สวัสดีค่ะ เราสมัครสมาชิกมานานพอสมควร เรามีเรื่องประสบการณ์ของคนที่เป็นแม่เรา มาเล่าให้ฟัง ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ได้ลบหลู่ท่านแต่อย่างใด เพียงแค่อยากมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านเรื่องราวของเรา เรื่องมีอยู่ว่า แม่ของเราป่วยหลายโรคมาก เป็นโรคตับมาเป็นเวลา 10 ปี 2 ปีก่อนที่แม่จะเสีย แม่ติดเชื้อในกระแสเลือดขั้นรุนแรง แต่ดี ที่แม่ทน และร่างกายแม่รับยาที่หมอฉีดเข้าให้ได้ แต่แม่ ต้องไปหาหมออยู่บ่อยๆ คืนวันที่แม่เสีย เรานอนเฝ้าที่โรงพยาบาล แม่หันมาพูดว่า "แม่คิดว่าแม่จะไม่ได้เห็นหน้านู๋แล้ว" คือเราไปทำงานที่ กทม.ค่ะ ไม่ค่อยกลับบ้าน วันนั้นเราจึงรีบกลับบ้าน แล้วไปหาท่านที่โรงพยาบาลทันที หน้าแม่บวมมาก เราแทบจะร้องไห้ แต่ก็ใจแข็ง เข้าไปกอด หอม แล้วท่านก็พูดคำนั้นออกมา ท่านก็คุยเล่น ขำๆ เฮฮา แม่ถามไม่หิวข้าวหรอลูก ออกไปหาข้าวกินก่อนไป ในใจเรา รู้สึกว่า ไม่อยากไป ไม่อยากห่าง ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น อยากนั่งเฝ้าแม่ที่นี่ เราก็บอกแต่เพียงว่า ไม่หิว ลดความอ้วนอยู่ แม่ก็บอกว่า งั้นแม่นอนก่อนนะ
ผ่านไป 2 ชม.ราวๆ 22.30 ทุ่มเห็นจะได้ แม่บอกปวดอึ เราบอก งั้นแม่รอนู๋ก่อนนะ ไปเอากระโถนกะน้ำก่อน แม่บอก แม่รอไม่ไหวลูก มันออกแล้ว เราก็เลยบอกไม่เป็นไร เด่วค่อยเปลี่ยนผ้าใหม่ ชุดใหม่ เราลืมบอก ว่าแม่เราถ่ายเป็นเลือดด้วยก่อนหน้านี้ ท่านก็ถ่ายออกมามากมาย เละเทะเต็มที่นอน เราก็ใส่แมทส์ปิดจมูก ถามว่าเรารังเกียจมั๊ย ไม่ค่ะ ในใจพึงระลึกเสมอว่า เราต้องทำดีที่สุด แม่คงอยู่กับเราได้อีกไม่นาน แต่แม่เข้าโรงพยาบาลทีไร เราเป็นคนเฝ้าตลอด เช็ดอึมาหลายรอบแล้ว แบบมีเลือดแบบนี้แหละ คิดดู อึปนเลือดเสีย มันแรงแค่ไหน แต่เราก็ทำ เพราะท่านคือแม่ ย้อนกลับมาที่เตียงของแม่ มันสกปรกไปหมด เรายกตัวแม่คนเดียวไม่ไหว เพราะแม่ตัวใหญ่ เราเลยให้ผู้ช่วย มาช่วยเปลี่ยนให้หน่อย พอเปลี่ยนเสร็จ พยาบาลเอาขวดยา น้ำเกลือ เกร็ดเลือด เลือด มาโยงสายเต็มไปหมด แล้วแม่ก็หลับไป เรานอนตรงนั้นไม่ได้ เพราะไม่มีที่ว่างให้นอน เราเลยออกไปนอนข้างนอก ตึกติดกันเป็นตึกพิเศษ ตึกมันเชื่อมถึงกัน เราเลยเดินขึ้นไปนอนโซฟาที่ตึกนั้น ตี 1 ครึ่ง ได้รับโทรศัพย์ น้องชายโทรมา ถามว่าอยู่ไหน ไปดูแม่ด่วน หมอบอกแม่ไม่ไหวแล้ว เราสงสัยว่าทำไมหมอไม่โทรตาม หลังจากนั้น พ่อกะน้องชายบอกอีกว่า มีเบอร์แม่โทรเข้าไปตอนตี 1.10 นาที และเมื่อตอนเราไปถึงเตียง เราเลยเอาโทรศัพย์มาดู ในมือถือของแม่ ไม่มีเบอร์โทรออกหาพ่อเลยค่ะ วกกลับมาถึงตอนที่เรารับสายน้องชายแล้วดูเบอร์ในเครื่องของเรา แต่พอดูที่มือถือ ตายแล้วเป็นสิบสาย แต่ทำไมเราไม่ได้ยิน เราเดินเข้าไป หมอ พยาบาลล้อมเตียงแม่เรา ในใจเราพลางคิดว่า แม่คงไม่เป็นอะไรนะ เห็นร่างแม่นอนหลับตาสนิท เราก็คิดว่าแม่คงไม่เป็นอะไร หมอคงให้ยานอนหลับมั้ง ..ปลอบใจตัวเอง..
