Tokyo คนเดียวก็เที่ยวได้

สวัสดีชาวพันทิปทุกๆคนนะคะ วันนี้ว่าง เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ การไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาวคนเดียวเผื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากไปค่ะ

ขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นกระทู้แรกค่ะ ไม่เคยตั้งที่ไหนเลย ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ  และอีกอย่าง คือพิมพ์ในโทรศัพท์ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่า จะทำให้อ่านยากกว่า พิมพ์ในword รึเปล่า

อ้างอิงการท่องเที่ยว จาก mukura ค่ะ คือเราดูวิธีการท่องเที่ยว รวมถึงการดำเนินการต่างๆ จาก mukura ค่ะ  และในกระทู้นี้จะเป็นแค่การเล่าให้ฟังว่าเราไปเจออะไรมาบ้าง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ายังไง ประมาณนี้ค่ะ

เริ่มกันเลยน๊า  ดอนเมือง ---> โตเกียว(นาริตะ) 6วัน

ตั๋วโปร แอร์เอเชีย บินตรง ราคา 6,700 บาท (ไปกลับ) รวมภาษีสนามบิน ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋าค่ะ

งบท่องเที่ยว 100,000 เยน (ประมาณ 30,000.- บาท)

เราพักที่ชินจูกุนะ วันแรกที่ไปถึงสนามบินนาริตะ  เนื่องจากเราเป็นผู้หญิง เดินทางคนเดียว ต้องเตรียมเอกสารไปบ้าง เพราะกลัวว่า ตม.เค้า จะไม่ให้เข้าค่ะ เค้าจะคิดว่าเราจะไปขายบริการที่นั่น  ในเรื่องของกระเป๋า พยายามหลีกเลี่ยงการใช้กระเป๋าก้อปแบรนด์นะ ถ้าเค้าขอตรวจเราโดนจับได้เลยนะ เราถือกระเป๋าคิตตี้ไป โชคดีที่รอด แต่อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะ เสียเวลาเที่ยวถ้าเราโดนจับอ่ะ
เอกสารที่เราเตรียมไป ก้อจะเป็น
1. บอร์ดดิ้งพาสวันกลับ
2.ปริ้นท์ใบจองรถบัสไปคาวากูชิโกะ
3.ปริ้นท์เอกสารการจองที่พัก

ซึ่ง ตม. ที่เราเจอ เป็นผู้หญิงค่ะ เค้าถามเราว่า เรามากี่คน เราตอบว่ามาคนเดียว เราเห็นท่าทางเค้าแบบ มาคนเดียวหรอ ดูอึกๆอักๆ เราเลยหยิบเอกสารที่เตรียมไปให้เค้าดู เพื่อที่จะบอกว่า ฉันแค่มาเที่ยวนะ อยากมาดูฟูจิซัง  เค้าก้อให้เราผ่านละ แต่เราโดนค้นกระเป๋า และตรวจร่างกาย  เราไม่มีอะไรแปลกปลอมอยู่แล้ว เชิญตรวจตามสบายจ้า อิอิ  หลังจากออกมาแล้ว ก้อไปซื้อตั๋วรถไฟนั่งเข้าชินจูกุกัน เราเลือกใช้บริการของ JR narita express หรือ N'EX นั่นเอง ซื้อแบบไปกลับเลยจ้า 4,000 เยน เท่านั้น  อ้อ!!! ลืม ก่อนลงไปซื้อ ตั๋ว N'EX เราแวะซื้อ ตั๋ว Tokyo Metro pass แบบ 3วัน  1,500 เยน ที่เค้าเตอร์ keisei  ด้วยจ้า ได้ตั๋วครบแล้ว เราก้อไปรอรถไฟกันเลย ไม่ต้องกลัวได้ยืนนะ เพราะเค้าจะระบุที่นั่งให้เรา  บนตั๋วจะมีระบุเวลารถไฟมาและถึงจุดหมาย ไม่ต้องกลัวเลย หรือหลงนะ เค้ามีบอกสถานีชัดเจน และตรงเวลา

