ยาวหน่อยนะครับ เนื่องจากอยากให้เข้าใจปัญหาที่ทำให้ต้องการความช่วยเหลือ ขออนุญาตนะครับ
เนื่องจากประมาณปลายปี 2556 พี่สาวมีเนื้องอกในสมองพบครั้งแรก(ตอนนั้นพี่อายุ50) เนื่องจากอยู่ดีๆชัก แพทย์ตรวจทำ CT scan , MRI มั่นใจว่าเป็นเนื้องอกที่สมองแน่นอน ก็ให้ผ่าตัดเอาออกเรียบร้อย ซึ่งหมอที่ผ่าแจ้งว่าเอาออกหมดเหลือนิดเดียวที่เอาออกไม่ได้ถ้า เนื้องอกมันจะโตอีกก็10ปีโน้นญาติคนไข้ไม่ต้องกังวล
หลังจากนั้นชีวิตก็ดำเนินไปปกติพบแพทย์ตามนัด จนเมื่อพฤษภาคม - มิถุนายนปี 2558 (ประมาณเกือบ2ปีหลังผ่าครั้งแรก) พี่สาวชัก เข้ารพ.ทำ CT scan
ผลคือเนื้องอกกลับมาโตเท่าเดิม ก็เข้าทำผ่าตัดเอาออกอีก แต่คราวนี้แพทย์ที่ผ่าแจ้งว่า เนื้องอกไปเกาะแนวเส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง ซึ่งไม่สามารถเอาออกได้ ซึ่งเนื้องอกจะโตกลับมาเร็วแน่นอนจึงส่งไปฉายแสงที่ โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งโดยแพทย์รังสีแจ้งว่า ต้องฉายแสงทั้งหมด 30 ครั้ง ที่บ้านก็ปรึกษากันว่าคงต้องฉายแสงตามที่แพทย์บอก เพราะไม่งั้นเนื้องอกโตอีกและพี่ก็ชักอีกซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไรมากไปกว่าเท่าที่เรารู้อีกมั้ย
หลังพักฟื้นหลังผ่า ประมาณสิงหาคม 2558 ก็เริ่มทำเรื่องส่งตัวคนไข้เข้าตรวจ เตรียมเริ่มฉายแสง ก็ฉายแสงจนครบ 30 ครั้งเมื่อต้นเดือนกันยายน 2558 หลังจากฉายแสงครบ 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าพี่สาวมีไข้ขึ้นสูงจนไม่รู้สึกตัว ก็พาเข้า รพ. แพทย์บอกอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ตรวจหาเชื้อไม่เจอว่าติดเชื้ออะไร แพทย์ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ระหว่างคนไข้อยู่ ICU สัปดาห์แรกไข้สูงแตะ 38-40 ตลอด พอเข้ากลางสัปดาห์ที่ 2 ไข้ค่อยๆต่ำลงจนปลายสัปดาห์ไข้หายแต่คนไข้รู้สึกตัวแบบเบลอๆ พูดไม่ได้ แขนขาไม่มีแรง กินอาหารไม่ได้ต้องใส่ ท่อเพื่อให้น้ำ-อาหาร แพทย์ย้ายคนไข้มาอยู่หอผู้ป่วยปกติ IPD รวม 2 อาทิตย์ และให้คนไข้กลับบ้าน ถึงตอนนี้ปัญหาคือ ที่บ้านไม่มีคนดูแลเลยพาพี่ไปฟักฟื้นในสถานรับดูแลผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายเดือนละ 18,000 บาทตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2558 จนปลายเดือนธันวาคมพี่สาว ติดเชื้อจากแผลกดทับต้องเข้านอนโรงพยาบาลตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2558 จนหมอให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 กมภาพันธ์ 2559 อยู่ไปเดือนกว่าๆ
