เป็นพังผืดลำไส้คับ ช่วยมาแนะนำทีผมควรทำอย่างไรให้มันน้อยลง เมื่อผมผ่าตัดใหม่เพราะปวดท้องมากลำไส้อุดตัน

คือผมจะผ่าตัดขูดมันออก แต่หมอบอกว่าโอกาศขึ้นใหม่ 50 - 50 ผมเลยอยากรู้การแนะนำหน่อยคับ ผ่ามาใหม่ควรกินหรือให้ทำอะไรเป็นพิเศษไหม ที่จะขึ้นน้อยกว่าเดิม เพราะมันทรมานผมมาก ปวดท้องทั้งวันเลยต้องผ่าเพราะมันอุดตันคับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
คือปัญหาที่เราเคยเจอมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเดียวกันแต่อยากจะแชร์สิ่งที่เราเคยเป็นมาเผื่อจะมีประโยชน์อะไรบ้างนะคะ

เล่าก่อนว่าพื้นฐานเป็นคนท้องไส้ไม่ค่อยดี ไม่ผูกนานๆปกติแป็บๆก็มีท้องเสียบ้าน ถ่ายเป็นเลือดสดบ้าง เป็นริดซี่อะค่ะ เป็นๆหายๆ แล้วประมาณ 6 ปีที่แล้วเรามาเรียนต่างประเทศ ก็ปกติบ้านผูกบ้าน จนถึงวันนึง เราปวดท้องมากกกกกก ปวดแบบจิกๆ ทุกนาที ไม่ถ่าย ไม่ผายลม ไม่เรอ กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกมาไม่เว้นแม้แต่น้ำหรือยาธาตุ นอนไม่หลับเหงื่อออกกอดท้องตัวเองทั้งคืน จนเกือบจะช็อก เราผ่าไส้ติ่งไปแล้วก็คิดว่าไม่น่าใช่ จะอาหารเป็นพิษก็ไม่ชัวร์เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเพิ่งไปอังกฤษก็ไม่รู้จะไปหาหมออะไรยังไงนึกว่าจะตายแล้ว นอนร้องไห้จนเช้าคลานไปเคาะห้องเพื่อน เพื่อนก็ไปเอาถุงน้ำร้อนมาให้นอนกอด จนได้หลับไปซักพักก็รู้สึกว่าท้องโครกคราก เสียงดัง จนต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ที่ออกมาเป็นน้ำเมือกโคลนสีเขียวๆหมดเลยค่ะ ตกใจมาก ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เริ่มทานอะไรได้ ดื่มน้ำได้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร

จนกลับมาเมืองไทยตอนมหาลัยปิดสองปีต่อมา อยู่ดีๆก็เกิดอาการเดิม คราวนี้ปวดกว่าเดิมมากกก คราวนี้ไปโรงพยาบาลด่วนค่ะ กอดน้าไปจิกจนน้าแขนช้ำเวลาท้องบีบ ร้องไห้ครางฮือ ไปถึงห้องฉุกเฉินพอสอบอาการปุ๊บคราวนี้พูดจาไม่รู้เรื่องแล้วก็ได้ยาแก้ปวดมาช่วยก่อนเลย แน่นอนว่าถูกแอดมิตแน่นอน ก็ดูอาการไป เอ็กซเรย์ ได้มอร์ฟีนมึนๆไปหนึ่งคืน ยังปวดอยู่แต่มึนๆสลึมสลือเพราะยา

ตอนเช้าหมอมา หมอบอกว่าเราลำไส้อุดตัน ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่ดูจากเอ็กซเรย์แล้วคือใช่ ลำไส้โป่งออกมาเลย ฟังท้องก็แทบไม่ได้ยินเสียงลำไส้ทำงาน เราเพิ่งรู้สึกว่ามีท่อสอดเข้าไปในจมูกซึ่งหมอบอกว่ามันลงไปถึงกระเพาะ เพื่อดูดของเหลวที่ผ่านลงไปไม่ได้ออกมาเพื่อลดความดันของระบบย่อยอาหาร ตอนนั้นเมายาแก้ปวดมากเลยไม่รู้สึกรำคาญอะไรมากเพียงแต่พยาบาลบอกว่าจะตึงๆเจ็บๆไม่สบายลำคอนิดหนึ่ง อยู่โรงพยาบาลมึนๆหลับๆทั้งวัน หมอให้งดอาหารทุกอย่าง มีแค่สายน้ำเกลือ ใครมาเยี่ยมก็เลือนลาง คืนที่สองปวดท้องมาก จนต้องขอยาแก้ปวดเพิ่ม นอนจับราวเตียงครางร้องไห้ พยาบาลบอกว่าให้ได้เยอะที่สุดแค่นี้แล้ว ต้องทนเอา นี่ขนาดมอร์ฟีนยังปวดจะตายเอา