คืนแรกที่ถึงชินจูกุ เราพักที่ shinjuku kuyakusho-mae เป็นแคปซูล  ถนนคาบูกิโจว (ให้ออกสถานีJRฝั่ง EAST Exitค่ะ)อันนี้เปิดแมปไปไม่หลงชัวร์ ปากทางเป็นร้าน มิสเตอร์โดนัท เดินเข้าไปไม่ลึก ที่พักมีชั้นหญิงล้วนค่ะ ประตูมีรหัสผ่านซึ่งเปลี่ยนรหัสใหม่ทุกวัน เปิดเข้าไปจะมีชั้นวางกระเป๋า ห้องล้อกเกอร์ ในตู้ล้อกเกอร์ จะมีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม ชุดนอน และรองเท้า ให้ค่ะ ส่วนในห้องน้ำรวมหญิงล้วน(ที่สะอาดมาก) มีเครื่องใช้ให้พร้อม สำลี คอตตอนบัต ที่เช็กเครื่องสำอางค์ โฟมล้างหน้า ครีมทาผิว แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ แชมพู ครีมนวด ไดรเป่าผม ห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกส่วนกัน (ขอย้ำสะอาดมากจิงๆ)

คืนแรกนอนไป ตื่นตี 5 เพราะวางแพลนไว้จะไปนอนที่ kawaguchiko 1คืน จองที่พักไว้ที่ Tominoko hotel(วิวฟูจิ)  วันนี้แหละที่เป็นปัญหา เดี๋ยวเล่าให้อ่าน ^^ แล้วจะสรุปอีกทีนะ  

วันที่ 2  ---> เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่อากาศแปรปรวน ที่โตเกียว ฝนตก และมี หิมะ เต็มพื้นถนน เราออกจากที่พักแต่เช้าประมาณ 6โมงครึ่ง เพื่อจะเดินไปขึ้นรถบัส แต่ออกมาเจอฝน มือนึงถือร่ม มือนึงถือกระเป๋า ไม่มีมือเปิดกูเกิ้ลแมปละ เลยต้องอาศัยถามทางเอา เราเดินมั่ววนไปวนมา แล้วไปถามผู้หญิงคนนึง เค้าไม่รู้ทางหรอกแต่เค้ามีน้ำใจกับเรามาก เค้าพยายามหาคนที่รู้ทางมาบอกเรา ให้กาแฟเรามาถือแก้หนาว คนญี่ปุ่นน้ำใจงามจริงๆ สุดท้ายเราตัดสินใจนั่งรถแท้กซี่ เพราะหนาวมาก ระยะทางแค่ 5นาที ถ้ารู้ทางก้อเดินได้สบาย แต่พอมาถึงสถานีรถบัส เป็นอันช็อกเมื่อรถทุกสายหยุดวิ่ง รวมไปถึงรถไฟบางสายด้วย ทำไมน่ะหรอ หิมะตกไง หนา 30เซน เยี่ยมไปเรย ร้องไห้แปป ระหว่างนั้นฝนยังตกอยู่นะ ตกจริงจังมาก ตกถึงบ่าย3อ่ะ  วันนั้นได้เจอพี่คนไทย 2คน มาขึ้นรถที่นี่เหมือนกันแต่พี่เค้าจะไป takayama ไปไม่ได้เหมือนกัน เราเลยชวนกันไปหาไรกินแก้หนาว แล้วก้อแยกกัน เราตัดสินใจนั่งแท้กซี่กลับไปที่พักเดิม เพื่อฝากกระเป๋า แล้วออกมาเดินเที่ยวย่านชินจูกุ  

บทสรุปสำคัญของวันนี้
1. เราเลือกที่จะไปเที่ยวฤดูหนาว ชอบหิมะ ก็ต้องทำใจกับสภาพอากาศ ถ้าต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟ ในวันที่หิมะตก อาจเดินทางไม่ได้ต้องเปลี่ยนแผน ซึ่งเราก้อเปลี่ยนแผนเร่งด่วนเหมือนกันค่ะ