พวกเราน้องๆ รวมทั้งแม่ และพี่เขย ภาวนากันว่าเดี๋ยวเขาก็ค่อยๆกลับมาดีขึ้นเหมือนตอนหลังผ่าเอาเนื้องอกออกตั้ง 2 ครั้ง ก็ยังกลับมาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็น เราได้พี่สาวกลับมาสภาพไม่เหมือนเดิม พูดไม่ได้ กินข้าวปกติไม่ได้ แขนขาไม่มีแรง ได้แต่นอนบนเตียง ไม่รับรู้อะไร พวกเราพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าให้พี่สาวอยู่สถานพยาบาลก็จะมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 18000 ซึ่งพี่เขยเราเงินเดือนแค่ 28000 คือไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ ซึ่งตอนที่พาพี่สาวพักที่สถานพยาบาล 2-3เดือนแรก เราเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายให้เองทั้งหมด แต่ถ้าระยะยาวเราคงไม่สามารถช่วยได้หมดเพราะเราเองก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล น้องอีก 2คนก็เช่นเดียวกัน พวกเราไม่ได้มีฐานะดีไม่ได้รวย
ครอบครัวของพี่สาวก็เช่นกัน คนหารายได้หลักก็มีแค่ พี่เขยคนเดียวเป็นโฟร์แมน ทำงานตกแต่งภายใน อายุก็ 57 แล้ว ลูกของพี่ เป็นผู้ชาย 2 คน คนโตทำงานเงินเดือนๆละ 9000 ลูกคนเล็กเป็นออทิสติก ทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้แค่ให้ช่วยยก ช่วยจับแม่พลิกตัวเขาก็ไม่เอาเลย เขาบอกว่าเขากลัว
เรามีพี่สาวพิการทางสมองที่เขาเรียกว่าปัญญาอ่อน มือขวาพิการ ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้อายุ 56
บ้านที่แม่อยู่ก็เช่าทาวเฮ้าร์อยู่กับน้องชาย ซึ่งตอนนี้มีลูกของพี่สาวที่เป็นออทิสติกอยู่ด้วย กลายเป็นแม่ต้องดูแลคนพิการคือพี่สาวอีกคน และหลาน ที่เป็นเด็กออทิสติก แต่เขาก็ดีช่วยทำงานบ้านก็เบาแรงแม่ได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันแม่เราอายุ 78แล้ว เพิ่งผ่าเปลี่ยนเขา และปีนี้หมอก็บอกว่าจะขอผ่าเปลี่ยนเข่าอีกข้างจะได้เดินได้คล่องขึ้น
คือ ทั้งหมดนี้มันคือชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร คือไม่เคยคิดว่าพีสาวจะมาเป็นแบบนี้เพราะ เขาแข็งแรงกว่าเราเยอะ ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย ไม่ว่าจะความดัน ไขมันอะไรดีหมด แต่มีเนื้องอกซะงั้น ครอบครัวเราพ่อเป็นมะเร็งปอดตายไปนานมากละ อันนี้เข้าใจได้เพราะพ่อสูบบุหรี่จัด น้องคนเล็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดตายไปตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ อันนี้ไม่เข้า มีพี่สาวพิการปัญญาอ่อน 1 คน ยังมีชีวิตอยู่ พี่สาวมีลูกเป็นออทิสติกอีก 1
เกริ่นภูมิหลังครอบครัวว่าเจอเรื่องบ้าบออะไรมาเยอะ
ขอคำแนะนำตรงนี้ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ
อยากหางานฝีมือที่เป็นงานไม้ประดิษฐ์อะไรแบบนี้ให้พี่เขยทำ
เพราะตอนนี้จำเป็นต้องหารายได้เสริมเพื่อเอามาจ่ายค่าสถานพยาบาลที่ให้พี่สาวพัก เมื่อตรุษจีนที่ผ่านมาได้คุยกับพี่เขย และน้องๆกันแล้วว่า หมอให้เอาพี่สาวออกจากรพ.มาอยู่บ้าน ซึ่งพี่เขยบอกว่า อยากลองดูแลพี่สาวเองช่วงหยุดตรุษจีนว่าทำเองได้มั้ย จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินเราเรื่องค่าสถานพยาบาล แต่ปรากฏว่า พี่เขยก็ไม่มีความชำนาญ ทำเองไม่ได้แน่ ขนาดเวลาป้อนยายังหลงๆลืมๆ น้องสาวอีกคนที่แต่งงานไปแล้วต้องมาช่วยทำแผลล้างแผลให้ทุกวัน
ท่านใดพอแนะนำงานที่ทำจากที่บ้าน เพื่อหารายได้เสริมได้บ้างขอความกรุณาแนะนำด้วยนะครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ขออภัยถ้าแท็กผิดห้องครับ
