สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเวลาว่าง คิดกับเพื่อนว่าจะไปดอยหลวงเชียงดาว แต่พอติดต่ออุทยานไป ปรากฏว่าเต็ม T^T เศร้าแปป จากนั้นก็เคว้ง ไม่รู้จะไปไหนกันดี เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่า ไม่เป็นไร เดียวก่อนวันจะเดินทางเราคงรู้เองแหละว่าจะไปไหน ><"
และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เราตกลงกันว่าจะไปปาย เมืองที่เราไปมา2รอบล่ะ แต่ก็ยังจะไปอีก ><"
การเดินทางคราวนี้ เรามีสมาชิกกัน3คน แต่ละคนเตรียมตัวกันดีมาก คืนก่อนออกเดินทางเรานอนตีสามได้แล้วตื่นมาเรียนแบบเบลอๆ กระเป๋าไม่ได้จัด ไว้เรียนเสร็จค่อยกลับ ที่นี้ก็โทหาเพื่อน คนนึงเพิ่งลงเวรมา สภาพก็อย่าได้ถาม ไม่พร้อม อีกคนหนักกว่า คือนางลืมว่าวันนี้เราจะเดินทางกัน ==' การเดินทางครั้งนี้ ไม่แตกต่างจากครั้งอื่นก็ตรงที่ เราไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลยจริงๆ
จะไปเที่ยวหรอ? โอเค เก็บกระเป๋าแปป แล้วก็ไปกันเลย
เราออกจากเชียงใหม่ตอนสองโมงครึ่งถึงปายแบบทุลักทุเล ต้องใช้คำนี้ เพราะคราวนี้เราไม่ได้กินยาแก้เมา เห็นทางเต็มสองตา โอ้โห้ มันจอร์จมาก ทางโหดมาก =='

ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ ปาย เมืองแห่งขุนเขา
เรามาถึงก็ประมาณห้าโมงครึ่ง อย่างแรกที่ต้องทำคือ หาที่พัก และปกติแล้ว เวลาเรามาปายกับกลุ่มเพื่อนๆ เราจะมีที่พักที่จะไปพักเป็นประจำคือ aromdee city hut เป็นเก็ทเฮ้าส์เล็กๆ ที่ติดกับถนนคนเดิน เรารู้สึกประทับใจกับที่นี่ตั้งแต่แรก เรากฌไม่คิดจะเปลี่ยนไปที่อื่น แต่วันนี้ที่เรากลับไป คือที่พักของเราได้แปรเปลี่ยนเป็นร้านอาหารไปเป็นที่เรียบร้อย ><"

แล้วคืนนี้เราจะนอนไหน??
สุดท้ายเราก็เจอเก็ทเฮ้าส์ที่ชื่อ เฮือนสราญ เป็นที่พักแบบเป็นห้องก็มี เป็นโดมก็มี นักท่องเที่ยวที่มาพักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เจ้าของก็ยังเป็นชาวต่างชาติเลย ><" สำหรับที่พัก เราเลือกห้องสำหรับ2คนและเพิ่มเตียงเสริม ราคาอยู่ที่คืนละ 800 บาท (รวมเตียงเสริมแล้ว)
จากนั้นเราก็ออกไปหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน มีอาหารต่างชาติเยอะมาก คงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ

ด้วยความเหนื่อยกับการเดินทาง เราก็กลับห้องมานอนอุตุกันแล้วตกลงกันว่าพักกันสักแปปให้หายเมารถล่ะเดี๋ยวสักสี่ทุ่มค่อยออกไปเดินเล่นใหม่
พอสี่ทุ่มถนนคนเดิมเค้าเริ่มเก็บของกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้เดินดูแล้ว คนแถวนี้นอนเร็วเน้อะ ><" เราก็เดินกลับที่พักกัน แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับเพลงจากบาร์นึง ชื่อ Jikko Bar เป็นบาร์ที่ติดกับถนนคนเดินเลย คนเยอะมาก เพราะสนุกมาก มีหรอเราจะไม่สนใจ เข้าไปสิครัช รอไรอยู่ ><"