2. ถ้าเลือกเที่ยวช่วงนี้ เราโชคดีที่จองโรงแรมผ่านเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินแบบหิมะตกไปไม่ได้ จะได้ไม่เสียเงินฟรี คือเราไม่รู้นะว่าถ้าจองแล้วไม่ไป โรงแรมจะทำยังไงต่อ (แล้วเราก้อไม่รู้ด้วยว่าคนที่จองผ่านเว้บบุคกิ้งต่างๆสามารถขอคืนเงินได้รึป่าว ในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้ายอ่ะค่ะ) แต่คือเราให้เจ้าหน้าที่ที่สถานีรถบัส ช่วยติดต่อทางโรงแรมให้หน่อย เพราะเราไปไม่ได้เนื่องจากติดหิมะ เราจึงยกเลิกได้ โดยไม่ต้องเสียอะไร จริงๆจะเลื่อนแต่ห้องเต็ม เลยต้องยกเลิก

ต่อๆๆๆ วันต่อมาวันที่3 อากาศดี๊ดี ตื่นเช้าเหมือนเดิม แต่ๆๆๆๆ ยังไปหาฟูจิซังไม่ได้ เฮ้อ เก้ออีกละ ไม่เปนไร นั่งรถไฟเที่ยวที่อื่นไปก่อนละกัน วันนี้จึงเริ่มเที่ยว ตั้งแต่วัดอาซากุสะ อุเอะโนะ ตลาดปลาซึกิจิ ชิบูย่า ฮาราจูกุ กลับมาชินจูกุ  เดินคนเดียวไปเรื่อยๆนะสบายมากๆ ไม่เสียเวลา เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก  

วันนี้ขอพูดถึงรถไฟใต้ดิน ของ tokyo metro หน่อย เป็นอะไรที่สะดวกสบายมากๆ สถานีมีเยอะ เดินออกตรงนี้ เดินไปลงอีกที่ได้ด้วย ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา หลักการง่ายๆ ในการดูสายรถไฟนะ โหลดแอป tokyosubway มาเลย เข้าแอป เลือสถานีต้นทาง ปลายทาง แล้วกดค้นหา มันขึ้นสายรถไฟที่เราต้องใช้ สมมติ เป็น สาย M นะ เราก้อดูว่าเลขสถานีปลายทาง มันเป็นเลขมากหรือเลขน้อยกว่าสถานีปลายทาง จะมีป้ายบอกฝั่งชัดเจนว่า ฝั่งนี้ไปเลขมาก หรือ เลขน้อย ถ้างงอินบ้อกซ์มาถามได้นะคะ  ในสถานี มีป้ายบอกทางไปชานชาลาชัดเจน ไม่ต้องกลัวหลง เดินตามป้ายไปเลย ^^ นั่งรถไฟ เป็นอะไรที่สนุกมากอ่า

วันที่ 4 วันนี้ได้ไปหาฟูจิซังแล้ว แต่เนื่องจากเราตื่นสาย เพราะนอนดึกเลยทำให้กว่าจะไปถึง Kawaguchiko ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ไปถึงก้อหม่ำ Houtou ก่อนเลยจ้า เค้าว่าไปแล้วต้องกินอ่า (ร้านอยู่ตรงข้ามสถานีเลยค่ะ)  เสร็จแล้วข้ามกลับมาซื้อตั๋วเรโทรบัสค่ะ จุดหมายที่อยากไปคือไปขึ้นกระเช้าที่ Ropeway แต่อดค่ะ เพราะวันนั้นลมแรง ก็เลยนั่งรถบัสยาวไปถึงสถานีสุดท้ายเลยค่ะ สถานีที่ 22 จุดชมวิวฟูจิซังริมทะเลสาบ ที่มีร้านขายของที่ระลึก และ เครื่องดื่ม รวมถึงซอฟท์ครีมค่ะ เราไปถึงก้อถ่ายรูปไปเพลิน เข้าไปซื้อซอฟท์ครีม มาถ่ายรูปคู่กับฟูจิซัง ถ่ายเล่นไปสักพักก็นั่งรถบัสกลับมาที่สถานี Kawaguchiko เพื่อรอ Hightway Bus กลับชินจูกุ จุดรอรถบัส มี 3จุด เค้าจะมีป้ายบอกว่าจุดไหนไปไหน ดูดีๆนะจ้ะ รอผิดจุด ตกรถน๊า

