ครั้งนึงกับการเป็นนักศึกษาวิชาทหาร.ตจว

พอดีเห็นกระทู้ถามไถ่เรื่องการเตรียมของไปฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่ ของเด็กในเมือง(อันนี้ไม่รวมพี่พี่ปี4ปี5ที่มาจากทั่วเมืองไทยนะ)
วันนี้เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ของตัวเองตอนฝึกภาคสนามของเด็กตจว.ครั้งนึง ที่คิดว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยผ่านมันมาได้นะ มันส์มาก
              ขึ้นชื่อว่า รด. การฝึกคงไม่มีใครคิดว่ามันคงจะสบายมากนักหรอก ความจริงเขาฝึกให้เราอดทน ทำตามระเบียบ วินัยต้องดี
แม้ว่าบางอย่างมันจะดูผิดแผกไปจากชีวิตจริง เอ๊ะ ทำไมกุต้องทำด้วยฟะ สั่งเชี้ยไรฟะ หมอบๆ กลิ้งๆ ม้วนหน้า ดังอีก ดังอีก ดังจนตะโกนสะท้อนไปอีกฝั่งของขุนเขาแล้วค่ะ ครูขา.....ทุกอย่างมันมีเหตุผลของตัวมันเองว่าทำไมเค้าให้เราทำอย่างนั้น.....ความอดทน  วินัย หน้าที่ สามัคคี เสียสละ เอี๊ยยยย
              เข้าเรื่องดีกว่า เราเคยเป็นนักศึกษาวิชาทหาร ตอนนั้นที่เลือกเรียนเพราะว่า มันดูน่าสนุกดี มันส์ ชุดสวย พี่ชายเรียนแล้วหล่อ เท่มาก 555+ มันใช่ประเด็นมั้ย เอาเป็นว่าเห็นรุ่นพี่ฝึก และได้ยินประวัติของความยิ้มบ ความมันส์ ความโหด แล้วมันตื้นเต้นตรึงตาตรึงใจให้อยากเรียน (ออกแนวแปลกๆนะเรา)
              วันแรกที่รับสมัคร ใช่ว่าทุกคนจะได้เรียนนะ มันต้องมีการเทสร่างกายกันก่อนว่าจะไหวมั้ย ซึ่งเราเล่นกีฬาอยู่แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร วิ่งจับเวลารอบสนามมาตรฐาน สองรอบ ซิทอัพ วิดพื้น ผ่านสบายๆ แต่ก็มีคนไม่ผ่านเกณฑ์นะ เพราะเค้ามีโควต้า เกณฑ์อะไรสำหรับผู้ชายเยอะอยู่เหมือนกัน บางคนมีโรคประจำตัวก็ไม่รับ ทดสอบสมรรถภาพร่างกายไม่ผ่านนี่หมดสิทธิ์นะ เพราะว่าฝึกที่นี่ คือ ฝึกจริงจัง (ในระดับรด.)  ซึ่งขึ้นชื่อว่า ภาคปฏิบัตินี่สนุกสนานมันส์จ่าเค้าเลย จากอ้วนๆน้ำหนักเกินนี่ผอมเลยเหมือนกันนะ
               พอผ่านการคัดเลือกได้เรียนแล้วมันก็จะมีการตัดชุด วัดไซส์ เตรียมร่างกาย เด็กๆรด.ปี1 ชุดยังไม่มาจะใส่เสื้อเขียว กางเกงวอร์มกันก่อน เวลาเข้าแถวก็จะเข้าแถวแยกจากนักเรียนปกติในโรงเรียน เรียงตามชั้นปี ร้องเพลงชาติ เพลงโรงเรียน สวดมนต์ต้องดัง (ตอนเข้าแถวปกติไม่ค่อยจะอ้าปากกันสักเท่าไรหรอก) แถวไม่ตรงก็หมอบกันตรงนั้นแหละ ครูรด.ของโรงเรียนเปลี่ยนโหมดจากคุณครูใจดีนี่ยิ้มบขึ้นมาทันทีเวลาแต่งเครื่องแบบ
