เป็นเพื่อนของเจ้าของกระทู้เองตั้งแต่สมัยอนุบาล 1 เลย ชื่อ D (นามสมมุติ)
ตอนนี้อยู่ ม.4 แล้ว เรา 2 คนอยู่ห้องเดียวกัน
เริ่มเรื่องก็คือ เราสงสัยว่าเพื่อคงจะเป็น 2 โรคที่เราตั้งต้นบอกข้างบน และก็คงจะเป็นหนักมาก ตอนนี้คือเพื่อนในกลุ่มก็ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงแล้ว
D เป็นคนที่ขี้อาย ไม่มีความมั่นใจ เราเชื่อว่ามันก็คงมีหลายคนแหละที่ขี้อาย และก็คงคิดว่าแปลกตรงไหน? ที่แปลกก็คือ D ไม่กล้าเข้าหาใครสักคนเลยนอกจากจขกท. เพื่อนในกลุ่มเรามีประมาณ 5 - 6 คน แต่ที่ไปไหนมาไหนมากสุดก็มี 4 คน คือ จขกท. D K แล้วก็ J
ตอนที่เราทำงานกลุ่มทุกๆครั้งเราก็จะอยู่ด้วยกันตลอด ถ้ากลุ่มมันเกินส่วนมากก็จะมีเราที่อาสาขอออกไปอยู่กลุ่มอื่นเพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่ถ้าเราให้ D ไปหากลุ่ม คงลำบากแน่ๆ
แต่มีวันหนึ่งที่เราอยากให้ D ไปหากลุ่มอื่นด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราเห็นแกตัวอยกอยู่แต่กลุ่มตัวเอง แต่เราอยากให้เพื่อนหายจากอาการนี้ อยากให้เพื่อนเข้าสังคม วันนั้นเรเลยบอก D ว่า "ถามเพื่อนในห้องดูนะ เพื่ฃอนไม่มีใครว่าหรอกแกพวกที่ยังหากลุ่มไม่ได้ก็เยอะอยู่ตอนนี้" (ช่วงนั้นคนกำลังจับกลุ่มแต่เพื่อนตัวเอง คนยังไม่มีกลุ่มยังเหลือเฟื่อ) เราก็แอบดูพฤติกรรม D อยู่ห่างๆว่า D จะทำยังไง
ผลออกมาคือ......... D นั่งอยู่ที่โต๊ะเฉยๆมองเพื่อนที่อยู่รอบข้าง
เราก็ถาม "ทำไมไม่ออกไปถามเพื่อนล่ะ?"
D "ห่ะ? อ้อ กำลังจะถามนะ"
นั่งแบบนั้นนานมากเราไม่รู้จะทำไงเลยจุงมือ D หากลุ่มให้ D อยู่ให้ได้ พอวันพรีเซ้นงานกลุ่ม กลุ่ม D เป็นกลุ่มสุดท้าย อาจารย์เรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมออกไปทั้งที่งานอยู่ในมือแท้ๆ เพื่อนๆเรียกให้ออกไปก็ลังเลไม่กล้าลุก สุดท้ายก็ไม่ได้พรีเซ้น อาจารย์ก็ไม่รับแล้ว คะแนนเพื่อนในกลุ่มนั้นก็หายไปเลย ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่กล้าให้ D ไปอยุ่กลุ่มอื่นเลย
เวลาเดินผ่านอาจาร์วิชาภาษาไทยที่เคยสอนพวกเราชั้น ม.3 D ก็จะเดินอ้อม เราก็ถามว่าทำไมต้องเดินอ้อมด้วย
D : ก็เคยไม่ส่งงานอาจารย์อ่ะ กลัวอาจารย์ด่า
เรา : เรื่องก็ผ่านมาเท่าไรล่ะ เค้าก็เคยไม่ส่ง ไหว้อาจารย์ ก็ไม่เห็นว่าอะไรทักทายกันว่าลูกศิลย์เป็นไง ถ้าเราเป็นอาจารย์แล้วเห็นลูกศิลย์เดินหนีแบบนี้เราเสียใจนะ เป็นแกจะเสียใจไหม?
