบุ๊กอีกด้วย
ทางสำนักข่าว CNN ถามว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพล 100 คนแรกของโลกจากการจัดลำดับของนิตยสารฟอร์บส์ มาเก็บตัวเงียบๆตามลำพัง อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ทราบดีว่า เมื่อคุณมีอิสรภาพ สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ แต่วันหนึ่ง คุณไม่สามารถไปไหนได้ ย่อมไม่มีใครชอบแน่ๆ
“แต่ดิฉันไม่ได้ขออิสรภาพให้ตัวเอง ดิฉันขอแค่ว่าให้ประชาชนได้อิสรภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ เพื่อผู้มีอำนาจในบ้านเมืองขณะนี้จะได้ยินเสียงประชาชน”
สำนักข่าว CNN ถามว่าครอบครัวชินวัตรและพรรคเพื่อไทยเป็นนักการเมืองของประชาชน จึงไม่น่าแปลกใจที่มีมวลชนรากหญ้าคอยให้การสนับสนุนจำนวนมาก และมากพอจนชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอีกเช่นกัน ที่เมื่อปี 2013 ฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลนับพันๆได้ประท้วงปิดถนนเรียกร้องให้ลาออกอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 7 เดือนเต็ม ขณะเดียวกันก็ถูกฟ้องในคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่าละเลยปฏิบัติหน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ามันประหลาด นโยบายมุ่งช่วยเหลือประชาชน ปัญหาที่เกิดหากมีก็อยู่ในระดับปฏิบัติ แต่กลับให้ตนซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณจะลี้ภัยทางการเมือง เหมือนพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยืนยันว่า “ดิฉันจะอยู่ต่อสู้คดี ดิฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องสู้ ทุกสายตาที่จับจ้องดิฉัน ดิฉันให้ความมั่นใจได้ว่า ดิฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะหนี”
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1455712130