รายงาน: กลุ่มทุนสื่อสารเทหน้าตักอีกแสนล้านช่วงชิงเจ้าตลาด 4 จี

กระทู้ข่าว

รายงาน: กลุ่มทุนสื่อสารเทหน้าตักอีกแสนล้านช่วงชิงเจ้าตลาด 4 จี
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

          ทวีความเข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว สำหรับอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อบรรดากลุ่มทุนสื่อสารไม่ว่าจะเป็น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)(บมจ.)หรือเอไอเอส รวมถึงบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือดีแทค และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศเดินหน้าลุยติดตั้งเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 4 จี ในย่าน 900 และ 1800 เมกะเฮิรตซ์

          แน่นอนว่า "เงิน" ทุนเป็นสิ่งจำเป็น ในการติดตั้งโครงข่ายเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่



          บอร์ดทรูเพิ่มทุน 6 หมื่นล้าน
          ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2559 คณะกรรมการบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น มีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้กลุ่มทรูเพิ่มทุน ผ่านการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินทุนเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะการเงินพร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจ พร้อมกับตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุดและครอบคลุมที่สุดในประเทศ รักษาความเป็นผู้นำโทรคมนาคมด้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งแบบมีสายและไร้สาย (ทั้ง 4 จี & 3 จี) โดยราคาที่เสนอขายจะมีการกำหนดอีกครั้ง โดยจะเฉลี่ยจากราคาซื้อขายหุ้น 20 วันทำการ จนถึงการซื้อขายในวันที่ 30 มีนาคม 2559 (5 วันทำการ ก่อนการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 เมษายน 2559) โดยจะลดราคาลงอีก 10% ของราคาเฉลี่ยดังกล่าว

          รักษาผู้นำเน็ตเร็วสูงมีสาย/ไร้สาย
          นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเป็นเอกฉันท์ ที่จะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้ กลุ่มทรูเพิ่มทุนผ่านการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท อันจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อบริษัทและต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว

          การระดมทุนที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายกลุ่มทรู ในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (Net Debt-to-EBITDA Ratio) ให้ได้ที่ระดับไม่เกิน 2 ต่อ 1 ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รวมทั้งยังจะคงอันดับเครดิตเรตติ้งที่เป็นระดับการลงทุน หรือ Investment Grade ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมิได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวน จึงมีมติให้กำหนดเป็นวิธีการคำนวณ โดยราคาที่จะเสนอขายเป็นราคาเฉลี่ยจากราคาซื้อขายหุ้น 20 วันทำการจนถึงก่อน 5 วันทำการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น เพื่อให้เป็นไปตามราคาที่แท้จริงของตลาดได้มากที่สุด และสะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แท้จริง

          "ด้วยความเป็นผู้นำ 4 จี และ 3 จี ของกลุ่มทรู ผนวกกับคลื่นความถี่ที่มีอยู่ครบครันทั้งคลื่น 900, 1800, 2100 (ได้ใบอนุญาตจาก กสทช.) และ 850 เมกะเฮิรตซ์ (ภายใต้เงื่อนไขการทำตลาดและติดตั้งเครือข่ายให้กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ทำให้ปัจจุบันกลุ่มทรูอยู่ในสถานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ด้านโมบายบรอดแบนด์" นายศุภชัยกล่าวและว่า

          เราเชื่อว่าการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินผนวกกับความมุ่งมั่นที่จะสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะเสริมสร้างให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายธุรกิจรองรับโอกาสที่มีมูลค่าสูง จากการเติบโตของธุรกิจโมบายบรอดแบนด์และวิวัฒนาการของยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Internet of Things) อันจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ ลูกค้า และผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตเป็นบริษัทไทยที่มีบทบาทในระดับภูมิภาคต่อไป

          เอไอเอส รอบอร์ดอนุมัติอีก 2 หมื่นล.
          เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวกลุ่มเอไอเอส หลังได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 พบว่ากลุ่มเอไอเอสใช้เงินลงทุนติดตั้งเครือข่ายระบบ 4 จีไปแล้วจำนวน 1.42 หมื่นล้านบาทครอบคลุมพื้นที่ 42 จังหวัด และภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะขยายโครงข่าย 4 จีให้ครบ 77 จังหวัด ทำให้สถานีฐานเพิ่มเป็น 1.4 หมื่นแห่ง