D : ขอโทษนะ
เวลา D โดนดุหรือเตือน ก็จะก้มหน้าตลอดไม่กล้าสบตา
คาบแบตมินตันเหมือนกัน สอบตักลูก D ตักไม่ได้สักลูกอาจาย์ก็บอกให้ตักไปเรื่อยๆจนกว่าจะตักได้ ประมาณ 15 นาที D ตักจนครบลูกแล้ว แต่ว่าร้องไห้ เพื่อนในห้องก็แบบ.. อ้าว งงเลยทีนี้... จารก็ไม่ได้ด่าร้องไห้ทำไม? จากนั้น D ก็วิ่งออกจากยิมไปเลย ไปนั่งร้องไห้คนเดียวที่ม้านั่งประจำกลุ่มเรา พอคาบบ่ายอาจารย์ยังไม่มาแต่เราสงสัยว่าทำไม D ยังไม่มาเข้าห้อง เราเดินไปหาที่ม้านั่งเพื่อนในห้องที่เดินสวนกับเราก็พูดว่า "พยายามให้มาเรียนแล้วนะแก แต่ก็ร้องไห้เหมือนเดิม" เราก็เลยเดินไปเจอ D นั่งร้องไห้
เรา "ถามจริงๆนะ แกร้องไห้ทำไม?"
D "เค้าเครียด เค้ากลัวว่าเค้าทำไม่ได้ เค้าก็จะร้องไห้แบบนี้"
เรา "เรื่องมันผ่านมาแล้วแก เค้าก็กลัวว่าเค้าจะทำไม่ได้ แต่มานั่งร้องไห้มันก็ไม่ได้อะไรใช่ไหม? งั้นแกก็อย่าร้องไห้เลยตาบวมเปล่าๆเรื่องก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้แกต้องเข้าเรียนได้แล้วอาจารย์จะมาแล้ว"
จากนั้น Dเดินตามเราเข้าเรียนเหมือนเดิม
(มาถึงจุดนี้เราบอกเลยนะ ว่าเราอึดอัดมาก เราเคยวีนแตกใส่ D ไปแล้วครั้งหนึ่งว่าทำไมไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ช่วยทุกอย่างแต่ไม่ปรับตาม จขกท.ไม่ใช่คนใจเย็น เป็นคนใจร้อนด้วยซ้ำ แต่ที่เราไม่วีนแตกอีกเพราะคนเป็นโรคนี้เราวีนแตกใส่เขาไม่ได้ เขาจะเครียดหนักกว่าเดิม ร้องไห้หนักกว่าเดิม ตอนที่เราวีนแตก Dเคยบอกว่า "วันไหนมีเรื่องเครียดมากๆ เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ ก็จะแอบไปร้องไห้ที่ห้องคนเดียว" ตอนนั้นเราแบบ รุ้สึกว่าต้องใจเย็นลงมากกว่าเดิมเพื่อนคนนี้จะได้อยู่รอด)
เรารู้จักพ่อแม่ของ D พ่อแม่เขาไม่ค่อยพาลูกไปเที่ยว ไม่ใช่ว่าไม่ค่อยหรอก เรียกว่าไม่เลยจะดีกว่า คำว่าเที่ยวในที่นี้ของเราคือพาลูกไปเปิดหูเปิดตา ไปเรียนรู้ประสบการณ์ ไปทำความรู้จักคนต่างถิ่น ซึ่งต่างกับจขกท.มากที่พ่อแม่พาไปไหนมาไหนบ่อย พ่อแม่บางส่วน (ย้ำคำว่าบางส่วนนะ) เขาอาจจะมองว่าการพาลูกไปเที่ยวมันไร้สาระ เที่ยวทำไม? เสียเงิน? แต่จขกท.อยากบอกว่ามันช่วยได้จริงๆ ไม่ได้ขอให้คุณเที่ยวบ่อย แต่แค่อยากให้คุณพาคนใกล้ชิดของคุณไปเปิดหูเปิดตาบ้าง (อั้นนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเรานะ เรามันอาจจะผิดก็ได้)