                คราวนี้พอถึงเวลาฝึก เนื่องจากว่ามีเวลาฝึกแค่เพียงประมาณ 1 เดือน เรียน จันทร์ - เสาร์ ซึ่งเราก็ยังต้องเรียนวิชาสามัญตามปกติ ย้ำว่าปกติ โดยแบ่งเป็นตอนเช้าเรียนสามัญ ตอนบ่ายฝึกรด. นักเรียนปกติก็เลิกเรียนตอนบ่ายไปเลยหนึ่งเดือน ซึ่งมันดีกับ รด. ที่แบ่งเวลาเรียนได้ ........แต่ไม่รู้ยังไง พอเปลี่ยนผอ.เค้าเปลี่ยนเวลาเป็น นักเรียนปกติก็เรียนตามปกติไป คนที่เรียนรด.ก็ฝึกไปแล้วไปตามเอาเอง.....โหดสัสรัสเซียงัวเงียง๊องแง๊งไปพักนึง คราวนี้ก็ลำบากเพื่อนต้องคอยเก็บงานให้เรา บางทีมันฝึกเหนื่อย เหนื่อยแบบหมดแรงนี่รายงานบางวิชานี่ทำเกือบไม่ทันกำหนดส่งนะ การบ้านเอย รายงานเอย เรานี่โชคดีเลยนะที่เพื่อนจัดการให้ (ยังรู้สึกซึ้งน้ำใจจนถึงทุกวันนี้) เพื่อนสมัยมัธยมนี่สุดๆละยอมใจเลย รักเธอนะจุ๊บๆ(อันนี้นอกเรื่องแฮร่)....แต่การเรียนเราก็ไม่ได้เสียนะ มันสอนให้เรารู้จักจัดการเวลา จัดการตัวเอง ซึ่งเป็นวินัยที่เราได้ติดตัวมาเลยทีเดียว (คุณครูบางท่านไม่ยอมให้ศิษฐ์รักตัวเองเรียนรด.เพราะกลัวว่าจะเสียการเรียนบอกไว้ว่าเรียนไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร.....คือชีวิตเรามันไม่ได้มีแค่การเรียนนะ เรียนเก่งอย่างเดียวนี่ไม่สนุกหรอก หาอะไรทำระหว่างเรียนนี่สนุกกว่าเยอะ คหสต.นะ)
                 ฝึกรด.เค้าให้ทำอะไรบ้าง เราก็ลืมๆเหมือนกันจำเนื้อหาไม่ได้หรอก จำได้แค่ว่า ฝึกเข้าแถวก่อน เออจริงไม่คิดว่ามันต้องฝึกด้วยเเหะ...เข้าแถวให้ตรง เร็ว เป๊ะ การนับ การเดิน การวิ่งแบบทหาร ....หัวใจสำคัญเลยนะเรื่องทำอะไรให้เร็วๆ ถูกต้องตามคำสั่งเนี่ย ฝึกหันซ้ายหันขวา ทำความเคารพ 555+ สั่งซ้ายหันขวานี่มีมาประจำ บุคคลท่ามือเปล่า ท่าบุคคลประกอบอาวุธ ตอนเรียนท่าบุคคลประกอบอาวุธนี่มีท่าเท่ๆหลายท่าเลยทีเดียว บางส่วนฝึกไว้โชว์ผู้ปกครองด้วย มาดแมนแฮนซั่มกันไปเลย เรียนตามหลักสูตรไปเรื่อยๆ ตกตอนเย็นก่อนกลับบ้านจะต้องวิ่ง 2 รอบสนาม และทำกายบริหาร ซึ่งท่ากายบริหารนี่แหละค่ะจะเป็นทักษะเบื้องต้นในการไปเข้าภาคสนาม(ไม่รวมหมอบก่ะกลิ้ง พันนั้นนะ อันนั้นปกติ T_T)...............ว่าที่ตอนเย็นตอนฝึกเหนื่อยแล้วเข้าภาคสนามนี่คนละเรื่องเลย
                  ที่พีคสุดๆ สนุกสุดๆนี่ก็ตอนภาคสนามนี่แหละ มีหลายชั้นปี หลายผลัดก็จะเวียนๆกันไปปี 1 นี่ยังไม่ได้ไปภาคสนามของจทบ.แค่ไปยิงปืนเดินทางไกลโรงเรียนใกล้ๆ 2-3 วันนี่แหละ (ใกล้ๆก็เดินเท้าประมาณ 15 -20 โลได้อยู่นะ เดินจากศูนย์ฝึกไปทำเลสวยภูเขารอบล้อม ....) ปี2 3 วัน ปี3เหมือนจะ 5 วันนะ ปี4 ปี 5  รู้สึกจะ 7 วัน (นี่แกผ่านมาจริงๆหรือเปล่าฟะ) แต่ที่จำฝังไว้ในจิตนี่จริงๆแล้วคือภาคสนามปี2