เจ้าของร้านเฟลนลี่มาก เพลงก็สนุกมาก ที่สำคัญ ฝรั่งเต็มร้านเลยครัช ^^
จากนั้นก็กลับที่พักและนอนหลับฝันดี ผ่านไปหนึ่งคืนที่ปาย...
เช้าวันต่อมาเราปลุกนาฬิกาตอนเจ็ดโมง หูยย อากาศหนาวเข้ากระดูก เราเปิดประตูออกไปตรงระเบียง... หูยยยย ถ้าจะหนาวขนาดนี้ นอนซุกผ้าห่มต่อเถิด แล้วก็เลยเถิดไปจนจะเที่ยง..บางทีก็ไม่แน่ใจว่า มุงมาเที่ยวหรือมานอนกันแน่ ><"
ด้วยความที่อากาศไม่หนาวแล้ว คือดีหรอ? เปล่า คือร้อนหนักมาก ไม่มีอารมณ์เที่ยวสิครัช เราก็เลยไปเที่ยวที่กองแลนหรือแกรนแคนยอนปาย และก็ไปไหว้พระะที่วัดน้ำฮู แล้วก็กลับมานอนต่อกัน (มานอนจริงๆ)

ตอนเย็น เราก็ออกมาเดินเล่นถนนคนเดินกัน อากาศเริ่มโอเค อากาศเย็นๆ กำลังสบาย เราเดินเล่น ถ่ายรูปได้โปสการ์ดกับที่คั่นหนังสือมาสองสามใบ และก็กลับที่พัก นอนดูทีวีต่อ(นอนอีกล่ะ)

กู๊ดไนท์คืนที่สอง.. คืนนี้เราเริ่มคิดล่ะว่า เรามาทำอะไรที่ปายครัช?? งั้นพรุ่งนี้ตั้งใจตื่นเช้าสักวันแล้วกัน..
อืดดด..อืดดดด... เสียงนาฬิกาปลุกตอนตีห้า เราเพิ่งจะนอนไปได้สองชั่วโมง ก็ตื่นขึ้นมา เอาว่ะ ไปดูเมืองปายตอนเช้าๆ กัน..
เราออกที่พักมาตอนตีห้ากว่าๆ ท้องฟ้ายังมืดสนิท เมืองปายตอนนี้ปราศจากคน มีเพียงเสียงสวดมนต์จากวัดใกล้ๆ เราปรึกษากับเพื่อน ไปสวดมนต์มั้ย?? คือไม่รู้จะไปไหน ><" แต่ก็ไม่รู้เขาสวดมนต์กันตรงไหน เปิดเทปหรือยังไง ไม่รู้ไม่แน่ใจ ไม่มีใครให้ห้าม งั้นไปตลาดแล้วกัน ตลาดสดตอนเช้าๆงี้ มีอะไรให้ดูชัวร์... ไปตลาดกัน เย้! มีร้านเปิดอยู่สองสามร้าน เดินวิเดียวรอบตลาดได้ หือไปไหนดี ก็ขี่มอไซต์ไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านปาท่องโก๋ในตำนานเมืองปาย อ่ะแวะนิดนึง ปาท่องโก๋อร่อยมาก น้ำเต้าหู้ไม่อร่อยเท่าไหร่ มันยังมีกลิ่นถั่วเขียวที่ยังไม่ได้ต้มอยู่ แต่ที่เราชอบมากเลยคือ ชาร้านนี้ คือหอมมากอ่ะ คือชอบมาก ไม่รู้ชาอะไร ไว้มาปายอีกค่อยมากินอีกแล้วกัน
จากนั้นเราก็ข้ามแม่น้ำปายไปเที่ยวอีกฝั่งนึง ตอนเรานั่งรถมาปาย เราเห็นพระพุทธรูปสีขาวอยู่บนเขาไกลลิบๆ เราก็เริ่มสนใจล่ะว่านั่นวัดอะไรนะ แล้วเช้าวัดนี้ก็ทำให้เราได้ขึ้นไปกราบพระบนนั้น วัดที่เราไป คือ วัดพระธาตุแม่เย็น เราไปกันเช้ามาก ฟ้ายังไม่สว่างเลย พอกราบพระเสร็จก็เดินลงบันไดมา และเจอฝรั่ง3คน เดินขึ้นบันไดด้วยท่าทางที่สงบมาก เราเห็นแล้วรู้สึกอยากสำรวมกายวาจาใจขึ้นมาเดียวนั้นเลย สุดยอดจริงๆ ขออนุโมทนา _/\_