แต่สุดท้าย พยาบาลคนนึง บอกว่า แม่เสียแล้วนะ แม่ช็อคตั้งแต่เที่ยงคืน ปั๊มหัวใจไม่ขึ้นแล้ว เรานี่ช็อคเลย ตอนนั้น ร้องไห้ไม่ออก ในหัวสมองว้าวุ่นไปหมด ป้าเตียงข้างๆ ถามกะเราว่า แม่เราเรียกหาลูก.......( ชื่อเรา) เราบอก นู๋เองค่ะ ป้าเค้าบอกว่า แม่เราทนมาก ในระหว่างปั๊มหัวใจ แม่เรียกหาแต่เรา ตาหลับไปแล้ว ยังบอกให้หมอโทรหาเรา (เรานี่ช็อครอบที่ 2) กอดศพแม่ พูดอะไรไม่รู้ เยอะมาก จำได้ว่า ทำไมแม่ไม่อยู่รอนู๋ ข้ามเลยนะคะ ไปถึงตอนเรากลับบ้าน รอรับศพแม่มาวัดตอนเย็น แม่เราชอบสีชมพู พ่อเราเค้าเตรียมชุดให้แม่ สีชมพู แต่แม่บวมขึ้น ใส่ไม่ได้ เลยใส่แค่เสื้อยืดสีชมพู กางเกงเจเจธรรมดา เราเลยให้น้องสาวเรา (แฟนน้องชาย) ไปเอาหมอน ผ้าห่ม ชุดคลุมที่เค้าชอบมาให้หน่อย เราก็บอกพิกัดของ ของอย่างอื่นหาได้หมด แต่ผ้าห่มผืนของแม่ หาไม่เจอ หายังไงก็หาไม่เจอ เจอแต่ผืนของพ่อ ซึ่งลายเดียวกัน สีชมพูเหมือนกัน พ่อบอกว่า ก่อนแม่เสียแม่ขอแลกผ้าห่มกะพ่ออยู่ เราก็เลยบอกให้เอาผืนนั้นมาเลย ตอนที่หมอนยังมาไม่ถึง ยังหนุนแค่ผ้าทับๆกัน พอหมอนมา เราช่วยกันจับหัวแม่นอนกะหมอน ห่มผ้าห่มผืนของพ่อสีชมพู ปรากฎว่า แม่ยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่เส้นเอ็นยืดขึ้น กล้ามเนื้อขยับแน่นอน ศพของแม่ ยิ้มเหมือนตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ยิ้มแบบมีความสุข ขนาดหลับตา ช่วงตาของท่าน ยังยิ้มตามปากท่านด้วยเลย คนที่มารดน้ำศพ ต่างก็ตกใจ มาดูกัน มันไม่ใช่ยิ้มมุมปาก แต่มันเป็นการยิ้มเหมือนคนเรานี่แหละ เราถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เสียดาย เม็มเสีย รูปหายหมดเลย แล้วคนที่ยังไม่รู้ ก็เห็นแม่นั่งหน้าบ้าน ซึ่งแม่เราชอบนั่งเพราะท่านขายของชำด้วย เราไม่เคยเห็นแม่ ไม่เคยแม๊แต่ได้ยินก๊อกแก๊ก เคยฝันถึงแค่ 2-3 ครั้ง ทุกครั้งที่ท่านมาหา ท่านยิ้มตลอด ไม่เคยร้องไห้เลย เหมือนเค้าคงอิ่มบุญ แต่น้องชายเราเจอบ่อย เพราะน้องเรา ออกแนวสัมผัสที่ 6 ด้วย กึ่งธรรมมะด้วย น้องเราเคยบอกว่า แม่ไปหาพี่ไม่ได้ เพราะพี่มีอะไรไม่รู้ ทั้งๆที่เราไม่ใส่พระ รึอาจเป็นเพราะว่า เราเคยบอกแม่ว่า พูดกันขำๆอ่าค่ะ บอกว่า ถ้าแม่เสีย อย่ามาหานะ นู๋กลัวมาแค่ในฝันพอ ในบ้าน เราใจแข็งที่สุด นิ่งที่สุด ทั้งที่เสียใจที่สุดเช่นกัน