******อัพเดทล่าสุดเมื่อ 19/2/2559*****
กราบขอบคุณทุกคำแนะนำครับ
ตอนนี้ต้องให้พี่เขยปรับตัว และจัดตารางเวลาในการดูแลพี่สาวให้เข้าที่ และดูเวลาในแต่ละวันที่ว่างว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าทำงานไม้จริงคงต้องเคลียร์หน้าบ้านจัดพื้นทีไม่ให้เสียงรบกวนผู้ป่วย เพราะตอนนี้ เราให้พี่เขยลาออกจากงานมาดูแลพี่สาวเต็มตัวที่บ้าน ไม่อยากเสียเงินค่าสถานพยาบาลเดือนละ 18,000 แล้วดูแลผู้ป่วยไม่ดี
เพราะล่าสุดที่ต้องเข้าโรงพยาบาลไปอีกเพราะมีแผลกดทับขนาดใหญ่จนติดเชื้อ มีไข้สูง แถบติดเชื้อรามาอีก
เลยหมดความไว้ใจสถานพักฟื้นที่เคยใช้อยู่ จะหาที่ใหม่ก็แพงมากๆ พวกเราสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
เลยคิดกันว่า น้องที่เหลือ 3 คน จะเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะตามมาทั้งหมดเอง
ซึ่งพี่เขยก็บอกว่า อยากดูแลพี่สาวด้วยตัวเองเหมือนกัน
ตอนนี้ซื้อเตียงผู้ป่วยมือ 2(ได้แล้วครับ) ที่นอนลมได้รับบริจาคมาแล้ว กับติดแอร์แล้ว (ถอดเอาแอร์ที่บ้านเราไปให้พี่แล้ว)
และทำม่านกันแอร์ออก (กำลังหาเวลาไปซื้อให้ แต่ยังไม่ว่างเลยครับ ถามร้านเขาบอกประมาณ4,000 เลยว่า ทำเองน่าจะถูกกว่า)
เพราะอากาศเริ่มร้อนผู้ป่วยขยับตัวไม่ได้ จะทำให้แผลกดทับมันอับและขยายวงออกไปอีก
อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำดีมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
อยากหางานฝีมือไม้ ให้พี่เขยทำที่บ้านใครพอแนะนำได้บ้างครับ
เนื่องจากประมาณปลายปี 2556 พี่สาวมีเนื้องอกในสมองพบครั้งแรก(ตอนนั้นพี่อายุ50) เนื่องจากอยู่ดีๆชัก แพทย์ตรวจทำ CT scan , MRI มั่นใจว่าเป็นเนื้องอกที่สมองแน่นอน ก็ให้ผ่าตัดเอาออกเรียบร้อย ซึ่งหมอที่ผ่าแจ้งว่าเอาออกหมดเหลือนิดเดียวที่เอาออกไม่ได้ถ้า เนื้องอกมันจะโตอีกก็10ปีโน้นญาติคนไข้ไม่ต้องกังวล
หลังจากนั้นชีวิตก็ดำเนินไปปกติพบแพทย์ตามนัด จนเมื่อพฤษภาคม - มิถุนายนปี 2558 (ประมาณเกือบ2ปีหลังผ่าครั้งแรก) พี่สาวชัก เข้ารพ.ทำ CT scan
ผลคือเนื้องอกกลับมาโตเท่าเดิม ก็เข้าทำผ่าตัดเอาออกอีก แต่คราวนี้แพทย์ที่ผ่าแจ้งว่า เนื้องอกไปเกาะแนวเส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง ซึ่งไม่สามารถเอาออกได้ ซึ่งเนื้องอกจะโตกลับมาเร็วแน่นอนจึงส่งไปฉายแสงที่ โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งโดยแพทย์รังสีแจ้งว่า ต้องฉายแสงทั้งหมด 30 ครั้ง ที่บ้านก็ปรึกษากันว่าคงต้องฉายแสงตามที่แพทย์บอก เพราะไม่งั้นเนื้องอกโตอีกและพี่ก็ชักอีกซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไรมากไปกว่าเท่าที่เรารู้อีกมั้ย
