ผมคิดมากกับที่ทำงาน? หรือ ผมควรลาออกจากการทำงานดีคัฟ?

กระทู้คำถาม
ผมทำงานเป็นเซลล์ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2008 และได้พบเพื่อนร่วมงานเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่ไม่ได้สนิทกันมาก เจอหน้าก็ทักทายตามปกติจนกระทั่งไฟไหม้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ เหตุเกิดเพราะการเมือง(คงไม่ต้องเอ่ยชื่อห้างฯนะคัฟ) หลังจากไฟไหม้แล้วได้ลาออกไป และกลับมาทำงานที่บริษัทแห่งเก่านี้เหมือนเดิมเมื่อปี 2012ตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมงานคือผู้หญิงคนนี้โดยมารู้ตอนหลังว่าถูกโปรโมทให้เป็นเมเนเจอฯคลุมสาขานี้ โดยการใช้เต้าไต่ ซึ่งหมายถึงผมที่เป็นลูกน้องของเธอผู้นี้ไปโดยปริยาย หลังจากที่เธอได้ตำแหน่งมา เธอเปลี่ยนเป็นอีกคนกับที่ผมเคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นกริยาท่าทาง คำพูดจา  สายตา และ ฯ เธอมีเงินเดือนและได้ค่าคอมฯอีกทอดจากยอดขายของผมและสาขา
เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องผมหลายรุ่นต้องพากันทะยอยลาออกกันหมดอยู่กันไม่เกิน 4เดือนมั่ง มากสุด 6เดือน หลักๆแล้วเพื่อนร่วมงานที่ลาออกไป ทนไม่ไหวกับการที่จะต้องอดทนกับการดูถูก ด่าทอ เสียดสี และสายตาที่เหยียดหยามสาระพัดวิธี ซึ่งผมก็เป็น 1ในทุกคนที่โดนกระทำ โดยที่ผมยอมอดทนมาโดยตลอด ทั้งๆที่เป็นคนทำยอด Performance ผมไม่เคยต่ำกว่า 80% ของTarget ที่ได้และมักจะ Hit100% อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่วายที่จะโดนผู้หญิงคนนี้กระทำ
  เช่น มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมีแฟนเป็นคนจังหวัดเดียวกับผม เธอผู้นี้ก็จะเข้าขัดขวางและพูดว่าคบกับคนจังหวัดนี้หรอ ยี้ ดูป่าเถื่อนๆมากขยะแขยง หาแฟนจังหวัดอื่นไม่ได้หรือไง (ผมเป็นคนภาคกลางคัฟ สุขภาพผิวหน้าไม่เคยผ่านอะไรมาเลยทั้งฟิลเลอร์ ซิลิโคลน โบท็อกซ์ ฯซึ่งต่างกับผู้หญิงคนนี้ที่ผ่านมาทั้งหมดทั้งมวล