                  ปี 1 ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ตื้นเต้นจ้าได้ยิงปืนด้วย มีรุ่นพี่เป็นบัดดี้ประกบช่วยดูตอนกระสุนขัดยิงไม่ออก เก็บปลอกให้ ชีวิตดี้ดี้ ...แค่ไม่ดีตอนครูฝึกให้ม้วนหน้าไปเอาแผ่นเป้า เนื่องจากยิงสายเชือกปอที่หนีบแผ่นเป้าขาด555+...เส้นก็นิดเดียวแต่ยิงแม่นกันมาก กว่าจะยิงจบแต่ละชุดนี่ สั่งเบรกขึงเชือกใหม่หลายรอบมาก ...แต่ยิงปืนครั้งแรกนี่ได้แค่คนละ 20 นัดเป็นปลย.11 น้ำหนักเบานอนยิงสบายๆ กระสุนก็ไม่ต้องบรรจุเอง แค่เก็บปลอกเองเท่านั้น การฝึกก็ทั่วไป รับได้ตามปกติที่เคยชิน ไม่หวือหวามาก มีกับเพื่อนที่ศูนย์เราเอง
                  ปี 2 จุดพีคของชีวิต ทำให้เรารู้ว่า สิ่งใดๆล้วนอนิจจัง  พอรู้ว่าต้องไปเข้าภาคสนามของจริง ที่ค่ายทหาร ไป 3 วันใช่มั้ย ได้เลย เสื้อผ้าชุดไม่พอยืมพี่ก่อน สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ของใช้จำเป็นเหมือนตอนเข้าค่ายลูกเสือเลยจ้า ไม่ต้องห่วงว่าจะลืมอะไร.....แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้สบายเยี่ยงนั้น
แรกๆเค้าให้วางของ โดดหอกันก่อน (โดนถีบก็หลายคนแต่เราโดนครูฝึกหลอก..ก็เหมือนหลอกเด็กแหละ พร้อมยัง..นับ 123 แล้วโดดนะ นับ 1 ปึ้งไปเลยจ้า นิ้วงี้เกร็งเชียวแทบล้อก ให้ตะโกนชื่อตัวเองด้วย แทบลืมว่าจุดจุดนั้นชื่อจริงกุชื่ออะไรวะ 555+) หลังจากโดดหอเสร็จเคลื่อนย้ายไปอีกทีเข้าป่า...คือตั้งภาคสนามในป่า สนุกสนานกันตั้งแต่ลงรถเลยทีเดียวเปลี่ยนโหมด ชนิดหน้ามือเป็นหลังตีน คุณน้องตกใจ การเข้าภาคสนามหน้าผนปนหนาวนี่รวดร้าวทรมานใจเสียเหลือเกิน เพราะถึงแม้ว่าฝนจะไม่ตกในวันที่เราไปเข้าภาคสนาม แต่มันจะมีร่องรอยของ หลุม โคลนน้ำตรึม  ลงรถปุ๊บ ครูก็ให้ลงโคลนก่อนเลย (ยังจำฉากนี้ฝังใจ คอมแบทติดโคลน ดึงไม่ขึ้น ณ วินาทีนั้นไม่มีใครช่วยใครจ้าาา รีบบกลัวโดน-)      
                   ปี 2 นี่จะเป็นการรวมแต่ละศูนย์เข้ามาฝึกหลายๆศูนย์ หลายๆจังหวัด (ในสังกัดจังหวัดทหารบกนั้น) เข้ามาฝึกเป็นผลัดๆไป เพื่อนๆเราจะคละมาก คละแบบว่าเหมือนเป็นการรวมนานาชาติเลยทีเดียว เหนือมั่ง ลาวมั่ง ท้องถิ่นมั่ง  สำเนียงที่ไม่เคยเจอก็มาเจอกันรู้จักกันที่นี่แหละ    คราวนี้ว่าด้วยที่พักและห้องน้ำ ห้องอาบน้ำไม่ต้องไปพูดถึงหรอก เพราะว่าไม่มีโอกาสได้ใช้!!     ที่พักสบายๆมีผ้าเต้นให้ผืนนึง มีแผ่นยางรองนอนอีกผืนนึง มีเสาสองเสา นอนสองคนสวีทมุ้งมิ้ง เต้นเรียงกันเป็นตับ ตามระเบียบแบบแผนบนทำเลทอง เงยหน้ามองเห็นท้องฟ้าและหมู่ดาว  โอ้ดีจังได้หัดกางเต้นเองด้วย เรื่องที่นอนไม่เป็นปัญหา ชอบบรยากาศจริงๆ  คราวนี้ห้องน้ำ...