วันที่สามหมอมาบอกว่า จะขอดูอาการไปเรื่อยๆ ถ้ายังปวดมากขึ้น หรือระบบยังไม่ได้ทำงานในอีกสองสามวัน อาจจะต้องผ่าตัด ซึ่งก็ทำใจไว้แล้ว ตอนนั้นแค่คิดว่าทำอะไรก็ได้ที่จะให้หายปวด มันปวดจนอยากเอาอะไรแหลมๆแทงท้องตัวเองเพื่อปลดปล่อยออกมา ถ่ายไม่ได้ เรอไม่ได้ ท้องป่องๆ ปวดจิกๆทุกนาที ทรมานมาก จนถึงวันที่สี่ เราเริ่มรู้สึกว่าท้องเรามีเสียง เหมือนตอนนี้เป็นครั้งแรก เราก็ค่อยๆเดินไปเข้าห้องน้ำ เหมือนเดิม ระเบิดออกมาเป็นโคลนสีเขียว ประมาณสามรอบ เริ่มค่อยยังชั่ว หมอมาดูก็บอกว่าได้ยินว่าท้องทำงานแล้ว แต่ขอดูอาการอีกวันและจะลองถอดสายจมูกออกไหม ถ้าอยากถอดจะถอดให้แต่ถ้าท้องอืดอีกจะต้องใส่ใหม่นะ ตอนนั้นเราหมดฤทธิ์ยาแล้วรำคาญมากก็เอาบอกเอาเลยค่ะถอดเลย ตอนถอดเสียวมากแล้วก็เจ็บๆช้ำๆทั้งคอปากซักพักเลยล่ะ

หมอเริ่มให้ทานน้ำซุปก่อนดูว่าระบบลำไส้เรารับได้ไม้ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอาหารเหลว แล้วแข็งในวันที่ห้า ซึ่งก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร ผายลมปกติแล้ว ปัสสาวะปกติ หมอเลยให้กลับบ้าน ก่อนกลับก็เอ็กซเรย์ก่อนคุยกับหมอ หมอบอกว่า ยังไม่ทราบว่ามาจากอะไร อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ ถ้าเป็นไปได้ถ้าเป็นอีก 24-48 ชม.แรกลองงดน้ำและอาหารก่อนเลย แล้วดูอาการ ถ้าปวดหนักขึ้นหรือไม่ไหวก็ต้องไปโรงพยาบาล ออกจากรพ.มา ผอมที่สุดในชีวิต น้ำหนักลดไปประมาณ 10 โลในห้าวัน แต่ไม่แนะนำให้ลดน้ำหนักกันด้วยวิธีนี้นะคะ :')

ผ่านไปอีกสองปี ตอนนั้นอยู่อังกฤษ เราก็เป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง คราวนี้ก็เข้าห้องฉุกเฉินที่นู่นเลย ก็เหมือนเดิมดูอาการ เอ็กซเรย์ งดอาหาร แต่ยังไม่โดนสอดท่อ เราก็บอกเค้าว่ามีประวัติ เป็น Abdominal Obstruction หรือลำไส้อุดตัน เค้าก็ดูแลอย่างดี จนท้องเราทำงานในวันที่สามเหมือนเดิม ก็กลับบ้าน

ปีต่อมาเรากลับไทยไปเยี่ยมบ้านแล้วตอนกลับมาอังกฤษ เราท้องไส้แย่มาก ผูกๆถ่ายท้องๆสลับกัน ตอนอยู่ไทยก็ไม่เป็นอะไรนะ เราก็กลัวว่าจะเป็น IBS (irritable bowel syndrome) หรือมะเร็งลำไส้นู่น เราก็ไปหาหมอ GP ที่นี่ เค้าก็ตรวจเลือดดูอะไรต่างๆ ระดับวิตามิน ฮอร์โมน นู่นนี่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เค้าก็แนะนำว่า จะจ่ายยาเสริมวิต D ให้ไปซื้อ และนอกจากนั้นให้เราทำ Food Diary ของสิ่งที่เรากินในวันนั้นๆและสุขภาพท้องของเรา เราก็เริ่มทำมาเรื่อยๆ แล้วตอนนั้นลดความอ้วนอยู่ สิ่งที่ดื่มแทนข้าวก็คือ