จากนั้นเราก็ขี่มอเตอร์ไซต์อยู่ในหมู่บ้านแถวนั้น แวะถ่ายรูปข้างทาง บลา บลา

เราจองตั๋วรถไว้ตอน 11.00น. เรามีเวลาเหลือประมาณ3-4ชัวโมง ด้วยความที่วันนี้อากาศไม่หนาวมาก เราก็เลยคิดว่างั้นไปเก็บจุดแลนด์มาร์คที่ไม่ได้ไปกันเถอะ นั้นก็คือ สะพานประวัติศาสตร์และcoffee in love

ภาพบ้านหลังนี้ เราเห็นแล้วรู้สึก อยากชวนใครสักคนมาชราไปด้วยกัน ฮ่าาา (ขอมโนแปป)
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตกันต่อไป หมดเวลาพักผ่อนแล้วสิ งานที่อาจารย์สั่งเสร็จหรือยัง?? โอ้วว ความจริง...

สำหรับเมืองปาย เมืองเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา ใครที่มาแล้ว อาจรู้สึกว่า มีแค่นี้เองหรอ? มันก็จริงนะ ปายไม่ได้มีอะไร แต่มันก็อยู่ที่เรานะ ว่าจะคาดหวังอะไรจากที่นี้แค่ไหน? สำหรับเราการเดินทางในครั้งนี้ การมาเที่ยวปายในครั้งนี้ พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเราได้เห็นปาย ในแบบที่ปายเป็น เราได้เห็นธรรมชาติของที่นี้ ถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปจากเดิม บางอย่างหาย บางอย่างมีมากเพิ่มเติม แต่ทุกอย่างมันย่อมมีวันที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ปายแค่เปลี่ยนแปลงเร็วจนเราสังเกตได้ก็แค่นั้น...

