การเข้าคุกอย่างไรให้ถูกวิธีและอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 6 กระเทย ( ดอกไม้ปลอม ในดงโจร) 6/2

ครอบครัวของอีนกเคยมีความสุขกว่านี้  เป็นครอบครัวที่มีหน้ามีตา เป็นที่รู้จักกันในหมู่บ้าน พ่อมันเป็นผู้รับเหมา หาเงินได้มากมาย เลี้ยงดูมัน แม่ และพี่สาวเป็นอย่างดี ส่งเสียพี่สาวจนจบป.ตรี ส่วนมันก็ได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ ประจำอำเภอจนถึง ปวช.ปี 2   แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป  พ่อของมันมีเมียน้อย หลงเมียน้อยหัวปักหัวปำ  ทิ้งเมีย ทิ้งลูก ให้หากินเอง ตามยถากรรม
            ส่วนพี่สาวพอเรียนจบ ก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพ  ล่าสุดโทรมาส่งข่าวว่าได้สามีเป็นชาวต่างชาติ และกำลังจะไปอยู่กินกันที่ต่างประเทศ หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อมาอีกเลย จึงเป็นหน้าที่ของลูกชายคนเดียวที่ต้องดูแลแม่  อีนกต้องออกจากโรงเรียน เข้าไปทำงานที่กรุงเทพ
           แรกๆที่เข้ามา อีนกก็มาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ  ที่ร้านของอาหารของญาติฝ่ายแม่ มันอยู่กินอย่างประหยัด เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งก็ส่งให้แม่ได้กิน ได้ใช้ และอีกส่วนมันก็เก็บไว้เพื่อทำความฝันของตัวเอง คือ ผ่าตัดเสริมนม  เพื่อจะได้ใกล้เคียงกับความเป็นผู้หญิงขึ้นมาอีกขั้นนึง  ผ่านนานนับปี  มันถึงได้นมของตัวเอง
            เมื่อมันได้นมมาแล้วเป้าหมายต่อไปของอีนกคือ หางานที่ได้เงินมากกว่านี้ มันเลยไปสมัครงานเป็นเด็กนั่งดื่ม ที่ร้านคาราโอเกะ  แล้วก็เป็นอย่างที่มันตั้งใจ  นมที่ได้มาช่วยหาเงินให้มันได้เยอะจริงๆ มันมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเงินให้แม่ได้มากขึ้นกว่าตอนเป็นเด็กเสิร์ฟหลายเท่าตัว
             ตอนนี้เองอีนกได้รู้จักกับไอ้โจ้  คนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างปากซอยอพาร์ทเมนท์ที่มันพักอยู่   ไอ้โจ้เริ่มแซว  เริ่มจีบอีกนก  ออกตัวไปส่งอีนกเองทุกครั้ง  จีบๆไป จนอีนกหลงคารม ยอมรับไอ้โจ้ในฐานะผัว ให้เค้ามาอยู่ในห้องด้วยกัน  อยู่กินได้สักพักนึง  ไอ้โจ้เริ่มออกลาย   ไม่ไปขับรถ นอนคอยให้อีนกหาให้กิน  ที่หนักไปกว่านั้น เริ่มไถเงินเพื่อไปซื้อยา  แต่อีนกก็ยอม เพราะมันหาเงินได้เยอะ และรักไอ้โจสุดหัวใจ  ไอ้โจ้เป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นความสำคัญของมันในฐานะเมีย
             วันนึงไอ้โจ้ออกอุบายขอเงินก้อนจากอีนก  ระหว่างที่กำลังนอนกกกันอยู่บนเตียง
         “โจ้เกรงใจนกจังเลย ขอเงินนกทุกวันเลย” ไอ้โจ้พูดที่ข้างหูอีนก พร้อมกอดแน่นขึ้น
          “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราเป็นผัวเมียกันนะ แค่โจ้อยู่กับนก นกก็ดีใจแล้ว” อีนกตอบ ด้วยน้ำเสียงยินดี
          “เอ้างี้ไหม โจ้ขอเงินนกสักก้อน ไปซื้อยามาขายเอง จะได้มีกำไรไว้เสพ ไม่ต้องขอเงินนกทุกๆวัน  ทำดีๆ อาจมีเงิน ซื้อรถ ซื้อบ้านเลยนะ” ไอ้โจ้เริ่มพูดวาดฝัน
           “มันต้องใช้เงินเยอะไหมอ่ะ แล้วโจ้ไม่กลัวตำรวจจับหรอ” อีนกถาม พร้อมหันหน้ามาทางไอ้โจ้
           “ 2 หมื่นก็ได้ถุงนึงแล้ว  โจ้ขายเฉพาะคนรู้จักๆ  อย่าไปขายมั่วสิ ตำรวจไม่รู้หรอก” ไอ้โจ้ตอบ
           “ 2หมื่นเลยหรอ  อืมๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กดตังค์ให้นะ” อีนกตอบตกลง
              นี่เป็นการตัดสินใจที่ส่งผลต่อความหายนะครั้งใหญ่ที่สุดของอีนก...  