เราต้องทำเป็นไม่ร้องไห้ ทำใจได้ แต่พอพ่อหลับ น้องหลับ เราร้องไห้แทบขาดใจทุกวัน เราพยายามไม่ดูอะไรที่ซึ้งๆ เกี่ยวกับแม่ เพราะมันสะกิดติ่งทุกที ต้องเนียน มองไม่เห็น ไม่ฟัง พ่อเรากะน้อง อาการหนักกว่าเรา ไม่กินข้าว ไม่อะไรทั้งนั้น ปัจจุบันนี้ แม่เสีย 2 ปีกว่าแล้ว พูดถึงแม่ทีไร พ่อก็ยังร้องไห้เหมือนเดิม พ่อบอกไม่มีใครแทนคนในใจของพ่อได้ แทนได้แค่ โลกมนุษย์เท่านั้น
ศพของคนเป็นแม่ยิ้มให้เมื่อได้นอนกับหมอนสีชมพู
ผ่านไป 2 ชม.ราวๆ 22.30 ทุ่มเห็นจะได้ แม่บอกปวดอึ เราบอก งั้นแม่รอนู๋ก่อนนะ ไปเอากระโถนกะน้ำก่อน แม่บอก แม่รอไม่ไหวลูก มันออกแล้ว เราก็เลยบอกไม่เป็นไร เด่วค่อยเปลี่ยนผ้าใหม่ ชุดใหม่ เราลืมบอก ว่าแม่เราถ่ายเป็นเลือดด้วยก่อนหน้านี้ ท่านก็ถ่ายออกมามากมาย เละเทะเต็มที่นอน เราก็ใส่แมทส์ปิดจมูก ถามว่าเรารังเกียจมั๊ย ไม่ค่ะ ในใจพึงระลึกเสมอว่า เราต้องทำดีที่สุด แม่คงอยู่กับเราได้อีกไม่นาน แต่แม่เข้าโรงพยาบาลทีไร เราเป็นคนเฝ้าตลอด เช็ดอึมาหลายรอบแล้ว แบบมีเลือดแบบนี้แหละ คิดดู อึปนเลือดเสีย มันแรงแค่ไหน แต่เราก็ทำ เพราะท่านคือแม่ ย้อนกลับมาที่เตียงของแม่ มันสกปรกไปหมด เรายกตัวแม่คนเดียวไม่ไหว เพราะแม่ตัวใหญ่ เราเลยให้ผู้ช่วย มาช่วยเปลี่ยนให้หน่อย พอเปลี่ยนเสร็จ พยาบาลเอาขวดยา น้ำเกลือ เกร็ดเลือด เลือด มาโยงสายเต็มไปหมด แล้วแม่ก็หลับไป เรานอนตรงนั้นไม่ได้ เพราะไม่มีที่ว่างให้นอน เราเลยออกไปนอนข้างนอก ตึกติดกันเป็นตึกพิเศษ ตึกมันเชื่อมถึงกัน เราเลยเดินขึ้นไปนอนโซฟาที่ตึกนั้น ตี 1 ครึ่ง ได้รับโทรศัพย์ น้องชายโทรมา ถามว่าอยู่ไหน ไปดูแม่ด่วน หมอบอกแม่ไม่ไหวแล้ว เราสงสัยว่าทำไมหมอไม่โทรตาม หลังจากนั้น พ่อกะน้องชายบอกอีกว่า มีเบอร์แม่โทรเข้าไปตอนตี 1.10 นาที และเมื่อตอนเราไปถึงเตียง เราเลยเอาโทรศัพย์มาดู ในมือถือของแม่ ไม่มีเบอร์โทรออกหาพ่อเลยค่ะ วกกลับมาถึงตอนที่เรารับสายน้องชายแล้วดูเบอร์ในเครื่องของเรา แต่พอดูที่มือถือ ตายแล้วเป็นสิบสาย แต่ทำไมเราไม่ได้ยิน เราเดินเข้าไป หมอ พยาบาลล้อมเตียงแม่เรา ในใจเราพลางคิดว่า แม่คงไม่เป็นอะไรนะ เห็นร่างแม่นอนหลับตาสนิท เราก็คิดว่าแม่คงไม่เป็นอะไร หมอคงให้ยานอนหลับมั้ง ..ปลอบใจตัวเอง..