ทำไมปีแรกผมถึงต้องอดทนผ่านมาได้? ทั้งๆที่เพื่อนร่วมงานพากันทนไม่ไหวและลาออกไปในที่สุด
เป้าหมายของผมกับการมีรถคันแรก และผมก็ซื้อมาได้จากน้ำพักน้ำแรงและความสารถของตัวเอง
พอได้รถแล้วก็อยากมีคอนโด ในการทำงานปีที่ 2 ตามปกติกิเลศของมนุษย์
แต่ก็กู้ไม่ผ่าน เพราะ บริษัทของผมมีสภาพทางการเงินเข้าขั้นแย่มากๆ ทะยอยจ่ายเงินให้กับพนักงาน
เช่น(สมมติ) เงินเดือน 100 บาท จ่ายวันที่ 2,3,4หรือ 5 หรือ ... วันต่อๆมา(ซึ่งปกติเงินเดือนบริษัททั่วๆไปจ่ายทุกสิ้นเดือนหรือวันที่ 1)  
หลังจากนั้นก็จะทะยอยจ่าย10% 20% บ้างจนกว่าจะครบ 100บาท จนหลายๆเดือนต่อมาเงินเดือนจะไปทบกับเงินคอมฯซึ่งจะต้องออก ทุกวันที่ 15ของเดือนถัดไปและทบกัน2-3เดือนจ่ายที ก็ไม่เป็นไรอดทนทำไปก่อน เพราะไหนๆคอนโดไม่ได้แล้วปีหน้าวางแผนซื้อบ้านเพื่ออยู่กับแม่แล้วกัน (ทั้งๆที่กลัวกู้ไม่ผ่านเหมือนเดิม แต่ก้ออดทนสู้ต่อเพราะรายได้ที่นี่สูง)
พอเริ่มปีที่ 3 ผมจึงตัดสินใจเข้าคุยกับทางโครงการบ้านโครงการหนึ่ง เป็นโครงการที่อยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดของผม เจ้าของโครงการเดินเรื่องให้ทุกอย่างดันเคสกันสุดๆๆไป โดยที่เซลล์ไม่ต้องทำ อีกอย่างรุ่นคุณพ่อคุณแม่ผมทำการค้าขายมาพร้อมกับรุ่นคุณพ่อคุณแม่เจ้าของโครงการด้วย สุดท้ายก็ได้บ้านมาราคา 2ล้านต้นๆ โดยที่ทุกธนาคารยิงคำถามมาที่ผมเหมือนกันว่า " บริษัทคุณ จ่ายเงินให้กับพนักงานกี่รอบกันแน่ "

    เหลืออีก 2เดือนผมจะทำงานที่นี้ครบ 4ปีซึ่งที่ผ่านมาผมต้องอดทนกับคำดูถูก เหยียบหยามของผู้หญิงคนนี้มาตลอดเวลาและทุกวันไม่เว้นแม้กระทั้งวันหยุดที่ไม่เคยได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ผู้หญิงคนนี้จะกะหน่ำโทรมาตลอดทั้งวันโดยที่หลักๆแล้ว เป็นเรื่องงานที่ไม่น่าจะต้องโทรมารบกวนผม