"นม"

นั่นเอง ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดอะไรกับมันมาก่อน เพราะก็ดื่ม ทาน นม โยเกิร์ต ชีส ครีม มาตลอด ไม่ได้คิดอะไร จนมาฉุกคิดได้ว่าเออ ตอนกลับไทยรอบนี้ไม่ได้แตะนมเลย คือเพิ่งค้นพบร้านน้ำเต้าหู้แถวบ้านที่ไม่เคยกินแล้วพบว่ามันดีมากกกก เลยกินทุกวันๆๆ แล้วกลับมานี่ ก็มากินแต่นมแทนข้าว ก็กลับไปหาหมอเลย หมอก็บอกว่าให้ลองงดแล้วลองดู ว่าพบความเปลี่ยนแปลงไม้ แต่มีความเป็นไปได้มาก เราก็ลองเลย ระหว่างนั้นก็ย้อนคิดไปในอดีตถึงชีวิตเรากับนม แล้วประจวบเหมาะกับได้อ่านบทความเกี่ยวกับคนเอเซียตะวันออกกับการเป็น Lactose intolerant และนมทำให้ลำไส้อักเสบ

ถามแม่แม่บอกว่าตอนเป็นทารกเลิกนมแม่แล้ว เรากินนมยากมาากกก กินยี่ห้อไหนก็ท้องเสีย อ้วกแตก - -" ทำไมไม่บอกเราตอนเราสี่สิบเลยล่ะ แล้วเราที่เป็นคนที่ท้องผูกท้องไม่ดี เราก็ใช้นมเป็นตัวช่วยมาตลอด เราคิดว่านมช่วยให้เราถ่าย ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง บางทีก็คิดว่าเป็นเพราะจุลชีพในระบบไม่สมดุลก็กินเข้าไปสิโยเกิร์ต อมยิ้ม20 เค้ก ครีม ไอติมอะไรเราชอบมาก ไม่คิดเลยว่ามันจะมีส่วนทำให้ระบบขับถ่ายเรามันปั่นป่วนทุกวัน คิดไปถึงวันที่ไส้ตันครั้งแรกที่อังกฤษว่าค่ำก่อนเป็นเราไปกินนันโด้กับเพื่อนแล้วล่อโฟรเซ่นโยเกิตรีฟิลไปสองถ้วย ฮ่าๆ อีกครั้งก็เพราะเค้ก กับล่าสุดก่อนมาหาหมอก็เพราะกินนมลดความอ้วน

งดนมมาได้ครึ่งปี เออ ชีวิตดีขึ้นมากกก ขับถ่ายปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีความสุขมาก ถือเป็นบุญชีวิตมากๆที่มารู้เอาตอนนี้ You are what you eat นี่มันจริงๆเลยนะคะ กลับไปคุยกับหมอ หมอบอกว่ามีสิทธิ์สูงมากที่เราจะแพ้นม แพ้จนลำไส้อักเสบในบางครั้ง บวมอักเสบจนเกิดอาการลำไส้อุดตัน รู้ตอนนี้ก็ดีแล้ว ทำตัวถูก นี่ก็งดนมมาสามปีแล้ว โชคดีว่าที่นี่มี lactose free milk และ ของ lactose free ต่างๆช่วยได้พออยาก ส่วนไอติมหรือครีม ก็ต้องอดไป แต่ก็แลกกับสุขภาพท้องไส้และจิตที่ดึขึ้นมากค่ะ ไม่มีอาการลำไส้อุดตันอีกเลย ยกเว้นบางทีแอบกินไอติมหรือครีมบ้างก็นอนกอดกระเป๋าน้ำร้อนไป แต่แปลกอย่างนึงที่เราพอทานชีสได้ไม่ค่อยมีอาการอะไรถ้าไม่กินเยอะๆ ซึ่งหมอบอกว่า อาจจะเป็นเพราะแลคโทสในชีสมีเยอะไม่เท่านมหรือครีม

ก็หวังว่าสิ่งที่เราเล่ามาจะมีประโยชน์อะไรบ้าง ถึงจะไม่ได้ตอบเจ้าของกระทู้ในสิ่งที่ถามมาแต่ก็แค่อยากจะบอกว่าบางทีก็แค่

"You are what you eat" นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่