หลังพักฟื้นหลังผ่า ประมาณสิงหาคม 2558 ก็เริ่มทำเรื่องส่งตัวคนไข้เข้าตรวจ เตรียมเริ่มฉายแสง ก็ฉายแสงจนครบ 30 ครั้งเมื่อต้นเดือนกันยายน 2558 หลังจากฉายแสงครบ 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าพี่สาวมีไข้ขึ้นสูงจนไม่รู้สึกตัว ก็พาเข้า รพ. แพทย์บอกอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ตรวจหาเชื้อไม่เจอว่าติดเชื้ออะไร แพทย์ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ระหว่างคนไข้อยู่ ICU สัปดาห์แรกไข้สูงแตะ 38-40 ตลอด พอเข้ากลางสัปดาห์ที่ 2 ไข้ค่อยๆต่ำลงจนปลายสัปดาห์ไข้หายแต่คนไข้รู้สึกตัวแบบเบลอๆ พูดไม่ได้ แขนขาไม่มีแรง กินอาหารไม่ได้ต้องใส่ ท่อเพื่อให้น้ำ-อาหาร แพทย์ย้ายคนไข้มาอยู่หอผู้ป่วยปกติ IPD รวม 2 อาทิตย์ และให้คนไข้กลับบ้าน ถึงตอนนี้ปัญหาคือ ที่บ้านไม่มีคนดูแลเลยพาพี่ไปฟักฟื้นในสถานรับดูแลผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายเดือนละ 18,000 บาทตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2558 จนปลายเดือนธันวาคมพี่สาว ติดเชื้อจากแผลกดทับต้องเข้านอนโรงพยาบาลตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2558 จนหมอให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 กมภาพันธ์ 2559 อยู่ไปเดือนกว่าๆ
พวกเราน้องๆ รวมทั้งแม่ และพี่เขย ภาวนากันว่าเดี๋ยวเขาก็ค่อยๆกลับมาดีขึ้นเหมือนตอนหลังผ่าเอาเนื้องอกออกตั้ง 2 ครั้ง ก็ยังกลับมาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็น เราได้พี่สาวกลับมาสภาพไม่เหมือนเดิม พูดไม่ได้ กินข้าวปกติไม่ได้ แขนขาไม่มีแรง ได้แต่นอนบนเตียง ไม่รับรู้อะไร พวกเราพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าให้พี่สาวอยู่สถานพยาบาลก็จะมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 18000 ซึ่งพี่เขยเราเงินเดือนแค่ 28000 คือไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ ซึ่งตอนที่พาพี่สาวพักที่สถานพยาบาล 2-3เดือนแรก เราเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายให้เองทั้งหมด แต่ถ้าระยะยาวเราคงไม่สามารถช่วยได้หมดเพราะเราเองก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล น้องอีก 2คนก็เช่นเดียวกัน พวกเราไม่ได้มีฐานะดีไม่ได้รวย
ครอบครัวของพี่สาวก็เช่นกัน คนหารายได้หลักก็มีแค่ พี่เขยคนเดียวเป็นโฟร์แมน ทำงานตกแต่งภายใน อายุก็ 57 แล้ว ลูกของพี่ เป็นผู้ชาย 2 คน คนโตทำงานเงินเดือนๆละ 9000 ลูกคนเล็กเป็นออทิสติก ทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้แค่ให้ช่วยยก ช่วยจับแม่พลิกตัวเขาก็ไม่เอาเลย เขาบอกว่าเขากลัว
เรามีพี่สาวพิการทางสมองที่เขาเรียกว่าปัญญาอ่อน มือขวาพิการ ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้อายุ 56
บ้านที่แม่อยู่ก็เช่าทาวเฮ้าร์อยู่กับน้องชาย ซึ่งตอนนี้มีลูกของพี่สาวที่เป็นออทิสติกอยู่ด้วย กลายเป็นแม่ต้องดูแลคนพิการคือพี่สาวอีกคน และหลาน ที่เป็นเด็กออทิสติก แต่เขาก็ดีช่วยทำงานบ้านก็เบาแรงแม่ได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันแม่เราอายุ 78แล้ว เพิ่งผ่าเปลี่ยนเขา และปีนี้หมอก็บอกว่าจะขอผ่าเปลี่ยนเข่าอีกข้างจะได้เดินได้คล่องขึ้น