ทุกปิดเทอม D จะได้ไปแค่ บ้านย่า บ้านยาย ไปดูแลคนป่วย ดูแลคนในครอบครัวเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ระหว่างทางที่กลับเจอสถานที่น่าสนใจก็ควรแวะลงบ้าง แต่คือไม่เลย สถานที่เที่ยวจังหวัดใกล้ๆ หรือร้านเค้กในเมืองบ้างที่นะ D ยังไม่รู้จักเลย ไม่เคยได้ยิน
ปิดเทอมนี้พวกเราตั้งใจว่าจะไปติวที่จังหวัดหนึ่งเพราะมีตัวทั้งสายศิลป์ และคำนวณ แม่ของ D อนุญาติ
แต่แม่ D จะให้ D ไปรถตู้เอง .. เราได้ยินยังเงิบ เพื่อนเราเข้าเป็นแบบนี้ ถ้าเขาลงบขส.แล้วเขาจะไปยังไงต่อ เราไม่ได้ไปกัน 2 - 3 วัน เราไปอยู่หอ 1 เดือน เราเลยตัดสินใจว่ามาขึ้นรถกับเราวันไปดีกว่า
วันนี้เรากับในกลุ่มนั่งกินข้าวกัน D ก็ด้วยที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ D ไปสั่งอาหาร เราก็ปรึกษากับ K กับ J ว่าจะเอายังไงดี
เรา : เค้าเคยมีรุ่นน้องเป็นอาการแบบนี้แหละ เป็นแค่ซึมเศร้า โรคไม่กล้าเข้าสังคมไม่เป็น แต่ไม่เป็นหนักขนาดนี้ รุ่นน้องเค้าไปปรึกษาจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว เราอยากให้พา D ไปว่ะแก มันจะได้หาย ไปอยู่ในโลกที่กล้าางขึ้นจะได้ไม่เป็นที่ตลกของใคร ไม่โดนใครหลอกง่ายๆ
J : เอาไว้ D มานั่งโต๊ะเราค่อยบอกแล้วกัน
K : เออๆ
พอ D กลับมานั่งที่โต๊ะ จขกท.เลยพูดก่อนเลย
เรา : พวกเค้าจะพาแกไปหาหมอ แกอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าแกป่วย แต่คือแกไม่เหมือนคนอื่นจริงๆนะ เรื่องการเข้าหาคน เรื่องการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่มันมีผัญหาหน่อยๆอะไรพวกนี้อ่ะ พวกเค้าปรึกษากันมาแล้วว่าจะพาแกไปหาหมอ
J : ถ้าแม่ไม่ให้ไปหรือไม่กล้าบอก เดี๋ยวพวกเค้าพาไปได้นะ เราอยากให้แกหาย แกไปอยุ่ในโลกที่มันมีสังคมกว้างไปอีก พวกเราจะได้ไม่เป้นห่วงแกมาก
พอพวกเราพูดจบแค่นั้นแหละ
D ก็ร้องไห้ขึ้นมา ร้องไม่ใช่ร้องแบบดีใจนะ ร้องแบบเก็บกดอ่ะ พอถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ ตอนนั้นเราอยากวีนแตกกลางห้าง บอกตรงๆว่าอึดอัด
ใครมีวิธีอะไรก็ช่วยฃเม้นบอกด้วยนะค่ะ
จขกท.ก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว เราเปลี่ยนเขาได้แค่ไม่เท่าไร คือเขาต้องปรับด้วยอ่ะ
มีเพื่อนเป็นโรคไม่เข้าสังคมและซึมเศร้า (แน่ๆ)