แต่สุดท้าย พยาบาลคนนึง บอกว่า แม่เสียแล้วนะ แม่ช็อคตั้งแต่เที่ยงคืน ปั๊มหัวใจไม่ขึ้นแล้ว เรานี่ช็อคเลย ตอนนั้น ร้องไห้ไม่ออก ในหัวสมองว้าวุ่นไปหมด ป้าเตียงข้างๆ ถามกะเราว่า แม่เราเรียกหาลูก.......( ชื่อเรา) เราบอก นู๋เองค่ะ ป้าเค้าบอกว่า แม่เราทนมาก ในระหว่างปั๊มหัวใจ แม่เรียกหาแต่เรา ตาหลับไปแล้ว ยังบอกให้หมอโทรหาเรา (เรานี่ช็อครอบที่ 2) กอดศพแม่ พูดอะไรไม่รู้ เยอะมาก จำได้ว่า ทำไมแม่ไม่อยู่รอนู๋ ข้ามเลยนะคะ ไปถึงตอนเรากลับบ้าน รอรับศพแม่มาวัดตอนเย็น แม่เราชอบสีชมพู พ่อเราเค้าเตรียมชุดให้แม่ สีชมพู แต่แม่บวมขึ้น ใส่ไม่ได้ เลยใส่แค่เสื้อยืดสีชมพู กางเกงเจเจธรรมดา เราเลยให้น้องสาวเรา (แฟนน้องชาย) ไปเอาหมอน ผ้าห่ม ชุดคลุมที่เค้าชอบมาให้หน่อย เราก็บอกพิกัดของ ของอย่างอื่นหาได้หมด แต่ผ้าห่มผืนของแม่ หาไม่เจอ หายังไงก็หาไม่เจอ เจอแต่ผืนของพ่อ ซึ่งลายเดียวกัน สีชมพูเหมือนกัน พ่อบอกว่า ก่อนแม่เสียแม่ขอแลกผ้าห่มกะพ่ออยู่ เราก็เลยบอกให้เอาผืนนั้นมาเลย ตอนที่หมอนยังมาไม่ถึง ยังหนุนแค่ผ้าทับๆกัน พอหมอนมา เราช่วยกันจับหัวแม่นอนกะหมอน ห่มผ้าห่มผืนของพ่อสีชมพู ปรากฎว่า แม่ยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่เส้นเอ็นยืดขึ้น กล้ามเนื้อขยับแน่นอน ศพของแม่ ยิ้มเหมือนตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ยิ้มแบบมีความสุข ขนาดหลับตา ช่วงตาของท่าน ยังยิ้มตามปากท่านด้วยเลย คนที่มารดน้ำศพ ต่างก็ตกใจ มาดูกัน มันไม่ใช่ยิ้มมุมปาก แต่มันเป็นการยิ้มเหมือนคนเรานี่แหละ เราถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เสียดาย เม็มเสีย รูปหายหมดเลย แล้วคนที่ยังไม่รู้ ก็เห็นแม่นั่งหน้าบ้าน ซึ่งแม่เราชอบนั่งเพราะท่านขายของชำด้วย เราไม่เคยเห็นแม่ ไม่เคยแม๊แต่ได้ยินก๊อกแก๊ก เคยฝันถึงแค่ 2-3 ครั้ง ทุกครั้งที่ท่านมาหา ท่านยิ้มตลอด ไม่เคยร้องไห้เลย เหมือนเค้าคงอิ่มบุญ แต่น้องชายเราเจอบ่อย เพราะน้องเรา ออกแนวสัมผัสที่ 6 ด้วย กึ่งธรรมมะด้วย น้องเราเคยบอกว่า แม่ไปหาพี่ไม่ได้ เพราะพี่มีอะไรไม่รู้ ทั้งๆที่เราไม่ใส่พระ รึอาจเป็นเพราะว่า เราเคยบอกแม่ว่า พูดกันขำๆอ่าค่ะ บอกว่า ถ้าแม่เสีย อย่ามาหานะ นู๋กลัวมาแค่ในฝันพอ ในบ้าน เราใจแข็งที่สุด นิ่งที่สุด ทั้งที่เสียใจที่สุดเช่นกัน
เราต้องทำเป็นไม่ร้องไห้ ทำใจได้ แต่พอพ่อหลับ น้องหลับ เราร้องไห้แทบขาดใจทุกวัน เราพยายามไม่ดูอะไรที่ซึ้งๆ เกี่ยวกับแม่ เพราะมันสะกิดติ่งทุกที ต้องเนียน มองไม่เห็น ไม่ฟัง พ่อเรากะน้อง อาการหนักกว่าเรา ไม่กินข้าว ไม่อะไรทั้งนั้น ปัจจุบันนี้ แม่เสีย 2 ปีกว่าแล้ว พูดถึงแม่ทีไร พ่อก็ยังร้องไห้เหมือนเดิม พ่อบอกไม่มีใครแทนคนในใจของพ่อได้ แทนได้แค่ โลกมนุษย์เท่านั้น