คือ ทั้งหมดนี้มันคือชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร คือไม่เคยคิดว่าพีสาวจะมาเป็นแบบนี้เพราะ เขาแข็งแรงกว่าเราเยอะ ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย ไม่ว่าจะความดัน ไขมันอะไรดีหมด แต่มีเนื้องอกซะงั้น ครอบครัวเราพ่อเป็นมะเร็งปอดตายไปนานมากละ อันนี้เข้าใจได้เพราะพ่อสูบบุหรี่จัด น้องคนเล็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดตายไปตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ อันนี้ไม่เข้า มีพี่สาวพิการปัญญาอ่อน 1 คน ยังมีชีวิตอยู่ พี่สาวมีลูกเป็นออทิสติกอีก 1
เกริ่นภูมิหลังครอบครัวว่าเจอเรื่องบ้าบออะไรมาเยอะ
ขอคำแนะนำตรงนี้ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ อยากหางานฝีมือที่เป็นงานไม้ประดิษฐ์อะไรแบบนี้ให้พี่เขยทำ
เพราะตอนนี้จำเป็นต้องหารายได้เสริมเพื่อเอามาจ่ายค่าสถานพยาบาลที่ให้พี่สาวพัก เมื่อตรุษจีนที่ผ่านมาได้คุยกับพี่เขย และน้องๆกันแล้วว่า หมอให้เอาพี่สาวออกจากรพ.มาอยู่บ้าน ซึ่งพี่เขยบอกว่า อยากลองดูแลพี่สาวเองช่วงหยุดตรุษจีนว่าทำเองได้มั้ย จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินเราเรื่องค่าสถานพยาบาล แต่ปรากฏว่า พี่เขยก็ไม่มีความชำนาญ ทำเองไม่ได้แน่ ขนาดเวลาป้อนยายังหลงๆลืมๆ น้องสาวอีกคนที่แต่งงานไปแล้วต้องมาช่วยทำแผลล้างแผลให้ทุกวัน
ท่านใดพอแนะนำงานที่ทำจากที่บ้าน เพื่อหารายได้เสริมได้บ้างขอความกรุณาแนะนำด้วยนะครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ขออภัยถ้าแท็กผิดห้องครับ
******อัพเดทล่าสุดเมื่อ 19/2/2559*****
กราบขอบคุณทุกคำแนะนำครับ
ตอนนี้ต้องให้พี่เขยปรับตัว และจัดตารางเวลาในการดูแลพี่สาวให้เข้าที่ และดูเวลาในแต่ละวันที่ว่างว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าทำงานไม้จริงคงต้องเคลียร์หน้าบ้านจัดพื้นทีไม่ให้เสียงรบกวนผู้ป่วย เพราะตอนนี้ เราให้พี่เขยลาออกจากงานมาดูแลพี่สาวเต็มตัวที่บ้าน ไม่อยากเสียเงินค่าสถานพยาบาลเดือนละ 18,000 แล้วดูแลผู้ป่วยไม่ดี
เพราะล่าสุดที่ต้องเข้าโรงพยาบาลไปอีกเพราะมีแผลกดทับขนาดใหญ่จนติดเชื้อ มีไข้สูง แถบติดเชื้อรามาอีก
เลยหมดความไว้ใจสถานพักฟื้นที่เคยใช้อยู่ จะหาที่ใหม่ก็แพงมากๆ พวกเราสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
เลยคิดกันว่า น้องที่เหลือ 3 คน จะเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะตามมาทั้งหมดเอง
ซึ่งพี่เขยก็บอกว่า อยากดูแลพี่สาวด้วยตัวเองเหมือนกัน
ตอนนี้ซื้อเตียงผู้ป่วยมือ 2(ได้แล้วครับ) ที่นอนลมได้รับบริจาคมาแล้ว กับติดแอร์แล้ว (ถอดเอาแอร์ที่บ้านเราไปให้พี่แล้ว)
และทำม่านกันแอร์ออก (กำลังหาเวลาไปซื้อให้ แต่ยังไม่ว่างเลยครับ ถามร้านเขาบอกประมาณ4,000 เลยว่า ทำเองน่าจะถูกกว่า)
เพราะอากาศเริ่มร้อนผู้ป่วยขยับตัวไม่ได้ จะทำให้แผลกดทับมันอับและขยายวงออกไปอีก
อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำดีมา ณ ที่นี้ด้วยครับ