ตอนนี้อยู่ ม.4 แล้ว เรา 2 คนอยู่ห้องเดียวกัน
เริ่มเรื่องก็คือ เราสงสัยว่าเพื่อคงจะเป็น 2 โรคที่เราตั้งต้นบอกข้างบน และก็คงจะเป็นหนักมาก ตอนนี้คือเพื่อนในกลุ่มก็ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงแล้ว
D เป็นคนที่ขี้อาย ไม่มีความมั่นใจ เราเชื่อว่ามันก็คงมีหลายคนแหละที่ขี้อาย และก็คงคิดว่าแปลกตรงไหน? ที่แปลกก็คือ D ไม่กล้าเข้าหาใครสักคนเลยนอกจากจขกท. เพื่อนในกลุ่มเรามีประมาณ 5 - 6 คน แต่ที่ไปไหนมาไหนมากสุดก็มี 4 คน คือ จขกท. D K แล้วก็ J
ตอนที่เราทำงานกลุ่มทุกๆครั้งเราก็จะอยู่ด้วยกันตลอด ถ้ากลุ่มมันเกินส่วนมากก็จะมีเราที่อาสาขอออกไปอยู่กลุ่มอื่นเพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่ถ้าเราให้ D ไปหากลุ่ม คงลำบากแน่ๆ
แต่มีวันหนึ่งที่เราอยากให้ D ไปหากลุ่มอื่นด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราเห็นแกตัวอยกอยู่แต่กลุ่มตัวเอง แต่เราอยากให้เพื่อนหายจากอาการนี้ อยากให้เพื่อนเข้าสังคม วันนั้นเรเลยบอก D ว่า "ถามเพื่อนในห้องดูนะ เพื่ฃอนไม่มีใครว่าหรอกแกพวกที่ยังหากลุ่มไม่ได้ก็เยอะอยู่ตอนนี้" (ช่วงนั้นคนกำลังจับกลุ่มแต่เพื่อนตัวเอง คนยังไม่มีกลุ่มยังเหลือเฟื่อ) เราก็แอบดูพฤติกรรม D อยู่ห่างๆว่า D จะทำยังไง
ผลออกมาคือ......... D นั่งอยู่ที่โต๊ะเฉยๆมองเพื่อนที่อยู่รอบข้าง
เราก็ถาม "ทำไมไม่ออกไปถามเพื่อนล่ะ?"
D "ห่ะ? อ้อ กำลังจะถามนะ"
นั่งแบบนั้นนานมากเราไม่รู้จะทำไงเลยจุงมือ D หากลุ่มให้ D อยู่ให้ได้ พอวันพรีเซ้นงานกลุ่ม กลุ่ม D เป็นกลุ่มสุดท้าย อาจารย์เรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมออกไปทั้งที่งานอยู่ในมือแท้ๆ เพื่อนๆเรียกให้ออกไปก็ลังเลไม่กล้าลุก สุดท้ายก็ไม่ได้พรีเซ้น อาจารย์ก็ไม่รับแล้ว คะแนนเพื่อนในกลุ่มนั้นก็หายไปเลย ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่กล้าให้ D ไปอยุ่กลุ่มอื่นเลย
เวลาเดินผ่านอาจาร์วิชาภาษาไทยที่เคยสอนพวกเราชั้น ม.3 D ก็จะเดินอ้อม เราก็ถามว่าทำไมต้องเดินอ้อมด้วย
D : ก็เคยไม่ส่งงานอาจารย์อ่ะ กลัวอาจารย์ด่า
เรา : เรื่องก็ผ่านมาเท่าไรล่ะ เค้าก็เคยไม่ส่ง ไหว้อาจารย์ ก็ไม่เห็นว่าอะไรทักทายกันว่าลูกศิลย์เป็นไง ถ้าเราเป็นอาจารย์แล้วเห็นลูกศิลย์เดินหนีแบบนี้เราเสียใจนะ เป็นแกจะเสียใจไหม?