และนี่คือ 15เหตุผลหลักๆของผม ในหลายๆข้อย่อย
1. ผมต้องทนกับการดูถูกเหยียดหยาม ใช้คำพูดรุนแรง และสายตาจากผู้หญิงคนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าคน
2. บริษัทฯ ทะยอยจ่ายเงินทั้งเงินเดือนและคอมฯ ซึ่งทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่บ่อยๆ
ที่ผ่านมาอดทนเพราะอยากมีรถ และ บ้าน
3. เวลาที่โดนเหวี่ยง และเมื่อผมมีการต่อต้านหรือแสดงออกว่าคุณทำกับผมมากเกินไป ผู้หญิงคนนี้ก็จะไปปลุกระดมกับแผนกอื่นๆ ซึ่งทำให้ผมทำงานยากขึ้นมาก เพราะถ้าแผนกไหนหรือเพื่อนร่วมงานคนไหนไม่เออ ออห่อหมกกับผู้หญิงคนนี้ คนๆนั้นก็จะอยู่ยากมาก (มาก)
4.การบริการของบริษัทผมเข้าขั้นแย่ขึ้นทุกวัน รวมทั้งไม่มีการ Serviceให้กับลูกค้าที่จ่ายเงินเป็นหมื่นๆเพื่อมาใช้บริการกับทางบริษัท
ส่วนในเรื่องของผลิตภัณฑ์เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มเติม หรือแปลกใหม่
5. คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมั่นคงและสั่นคลอนของบริษัท
6. บ่อยครั้งที่ผลิตภัณฑ์หมด (ระบบการจัดการสต๊อค + เงินหมุนเวียนภายในบริษัทแย่) จึงทำให้ลูกค้าไม่ได้ใช้บริการและผลิตภัณฑ์ได้เต็มที่
7. Accessories ต่างๆเช่นผ้าขนหนู มีสภาพย่ำแย่มาก ทั้งขาดและหลุดลุ่ย บ่อยครั้ง จนทุกวันนี้เป็นเรื่องปกติของบริษัท ที่ พนง.นำไปให้ลูกค้าท่านอื่นใช่ต่อหลังจากที่ให้ลูกค้าคนก่อนที่ใช้เสร็จแล้ว โดยที่ยังชื้นและมีกลิ่นอับ
8. วันหยุด : ผมไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างวันทำงานและวันหยุดพักผ่อน โดยจะมีสายจากผู้หญิงคนนี้โทรมาตลอดทั้งๆที่หลายๆครั้งเป็นเรื่องไม่สำคัญ และ บ่อยครั้งผมต้องลากงานยาวเพื่อให้รอให้ถึงวันหยุด เช่นลากงานยาว9-15วัน (ปกติหยุดสัปดาห์ละครั้ง)
9. ผมไม่สามารถลาป่วยได้ แม้กระทั่ง นอนให้น้ำเกลืออยู่ที่ รพ. ผมจะได้รับคำพูดในเชิงโทรมาเช็คว่าอยู่ รพ. จริงหรือเปล่า นั่นก็อีกแหล่ะว่า คำเสียดสีต่างๆนาๆที่ตามมา
10. ผมโดนเธอโกหก เรื่องที่ว่าจะให้อัพตำแหน่งขึ้น แต่จนแล้วจนเล่าก็เงียบไป
11. เมื่อ บ. จ่ายเงินล่าช้า และ ทะยอยจ่าย มีบ้างที่ต้องหยิบยืมเงินมาจากพี่สาวตัวเองแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้หญิงคนนี้เอาเงินมาวางไว้ให้ และเพียงไม่กี่นาทีก็ได้ยินกับคำพูดที่ว่า "ให้สำนึกบุญคุณด้วยที่เอาเงินไป" เลยคืนเงินไปทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะเอ่ยปากขอยืมผู้หญิงคนนี้
12. อาหาร : ผมทำงานไม่มีเวลาเบรคเหมือนบริษัททั่วไป เช้าต้องซื้อข้าวมาทานเองและต้องนั่งทานในที่ทำงาน และต้องใช้เวลาทานไม่เกิน 20นาที เพราะถ้าเกินจะเจอกับคำพูดที่ทำให้ทานต่อไม่ลง เช่นเดียวกันกับบ่อยครั้งที่เธอคนนี้ไปกินข้าวกับแฟนเธอ (ลูกค้าของบริษัท)และเธอจะหอบอาหารที่เหลือทั้งหมดมาให้พวกผมทานต่อ(อาหารเหลือ)ในวันรุ่งขึ้น ถ้าไม่ทานของที่เธอเอามาให้ทาน ก็จะได้รับการตอบกลับเป็นการกระทำที่แย่ๆต่างๆนาๆ
13. เวลาทำงานตามตารางการทำงานคือ เข้า 11.00น. ถึง 20.00น. แต่บ่อยครั้งที่พวกผมจะถูกให้เข้างาน 10.00น. ถึง 22.00น. ตามเวลาห้างฯ
14. ของแถมลูกค้า / เวลาที่ผมแนะนำโปรฯให้ลูกค้า ซึ่งปกติมักจะมีการต่อรองเกิดขึ้นระหว่างลูกค้าและผู้ขายเสมอ ...พูดถึงของแถมรอบนอกที่ขอกับเธอคนนี้จะถูกตอบกลับว่า ok แต่หลังจากนั้นหากลูกค้ามาใช้บริการและใช้ของแถม คำตอบที่ได้คือ ขอไปเมื่อไหร่ ไม่มีหลักฐาน
15. เธอมักจะแพลดเสียงของเธอใส่โทรศัพท์ประจำทั้งๆที่โทรศัพท์ถืออยู่ใกล้ปากและหู จนทำรู้สึกทำไมต้องมาทนฟังคนๆนี้แพลดเสียงด้วย

และมีอีกหลายข้อที่สุดจะพรรณนาได้
ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหมคัฟ? ว่าผมควรตัดสินใจลาออกได้แล้วหรือยังคัฟ? หรือ ตอบผมทีคัฟว่าผมเป็นคนคิดมากไปหรือเปล่ากับงานที่ทำ?


ขอบคุณคัฟ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่