ขอแนะนำที่พักที่เราจองไว้ตั้งแต่แรกนะคะ ที่เราจะมา แต่มาไม่ได้เพราะหิมะตก เราจองไว้ที่ Tominoko Hotel ค่ะ ไปเห็นกับตามาแล้วว่า วิวฟูจิทุกห้อง เพราะโรงแรมอยู่ตรงข้ามกับฟูจิซังเลย แต่ห้องที่นี่จะเป็นเตียงหมด มีอาหาร 2มื้อ ราคาจะถูกกว่า sunnide resort(อ่านว่า ซัน-นิ-เดะ) แต่อยู่ใกล้กัน แต่ที่ Sunnide จะมีห้องแบบญี่ปุ่นด้วย จริงๆเราอยากนอนแบบนี้อ่า 55555

วันที่5 ไม่มีไรมาก วันสุดท้ายของการท่องเที่ยว เช้คเอ้าท์เสร็จ ลากกระเป๋าไปฝากที่ล็อคเกอร์หน้าสถานี JR แล้วไปกินเนื้อย่างย่าน Harajuku ชื่อร้าน Seiko-En อร่อยดีเหมือนกัน ในร้านแบ่งเปนโซนสูบบุหรี่ กับไม่สูบด้วย ที่สำคัญ ตามรีวิว เค้าบอกว่าพนักงานหล่อ อือ ก้อหล่ออ่ะ 555555 กินเสร็จ ก็แวะช้อปปิ้ง เก็บตกรายทางไป จน5โมงเย็น ก็นั่งรถไฟกลับมาเอากระเป๋า คืนนี้เราจะกลับไปนอนที่สนามบินกันเพราะว่าบินกลับไฟล้เช้า 9.15 ก็ไม่มีอะไรมากนะ จากที่เราซื้อตั๋ว NE'X ไว้แบบไปกลับ มันจะเหลือ 1ใบ เราเดินเข้าสถานี JRมา ออฟฟิศเคาท์เตอร์จะอยู่ฝั่งซ้าย ไปที่ตู้กด ของเรามีเจ้าหน้าที่ทำให้ค่ะ ก้อประมาณว่าให้ระบุรอบที่จะไป เสร็จแล้วก็จะได้ตั๋วเพิ่มมาอีกใบ ที่ระบุเวลา และเบอร์เก้าอี้ ระบุเบอร์ตู้รถไฟที่เราจะไปรอ เราก้อเดินเข้าไปข้างใน ตามเบอร์ชานชาลาหมายเลข 5 (เช้คดูอีกทีนะต้องมีบอกว่า Narita Express ด้วยนะจ้ะ) รอรถไฟกันเลย พอมาถึงสถานี ก้อขึ้นมานอนที่ชั้น 3นะ มีโซฟาให้นอน สบายเลยแหละ ก็ปลอดภัยนะ มีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตลอด

จบแล้วทริปนี้ เป็นทริปที่สนุกมาก ใครจะไปคนเดียวไม่ต้องกลัวเหงานะ มันตื่นตาตื่นใจ สนุกจนลืมเหงาเลยแหละ

ปล.แนะนำขั้นตอนต่างๆดูได้จากเพจ Mukura นะคะ เราเอาข้อมูลจากเพจนี้เลย อันนี้เราแค่มาเล่าให้ฟังสนุกๆอ่า

ถ้าใครสงสัยอะไร หรืออยากได้คำแนะนำ ก็สอบถามได้นะคะ  ขอบคุณที่ติดตาม และหวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆบ้างนะคะ

ยินดีรับคำติชมทุกประการ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่