D : ขอโทษนะ
เวลา D โดนดุหรือเตือน ก็จะก้มหน้าตลอดไม่กล้าสบตา
คาบแบตมินตันเหมือนกัน สอบตักลูก D ตักไม่ได้สักลูกอาจาย์ก็บอกให้ตักไปเรื่อยๆจนกว่าจะตักได้ ประมาณ 15 นาที D ตักจนครบลูกแล้ว แต่ว่าร้องไห้ เพื่อนในห้องก็แบบ.. อ้าว งงเลยทีนี้... จารก็ไม่ได้ด่าร้องไห้ทำไม? จากนั้น D ก็วิ่งออกจากยิมไปเลย ไปนั่งร้องไห้คนเดียวที่ม้านั่งประจำกลุ่มเรา พอคาบบ่ายอาจารย์ยังไม่มาแต่เราสงสัยว่าทำไม D ยังไม่มาเข้าห้อง เราเดินไปหาที่ม้านั่งเพื่อนในห้องที่เดินสวนกับเราก็พูดว่า "พยายามให้มาเรียนแล้วนะแก แต่ก็ร้องไห้เหมือนเดิม" เราก็เลยเดินไปเจอ D นั่งร้องไห้
เรา "ถามจริงๆนะ แกร้องไห้ทำไม?"
D "เค้าเครียด เค้ากลัวว่าเค้าทำไม่ได้ เค้าก็จะร้องไห้แบบนี้"
เรา "เรื่องมันผ่านมาแล้วแก เค้าก็กลัวว่าเค้าจะทำไม่ได้ แต่มานั่งร้องไห้มันก็ไม่ได้อะไรใช่ไหม? งั้นแกก็อย่าร้องไห้เลยตาบวมเปล่าๆเรื่องก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้แกต้องเข้าเรียนได้แล้วอาจารย์จะมาแล้ว"
จากนั้น Dเดินตามเราเข้าเรียนเหมือนเดิม
(มาถึงจุดนี้เราบอกเลยนะ ว่าเราอึดอัดมาก เราเคยวีนแตกใส่ D ไปแล้วครั้งหนึ่งว่าทำไมไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ช่วยทุกอย่างแต่ไม่ปรับตาม จขกท.ไม่ใช่คนใจเย็น เป็นคนใจร้อนด้วยซ้ำ แต่ที่เราไม่วีนแตกอีกเพราะคนเป็นโรคนี้เราวีนแตกใส่เขาไม่ได้ เขาจะเครียดหนักกว่าเดิม ร้องไห้หนักกว่าเดิม ตอนที่เราวีนแตก Dเคยบอกว่า "วันไหนมีเรื่องเครียดมากๆ เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ ก็จะแอบไปร้องไห้ที่ห้องคนเดียว" ตอนนั้นเราแบบ รุ้สึกว่าต้องใจเย็นลงมากกว่าเดิมเพื่อนคนนี้จะได้อยู่รอด)
เรารู้จักพ่อแม่ของ D พ่อแม่เขาไม่ค่อยพาลูกไปเที่ยว ไม่ใช่ว่าไม่ค่อยหรอก เรียกว่าไม่เลยจะดีกว่า คำว่าเที่ยวในที่นี้ของเราคือพาลูกไปเปิดหูเปิดตา ไปเรียนรู้ประสบการณ์ ไปทำความรู้จักคนต่างถิ่น ซึ่งต่างกับจขกท.มากที่พ่อแม่พาไปไหนมาไหนบ่อย พ่อแม่บางส่วน (ย้ำคำว่าบางส่วนนะ) เขาอาจจะมองว่าการพาลูกไปเที่ยวมันไร้สาระ เที่ยวทำไม? เสียเงิน? แต่จขกท.อยากบอกว่ามันช่วยได้จริงๆ ไม่ได้ขอให้คุณเที่ยวบ่อย แต่แค่อยากให้คุณพาคนใกล้ชิดของคุณไปเปิดหูเปิดตาบ้าง (อั้นนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเรานะ เรามันอาจจะผิดก็ได้)