ส้วมแบบขุดหลุมเอง  เป็นส้วมซึม มีกระถังน้ำเล็กๆที่ใครจะใช้ต้องถือเข้าไปเอง ล้อมรอบด้วยผ้าใบสีฟ้าขาวและเปิดโล่งด้านบนเพื่อเป็นการระบายอากาศ .....อันนี้เข้าให้เวลาเยอะหน่อยเลยมีโอกาสได้ใช้ เพียงพอต่อจำนวนคน  ส่วนห้องอาบน้ำจะให้ใช้เวลาเดียวกับห้องน้ำในตอนเช้าซึ่ง.....เหมือนกัน ถังน้ำพร้อมเต้นผ้าใบฟ้าขาว มีอยู่หน๋อยนึง คนเป็นร้อย คนได้อาบไม่แน่ใจว่าถึงสิบคนมั้ย เราเอาเวลาไปต่อแถวเข้าห้องน้ำดีกว่า พร้อมโบกมือบ๊ายบายให้...โธเสื้อผ้าที่เตรียมมาแทบไม่มีโอกาสได้ใช้เลย เปลี่ยนแค่เสื้อข้างในก็เพียงพอแล้ว กลิ่นไม่มีหรอก...มันเหมือนกันไม่เคยรู้สึกเหม็นเลยนะ5555+        
                  การฝึก มีหลายฐานอะไรมั่งจำไม่ได้ แต่ที่จำได้คือชื่อครูฝึก...ครูแรมโบ้ แรมบ้า แรมบ๊อง....สมชื่อจริงๆ ฝึกได้โหดสัส แทบหมดแรง น้ำตาจะไหล..หัวแดงคลุกฝุ่นกันทุกคน ท่าที่สบายที่สุดคือท่าหมอบ ท่าปกติคือท่ากลิ้ง หมุน .....เสียงต้องดัง แถวต้องตรง ต้องทำเร็วๆ ทำให้ทันเวลาที่ให้ (นิดเดียวนิดวเดียวเจงๆ)  อยู่กับเสียงดังๆ การตะโกนเป็นเรื่องปกติ....กลางคืนนอนคือนอน ยุกๆยิกๆยิ้มเล่นเราอีกละ รองเท้านี่ต้องใส่ไว้เลยก่อนนอน พี่ท่านเรียกทีนี่ใส่ไม่ทัน ถอดเสื้อนอกนอนแค่นั้นก็เพียงพอละ คือนึกถึงเวลาใส่ให้ทันงี้ไง ความสบายค่อยกลับไปเอาที่บ้านละกัน  บทจะเรียกก็เป่านกหวีดทีเดียว ออกจากเต้นอีกละ เล่นระเบิดเสียงดังๆตอนเช้ามั่ง ใครได้เข้าเวรผลัดเช้านี่ง่วงจริงๆ เป็นไปได้ขอผลัดแรกเลยก็ดี มือถืออย่าว่าแต่มีที่ชาร์จเลย มีโอกาสได้ใช้ตอนเช้านิดนึงน่ะแหละ ครูฝึกบอกให้โทรหาแม่ซะ บอกแกว่าสบายดี 5555+ ทีเหลือก็เก็บจ้า เข้ากรุไป  การยิงปืนที่นี่ยกระดับจ้า ปืนอันใหญ่ ไฉไลกว่าเดิม หนัก ยกแทบไม่ขึ้น ดีที่นอนยิง อยู่นี่ มีบัดดี้เป็นเพื่อนเราเอง คอยป้องกระสุนให้ แต่ส่วนมากมันป้องหน้ามันเองซะมากกว่า ยิงปืนที่นี่เสียงไพเราะมากเพราะข้างบนเป็นหลังคาสังกะสี เสียงเหมือนน้ำตกไหลแรงๆอ่ะ ยิงทีนี่ฝุ่นคลุ้ง ถามว่าเห็นเป้ามั้ย...ไกลมากยิงๆไปเถอะไม่เห็นหรอก (อยู่นี่อย่าใส่คอนแทกเลนส์นะฝุ่นมันเยอะ แว่นดีที่สุด แต่ถ้าไม่ใส่เลยก็ดีกลัวหัก)  สมใจคุณมั๊ยเหนื่อยจริงๆแต่ก็สนุกมาก ไม่คิดว่าเข้าภาคสนามจะโหดขนาดนี้ เทียบกับเขาชนไก่ตอนปี 4 ปี5 ที่ไปมานี่ราวฟ้ากับเหว (จากประสบการณ์เรานะ) แต่พอมองย้อนไปมันภูมิใจมากเลยนะที่ครั้งนึงเราเคยผ่านมันมาได้ (คือไม่ผ่านก็ต้องผ่านอ่ะหนีไปไหนไม่ได้)  ทำให้เราจำการเข้าภาคสนามครั้งนี้ไปและคิดว่า ครั้งต่อไปก็คงจะเป็นแบบนี้...แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่...ค่ายเนี้ย ที่สุดละ