            ไอ้โจ้มันก็เริ่มธุรกิจของมันทันที  มันเริ่มขายที่วินมอเตอร์ไซค์ที่มันขับอยู่   แรกๆการขายยาของมันก็เป็นไปอย่างที่มันคิดไว้ ขายให้เฉพาะคนรู้จัก  แต่ด้วยที่ตัวมันเองก็เสพ ยิ่งมียาเยอะ ก็ยิ่งเสพเยอะ  ชักจะได้ไม่พอ  มันเลยตัดสินใจ  ขายยาแบบไม่สนใจใครแล้ว  ใครจะซื้อมันขายหมด  แต่จะไม่เอายาไว้ที่ตัว  พอมีลูกค้ามาซื้อมันก็จะเก็บเงิน แล้วขี่รถไปเอาที่ห้องให้
             การขายแบบนี้ทำให้กิจการของไอ้โจ้รุ่งเรืองขึ้นโดยเร็ว  มีเงินเหลือ พาอีนกไปเที่ยว ไปซื้อของ ทำไมให้อีนกรู้สึกดีและรักไอ้โจ้มากขึ้น  ไม่เสียแรงที่ลงทุนให้ แต่อีกด้านนึง  ไอ้โจ้กำลังอยู่ในสายตาของตำรวจ    
              หลังจากตำรวจเฝ้าดูพฤติกรรมของมันมาได้ระยะนึง  ก็ส่งทีมสายลับเตรียมการล่อซื้อ   การล่อซื้อทางตำรวจก็จะใช้เงิน ที่ทำการเบิกมาจากงบส่วนนี้โดยเฉพาะ  ไปถ่ายสำเนาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำไปซื้อยา เรียกว่า “เบอร์แบงค์” พอจับพ่อค้ายาได้ ตำรวจจะค้นตัวเพื่อหาแบงค์ที่ตรงกับกับที่ถ่ายสำเนาไว้  เพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวในชั้นศาล
      เวลากลางดึกประมาณ ตีสามกว่าๆ ที่วินมอเตอร์ไซค์
             “พี่ๆ  พี่ใช่พี่โจ้ไหมครับ” ชายหนุ่มผอมสูง ท่าทางหลุกหลิก ถามไอ้โจ้  ขณะที่มันนั่งรอลูกค้าอยู่ที่วิน
             “ใช่ มีธุระอะไร” ไอ้โจ้ตอบ พร้อมส่งสายตาสงสัย  
             “อ่อ เพื่อนผม ไอ้ดาเด็กตลาดมันบอกว่าพี่ หาของได้” ชายหนุ่มพูดต่อ
             “อ๋อ ไอ้ดาดำๆตัวเล็กๆ  หน่ะหรอ” ไอ้โจ้ถามกลับ
             “ใช่ครับๆ” ชายหนุ่มตอบทันควัน
             “เออ  ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยคุยกัน ” ไอ้โจ้พูดพร้อม เดินขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์
               ไอ้โจ้พาลูกค้าของมันขึ้นมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้าไปในซอย แล้วมาจอดหน้าบ้านร้างกลางซอย
             “เอ้าลงก่อน จะเอาเท่าไหร่” ไอ้โจ้ถาม โดยที่ตัวเองก้าวลงจากรถ
             “เอาแถวนึงครับ” ชายหนุ่มพูด แล้วก็ลงตาม และเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนกำเงินส่งให้ไอ้โจ้
             “เออ  รอนี่หล่ะ” ไอ้โจ้พูด แล้วก็บึ่งมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปในซอย
                 มันเป็นวิธีการลดความเสี่ยงของไอ้โจ้  พอรับเงินแล้วจะทิ้งลูกค้าไว้ที่นี่  ส่วนตัวมันจะวิ่งเข้าไปเอายาที่ห้องมาให้ จะได้ไม่มีใครรู้ที่อยู่ของมัน แต่การลดความเสี่ยงของมันยังไม่ได้มีแค่นี้  พอมันไปถึงห้องมันจะยังไม่รีบเอายาไปให้  แต่มันจะแอบมองผ่านบานเกล็ดไปทางหน้าอพาร์ทเมนท์ ว่ามีใครตามมาหรือไม่
              “ซวยแล้วไงกู” ไอ้โจ้อุทานกับตัวเอง  
                เมื่อมีเห็นรถเก๋งสีดำเข้าจอดที่ลานจอด มันจำได้ว่าเป็นคันที่ตามมันมาตั้งแต่วิน  เมื่อรถจอดสนิทดีแล้ว ก็มีชายฉกรรจ์ 4 คน ลงมาจากรถ แล้วพุ่งตรงไปที่ทำการอพาร์ทเมนท์ แน่นอนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตำรวจนอกเครื่องแบบ
               ไอ้โจ้หันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี  เพราะมันได้แต่ระวังการขาย  แต่ไม่ได้เตรียมการเผื่อต้องหนี มันหันไปมองที่เตียงที่มีอีนกกำลังนอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่  และมันก็เหลือบไปมองที่นาฬิกาแขวนผนัง  คิดอยู่ในใจว่าจะปลุกอีนกดีไหม  แต่แล้วมันก็ตัดสินใจ วิ่งออกทางระเบียงด้านหลัง  โดยไม่ได้บอกอะไรกับอีนกสักคำ
              “ ตึง ๆๆๆ   เปิดประตูๆ นี่ตำรวจ” เสียงเรียกและเสียงทุบประตูดัง  ทางด้านหน้าห้อง  
                อีนกสะดุ้งตื่นสุดตัว  หันไปทางประตูหน้าห้องที่มาของเสียง   เสียงเรียกและเสียงทุบยังคงดังต่อเนื่อง
              “รอเดี๋ยว นะค๊ะ” อีนกตะโกนสวน  แล้วลุกพรวดไปหาเสื้อมาคลุมตัว
              “เร็วๆ เปิดเร็วๆ ” เสียงชายหนุ่มตวาดดัง
             นั่นเองเป็นวันสุดท้ายของอิสรภาพของอีนก ถึงแม้ทางตำรวจจะไม่ได้ตัวไอ้โจ้ แต่ก็ได้ของกลางเป็นยาบ้าร่วมๆ 200 เม็ด ที่ซ่อนไว้ในนาฬิกาแขวนผนัง  ตำรวจให้โอกาศอีนกด้วยการให้มันโทรหาไอ้โจ้  แล้วแกล้งบอกว่าตำรวจไปแล้ว ให้กลับมาได้  แต่ไอ้โจ้ไม่แม้แต่จะรับสาย   อีนกเลยต้องรับกรรมแทน  เพราะของกลางอยู่ในห้องของมัน จะบอกว่าไม่รู้เรื่องเลยคงไม่ได้
                บรึ๊นนนน...เสียงรถเรือนจำเริ่มขับเคลื่นออกจากปากทางศาล  เพื่อมุ่งตรงกลับเรือนจำ  ตลอดทางมีเสียงคุยกันอื้ออึง ถึงผลการตัดสินของแต่ละคน  บางคนก็พอใจคำตัดสิน  บางคนก็ไม่พอใจและรับไม่ได้กับคำตัดสิน หลากหลายความรู้สึกปนเปกันไป  
              ส่วนอีนกได้แต่นั่งเงียบมองไปข้างทาง  ด้วยแววตาสิ้นหวัง  ในใจนึกถึงว่า  แม่จะอยู่อย่างไร เพราะอีกนานเลยกว่ามันจะได้ออกไป อีนกไม่คุยกับใครเลย  ใครถามอะไรมันก็ไม่ตอบ  จนขึ้นเรือนนอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่