สุดท้ายนี่คือโปสการ์ดที่เราไม่ได้ส่ง เพราะลืมซื้อแสตมป์และขอที่อยู่เพื่อน เอาไว้ถ้าเจอกัน เราจะเอาให้นะ^^
**สำหรับทริปนี้ เราใช้กล้องโทรศัพท์ i5s ภาพตอนกลางคืนจะมี noise เยอะ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ^^ <3
[CR] ปาย เมืองที่ไม่มีอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมยังไป รอบที่3แล้ว
และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เราตกลงกันว่าจะไปปาย เมืองที่เราไปมา2รอบล่ะ แต่ก็ยังจะไปอีก ><"
การเดินทางคราวนี้ เรามีสมาชิกกัน3คน แต่ละคนเตรียมตัวกันดีมาก คืนก่อนออกเดินทางเรานอนตีสามได้แล้วตื่นมาเรียนแบบเบลอๆ กระเป๋าไม่ได้จัด ไว้เรียนเสร็จค่อยกลับ ที่นี้ก็โทหาเพื่อน คนนึงเพิ่งลงเวรมา สภาพก็อย่าได้ถาม ไม่พร้อม อีกคนหนักกว่า คือนางลืมว่าวันนี้เราจะเดินทางกัน ==' การเดินทางครั้งนี้ ไม่แตกต่างจากครั้งอื่นก็ตรงที่ เราไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลยจริงๆ
จะไปเที่ยวหรอ? โอเค เก็บกระเป๋าแปป แล้วก็ไปกันเลย
เราออกจากเชียงใหม่ตอนสองโมงครึ่งถึงปายแบบทุลักทุเล ต้องใช้คำนี้ เพราะคราวนี้เราไม่ได้กินยาแก้เมา เห็นทางเต็มสองตา โอ้โห้ มันจอร์จมาก ทางโหดมาก =='
ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ ปาย เมืองแห่งขุนเขา
เรามาถึงก็ประมาณห้าโมงครึ่ง อย่างแรกที่ต้องทำคือ หาที่พัก และปกติแล้ว เวลาเรามาปายกับกลุ่มเพื่อนๆ เราจะมีที่พักที่จะไปพักเป็นประจำคือ aromdee city hut เป็นเก็ทเฮ้าส์เล็กๆ ที่ติดกับถนนคนเดิน เรารู้สึกประทับใจกับที่นี่ตั้งแต่แรก เรากฌไม่คิดจะเปลี่ยนไปที่อื่น แต่วันนี้ที่เรากลับไป คือที่พักของเราได้แปรเปลี่ยนเป็นร้านอาหารไปเป็นที่เรียบร้อย ><"
แล้วคืนนี้เราจะนอนไหน??
สุดท้ายเราก็เจอเก็ทเฮ้าส์ที่ชื่อ เฮือนสราญ เป็นที่พักแบบเป็นห้องก็มี เป็นโดมก็มี นักท่องเที่ยวที่มาพักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เจ้าของก็ยังเป็นชาวต่างชาติเลย ><" สำหรับที่พัก เราเลือกห้องสำหรับ2คนและเพิ่มเตียงเสริม ราคาอยู่ที่คืนละ 800 บาท (รวมเตียงเสริมแล้ว)
จากนั้นเราก็ออกไปหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน มีอาหารต่างชาติเยอะมาก คงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ
ด้วยความเหนื่อยกับการเดินทาง เราก็กลับห้องมานอนอุตุกันแล้วตกลงกันว่าพักกันสักแปปให้หายเมารถล่ะเดี๋ยวสักสี่ทุ่มค่อยออกไปเดินเล่นใหม่
พอสี่ทุ่มถนนคนเดิมเค้าเริ่มเก็บของกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้เดินดูแล้ว คนแถวนี้นอนเร็วเน้อะ ><" เราก็เดินกลับที่พักกัน แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับเพลงจากบาร์นึง ชื่อ Jikko Bar เป็นบาร์ที่ติดกับถนนคนเดินเลย คนเยอะมาก เพราะสนุกมาก มีหรอเราจะไม่สนใจ เข้าไปสิครัช รอไรอยู่ ><"
เจ้าของร้านเฟลนลี่มาก เพลงก็สนุกมาก ที่สำคัญ ฝรั่งเต็มร้านเลยครัช ^^
จากนั้นก็กลับที่พักและนอนหลับฝันดี ผ่านไปหนึ่งคืนที่ปาย...
เช้าวันต่อมาเราปลุกนาฬิกาตอนเจ็ดโมง หูยย อากาศหนาวเข้ากระดูก เราเปิดประตูออกไปตรงระเบียง... หูยยยย ถ้าจะหนาวขนาดนี้ นอนซุกผ้าห่มต่อเถิด แล้วก็เลยเถิดไปจนจะเที่ยง..บางทีก็ไม่แน่ใจว่า มุงมาเที่ยวหรือมานอนกันแน่ ><"
ด้วยความที่อากาศไม่หนาวแล้ว คือดีหรอ? เปล่า คือร้อนหนักมาก ไม่มีอารมณ์เที่ยวสิครัช เราก็เลยไปเที่ยวที่กองแลนหรือแกรนแคนยอนปาย และก็ไปไหว้พระะที่วัดน้ำฮู แล้วก็กลับมานอนต่อกัน (มานอนจริงๆ)