                  ปีที่ 3 ด้วยความที่จดจำภาพการเข้าภาคสนามจากปีที่แล้วมา ....เสื้อผ้า ชุดเดียวพอจ้า ขอแค่เสื้อเปลี่ยนข้างใน กางเกงอีกสักตัว เปลี่ยนสถานที่ (คือเวียนกันไป) คือมันสบายกว่าปีที่แล้วเยอะเลย ^__^ มีห้องน้ำให้อาบด้วย (ล้อมรอบด้วยผ้าใบสีฟ้าขาว)เพียงพอเลย แต่เสื้อผ้าไม่ได้เอามาไงก็ชุดเดิมๆไป พอผ่านปีแล้วมาแล้ว การฝึกที่นี่ก็เหมือนไม่เท่าไร แต่ก็ไม่ได้สบายเหมือนตอนฝึกอยู่ศูนย์นะ ยังคงรักษามาตรฐานการเข้าภาคสนาม นอนกลางดิน กินกลางทราย การฝึกเหมือนเดิม เพื่อ ความอดทน อดทน อดทน ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
                  ปีที่ 4 ปีที่ 5 เขาชนไก่ กาญจนบุรี ได้ข่าวมาว่าโหด เราก็เกรงๆเอาไงว้า หวั่นๆเหมือนกัน สำหรับปีแรกก็ตระกุกตระกักหน่อย ติดสอบที่มหาลัย ปัญหาระดับชาติ!!! ระหว่างขอเลื่อนสอบ กับขอเลื่อนผลัด จะให้คิดไง ก็เลื่อนผลัดซิจ๊ะ คือมันต่องไปอาทิตย์ก่อนสอบ 1 อาทิตย์ไง ซึ่ง....มันคงจะไม่ดีมั้ง...เลื่อนได้ไม่มีปัญหา(ขอขอบคุณมานะจุดจุดนี้)  แต่คือ ศูนย์เราจังหวัดเรา มีเราไปคนเดียวนะ ไปได้มั้ย ณ เวลานี้อะไรก็ได้หมดอ่ะ ค่อยไปเจอจุดรวมพลที่หัวลำโพงข้างหน้าเอา ......ซึ่งเราก็ตีเนียน ได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะเลย ประสบการณ์จริงๆ
                 ไปถึงเขาชนไก่ ที่นี่มีแต่ไก่...หมายถึงอาหารนะ ทุกมื้อจริงๆ น้ำต้องจิบตลอดเพราะอากาศมันแห้ง ร้อน ช่วงไหนอุณหภูมิขึ้นสูงมากๆก็ต้องหยุดฝึก พักไปแปปนึง สงสัยกลัวเด็กเป็นลม ที่หลับที่นอน ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำเป็นอาคารอย่างดี มีผ้าให้ปูนอน หนึ่งผืน มีที่ชาร์จแบต  คือ...คนละโลกกับที่เคยเจอมา การฝึกก็มีเพิ่มเติมตามหลักสูตร มีให้เล่นเพ้นบอล  ยิงปืนสั้น ปืนยาว โดยรวมไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย คหสต.นะ
                   ก็เป็นประสบการณ์ของเรานะ การเรียนรด.นี่ไม่ใช่ว่าเน้น โหด มัน ฮา อย่างเดียวนะ มันทำให้เรามีความอดทน มีวินัย บางครั้งสิ่งที่เราต้องทำในบางสถานการณ์ที่ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ก็คือเงียบ และอดทน เชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ในที่สุดนะ จบแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่