          ก่อนหน้านี้นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอส ได้แถลงข่าว "AIS 4G ADVANCE" โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าใช้งบลงทุนขยายโครงข่ายราว 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นใช้ สำหรับการขยายโครงข่าย 3 จีบนคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ เพิ่มเติมจากปัจจุบันมีสถานีฐานอยู่ 2.7 หมื่นแห่ง

          โดยงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในระบบ 3 จีบนย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์เพิ่มเติมเพื่อรองรับลูกค้าระบบ 2 จีที่จะย้ายเข้ามาใช้ และอีก 2 หมื่นล้านบาท จากที่ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 1.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบลงทุน 4 จีเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท ต้องรออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้

          "ตลอดระยะเวลา 25 ปีและย่างเข้าปีที่ 26 เราได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมไม่น้อยกว่า 2.5 แสนล้านบาท และได้นำส่งให้ทีโอที ในฐานะคู่สัญญาสัมปทาน และในปีนี้เป็นปีแรกที่ เอไอเอส ให้บริการภายใต้ใบอนุญาตของ กสทช.อย่างสมบูรณ์แบบหลังสัญญาสัมปทานกับทีโอทีสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2558 ปีนี้ผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมอยู่ภายใต้สัญญาของ กสทช." ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอสกล่าว

          อย่างไรก็ตาม แม้ เอไอเอส ได้คลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ช้ากว่าคู่แข่ง 2 ปี แต่การติดตั้งเครือข่ายเร็วและแรงที่สุด มีเครือข่าย 3 จี จำนวน 2.7 หมื่นสถานีครอบคลุมเท่ากับคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ที่ปัจจุบันได้ส่งมอบให้ บมจ.ทีโอที ไปแล้วจำนวน 1.3 หมื่นสถานี แม้คลื่นดังกล่าวจะส่งสัญญาณสั้นแต่ส่งสัญญาณไกลเพราะมีแถบคลื่นความถี่ขนาดยาวแต่ เอไอเอส เพิ่มศักยภาพเข้าไปในเครือข่าย 2100 เมกะเฮิรตซ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

          "ดีแทค" เพิ่มอีก 4 พันสถานี
          เช่นเดียวกับค่ายดีแทค หรือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่แม้จะไม่ได้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ แต่ทางฝ่ายผู้บริหารดีแทค อย่างนายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ก็ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่า แม้จะไม่ได้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ทั้ง 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ที่ผ่านมา หากแต่ ดีแทค ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เพื่อขยายการติดตั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 4 จี บนย่านความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์

          เนื่องจากในปัจจุบัน ดีแทค มีคลื่นความถี่เพื่อให้บริการทั้ง 2 จี ,3 จี และ 4 จี เป็นจำนวนถึง 50 เมกะเฮิรตซ์ และจะลงทุนต่อเนื่อง ในคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์มีแบนด์วิธด์ถึง 15 เมกะเฮิรตซ์ และ 4 จี บนคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และอีกกว่า 40 จังหวัด

          นอกจากนี้นายลาร์ส ยังระบุว่า ดีแทคพร้อมที่จะขยาย 4 จี บนคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ อีก 2 พันสถานี จากปัจจุบันมีทั้งหมด 2.2 สถานี และขยาย 4 จี บนคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดภายในครึ่งปีแรก

          อย่างไรก็ตามจากการลงทุนในเครือข่ายเพิ่มทำให้ดีแทค ปรับเป้าลูกค้า 4 จี เพิ่มเป็น 4.5 ล้านราย จากปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้งาน 4 จี แล้ว 2.2 ล้านราย และคาดว่าจะมีลูกค้าใช้งานดาต้าสูงถึง 80% ของทั้งเครือข่ายดีแทคภายในปี 2560 จากปัจจุบันอยู่ที่ 60%

          "ดีแทค มีความถี่ในมือเท่าเดิม และ ดีแทคไม่เสียเงินจำนวนมากในการประมูลคลื่นความถี่ ทำให้สามารถนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการลงทุนขยายโครงข่ายได้ ภายใต้แนวคิดที่ว่าลูกค้าของเราจะได้มากกว่าคนอื่นเสมอ"

          แค่เริ่มต้นเปิดศักราชพร้อมกับสิ้นสุดยุคสัมปทานเข้าสู่ใบอนุญาตอย่างเต็มรูปแบบ ศึก 4 จี ได้ปะทุแล้ว!!

แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 (หน้า 24)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่