ทุกปิดเทอม D จะได้ไปแค่ บ้านย่า บ้านยาย ไปดูแลคนป่วย ดูแลคนในครอบครัวเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ระหว่างทางที่กลับเจอสถานที่น่าสนใจก็ควรแวะลงบ้าง แต่คือไม่เลย สถานที่เที่ยวจังหวัดใกล้ๆ หรือร้านเค้กในเมืองบ้างที่นะ D ยังไม่รู้จักเลย ไม่เคยได้ยิน
ปิดเทอมนี้พวกเราตั้งใจว่าจะไปติวที่จังหวัดหนึ่งเพราะมีตัวทั้งสายศิลป์ และคำนวณ แม่ของ D อนุญาติ
แต่แม่ D จะให้ D ไปรถตู้เอง .. เราได้ยินยังเงิบ เพื่อนเราเข้าเป็นแบบนี้ ถ้าเขาลงบขส.แล้วเขาจะไปยังไงต่อ เราไม่ได้ไปกัน 2 - 3 วัน เราไปอยู่หอ 1 เดือน เราเลยตัดสินใจว่ามาขึ้นรถกับเราวันไปดีกว่า
วันนี้เรากับในกลุ่มนั่งกินข้าวกัน D ก็ด้วยที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ D ไปสั่งอาหาร เราก็ปรึกษากับ K กับ J ว่าจะเอายังไงดี
เรา : เค้าเคยมีรุ่นน้องเป็นอาการแบบนี้แหละ เป็นแค่ซึมเศร้า โรคไม่กล้าเข้าสังคมไม่เป็น แต่ไม่เป็นหนักขนาดนี้ รุ่นน้องเค้าไปปรึกษาจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว เราอยากให้พา D ไปว่ะแก มันจะได้หาย ไปอยู่ในโลกที่กล้าางขึ้นจะได้ไม่เป็นที่ตลกของใคร ไม่โดนใครหลอกง่ายๆ
J : เอาไว้ D มานั่งโต๊ะเราค่อยบอกแล้วกัน
K : เออๆ
พอ D กลับมานั่งที่โต๊ะ จขกท.เลยพูดก่อนเลย
เรา : พวกเค้าจะพาแกไปหาหมอ แกอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าแกป่วย แต่คือแกไม่เหมือนคนอื่นจริงๆนะ เรื่องการเข้าหาคน เรื่องการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่มันมีผัญหาหน่อยๆอะไรพวกนี้อ่ะ พวกเค้าปรึกษากันมาแล้วว่าจะพาแกไปหาหมอ
J : ถ้าแม่ไม่ให้ไปหรือไม่กล้าบอก เดี๋ยวพวกเค้าพาไปได้นะ เราอยากให้แกหาย แกไปอยุ่ในโลกที่มันมีสังคมกว้างไปอีก พวกเราจะได้ไม่เป้นห่วงแกมาก
พอพวกเราพูดจบแค่นั้นแหละ
D ก็ร้องไห้ขึ้นมา ร้องไม่ใช่ร้องแบบดีใจนะ ร้องแบบเก็บกดอ่ะ พอถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ ตอนนั้นเราอยากวีนแตกกลางห้าง บอกตรงๆว่าอึดอัด
ใครมีวิธีอะไรก็ช่วยฃเม้นบอกด้วยนะค่ะ
จขกท.ก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว เราเปลี่ยนเขาได้แค่ไม่เท่าไร คือเขาต้องปรับด้วยอ่ะ