ตอนเย็น เราก็ออกมาเดินเล่นถนนคนเดินกัน อากาศเริ่มโอเค อากาศเย็นๆ กำลังสบาย เราเดินเล่น ถ่ายรูปได้โปสการ์ดกับที่คั่นหนังสือมาสองสามใบ และก็กลับที่พัก นอนดูทีวีต่อ(นอนอีกล่ะ)
กู๊ดไนท์คืนที่สอง.. คืนนี้เราเริ่มคิดล่ะว่า เรามาทำอะไรที่ปายครัช?? งั้นพรุ่งนี้ตั้งใจตื่นเช้าสักวันแล้วกัน..
อืดดด..อืดดดด... เสียงนาฬิกาปลุกตอนตีห้า เราเพิ่งจะนอนไปได้สองชั่วโมง ก็ตื่นขึ้นมา เอาว่ะ ไปดูเมืองปายตอนเช้าๆ กัน..
เราออกที่พักมาตอนตีห้ากว่าๆ ท้องฟ้ายังมืดสนิท เมืองปายตอนนี้ปราศจากคน มีเพียงเสียงสวดมนต์จากวัดใกล้ๆ เราปรึกษากับเพื่อน ไปสวดมนต์มั้ย?? คือไม่รู้จะไปไหน ><" แต่ก็ไม่รู้เขาสวดมนต์กันตรงไหน เปิดเทปหรือยังไง ไม่รู้ไม่แน่ใจ ไม่มีใครให้ห้าม งั้นไปตลาดแล้วกัน ตลาดสดตอนเช้าๆงี้ มีอะไรให้ดูชัวร์... ไปตลาดกัน เย้! มีร้านเปิดอยู่สองสามร้าน เดินวิเดียวรอบตลาดได้ หือไปไหนดี ก็ขี่มอไซต์ไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านปาท่องโก๋ในตำนานเมืองปาย อ่ะแวะนิดนึง ปาท่องโก๋อร่อยมาก น้ำเต้าหู้ไม่อร่อยเท่าไหร่ มันยังมีกลิ่นถั่วเขียวที่ยังไม่ได้ต้มอยู่ แต่ที่เราชอบมากเลยคือ ชาร้านนี้ คือหอมมากอ่ะ คือชอบมาก ไม่รู้ชาอะไร ไว้มาปายอีกค่อยมากินอีกแล้วกัน
จากนั้นเราก็ข้ามแม่น้ำปายไปเที่ยวอีกฝั่งนึง ตอนเรานั่งรถมาปาย เราเห็นพระพุทธรูปสีขาวอยู่บนเขาไกลลิบๆ เราก็เริ่มสนใจล่ะว่านั่นวัดอะไรนะ แล้วเช้าวัดนี้ก็ทำให้เราได้ขึ้นไปกราบพระบนนั้น วัดที่เราไป คือ วัดพระธาตุแม่เย็น เราไปกันเช้ามาก ฟ้ายังไม่สว่างเลย พอกราบพระเสร็จก็เดินลงบันไดมา และเจอฝรั่ง3คน เดินขึ้นบันไดด้วยท่าทางที่สงบมาก เราเห็นแล้วรู้สึกอยากสำรวมกายวาจาใจขึ้นมาเดียวนั้นเลย สุดยอดจริงๆ ขออนุโมทนา _/\_
จากนั้นเราก็ขี่มอเตอร์ไซต์อยู่ในหมู่บ้านแถวนั้น แวะถ่ายรูปข้างทาง บลา บลา
เราจองตั๋วรถไว้ตอน 11.00น. เรามีเวลาเหลือประมาณ3-4ชัวโมง ด้วยความที่วันนี้อากาศไม่หนาวมาก เราก็เลยคิดว่างั้นไปเก็บจุดแลนด์มาร์คที่ไม่ได้ไปกันเถอะ นั้นก็คือ สะพานประวัติศาสตร์และcoffee in love
ภาพบ้านหลังนี้ เราเห็นแล้วรู้สึก อยากชวนใครสักคนมาชราไปด้วยกัน ฮ่าาา (ขอมโนแปป)
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตกันต่อไป หมดเวลาพักผ่อนแล้วสิ งานที่อาจารย์สั่งเสร็จหรือยัง?? โอ้วว ความจริง...
สำหรับเมืองปาย เมืองเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา ใครที่มาแล้ว อาจรู้สึกว่า มีแค่นี้เองหรอ? มันก็จริงนะ ปายไม่ได้มีอะไร แต่มันก็อยู่ที่เรานะ ว่าจะคาดหวังอะไรจากที่นี้แค่ไหน? สำหรับเราการเดินทางในครั้งนี้ การมาเที่ยวปายในครั้งนี้ พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเราได้เห็นปาย ในแบบที่ปายเป็น เราได้เห็นธรรมชาติของที่นี้ ถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปจากเดิม บางอย่างหาย บางอย่างมีมากเพิ่มเติม แต่ทุกอย่างมันย่อมมีวันที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ปายแค่เปลี่ยนแปลงเร็วจนเราสังเกตได้ก็แค่นั้น...
สุดท้ายนี่คือโปสการ์ดที่เราไม่ได้ส่ง เพราะลืมซื้อแสตมป์และขอที่อยู่เพื่อน เอาไว้ถ้าเจอกัน เราจะเอาให้นะ^^
**สำหรับทริปนี้ เราใช้กล้องโทรศัพท์ i5s ภาพตอนกลางคืนจะมี noise เยอะ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ^^ <3
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น