เรื่องเกิดเมื่อประมาณ 5-6 เดือนก่อนครับ ผมพึ่งอกหักมาได้ซักระยะ จนมาได้รู้จักกับ ผญ คนนึง อายุมากกว่าผม5ปี ได้คุยได้รู้จักกันพอสมควร
เขาเป็นคนที่นิสัยดี ขี้น้อยใจ ชอบช่วยคนอื่น รักครอบครัว ทำให้ผมลืมเรื่องแฟนคนที่แล้วได้เลยแหละ แต่วิธีพูดเขาจะโฉ่งฉ่างไปหน่อย หาเงินเก่ง เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 25000 เพราะตำแหน่งงานเขาสูง แต่ข้อเสียเขาคือ ชอบดื่มเหล้า เที่ยวผับเที่ยวบาร์ สังสรรค์กับเพื่อนๆ เลยทำให้เปลืองเงินไปพอควร เดือนนึงก็เหลืออยู่ไม่ถึง 18000 ชอบคิดไปเอง ชอบประชดประชัน ชอบจับผิด(อาจเป็นเพราะเขาผิดหวังกับความรักบ่อย) ส่วนผมอายุ20 ณ ตอนนั้น เรียนด้วยทำงานด้วย เป็นคนไม่ดื่มไม่สูบ ไม่เที่ยวสถานบันเทิง แต่ก็ไปมิตติ้งกลุ่มBBบ้างเพราะตอนมีรถไปประจำ
เข้าเรื่องต่อ เขาเอาใจใส่ผมดีมาก เทคแคร์ดีตลอด โทรหาเช้าเย็น ชวนกินชวนเที่ยวที่ต่างๆ แต่ผมไม่เคยขออะไรเขานะ พวกสิ่งของรึของให้เขาซื้ออะไรให้ เพราะผมกะว่าผมต้องเป็นผู้นำครอบครัว ต้องพึ่งตัวเองได้ถึงเงินเดือนผมแค่10000นิดๆก็เถอะ จนเพื่อนๆถาม "มีแฟนแบบนี้ไม่ให้เขาซื้อนู่นให้ซื้อนี่ให้ล่ะ" ผมเลยตอบไปว่า "เห็นตูเป็นพวกแมงดารึไง ตูมีศักดิ์ศรี มีความเป็นผู้นำ เป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ลดตัวไปทำแบบนั้นหรอก" เราคบกันไปมาหาสู่กันบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเพราะเราห่างกันหลายอย่างมาก ตัวเขาอยู่คนเดียวเป็นบ้านเอื้อ มีทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่ผมยังอยู่กับพ่อกับแม่เลยยังไม่กล้าพามาเปิดตัวเพราะเกรงพ่อแม่ว่า รอเกริ่นๆให้แกรู้ก่อน ระหว่างคบกันเวลาเขาจะไปเที่ยวก็จะบอกผมก่อนว่าจะไปนะกลับประมาณเท่านี้ๆ ผมก็บอกว่าอย่าเมามากล่ะดูแลตัวเองดีๆเป็นห่วง แต่พอถึงเวลากลับผมก็โทรไป เพื่อนเขารับ บอกว่าหามมาส่งห้องแล้ว เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ขอผมไปเที่ยว คบกันผ่านมาซัก3เดือน ช่วงนั้นใกล้สอบ งานผมเลยเยอะเป็นพิเศษ ทำให้ไม่มีเวลาได้คุยกัน จนเขาน้อยใจและพูดประชดใส่บ่อยๆ
จนผมรู้สึกโมโห เวลาโทรไปกะจะง้อและคุยด้วยนิดหน่อยช่วงดึกๆเพราะต้องทำงานต่อ เสียงเขาก็คล้ายๆคนเมา คุยไม่ค่อยเข้าใจ+เสียงเพื่อนๆเอะอะ ตัวผมเบื่อคนเมาเป็นทุนเดิมเลยไม่ได้คุยต่อ วางสายเลย แต่ถ้าโทรไปตอนเช้าก็เสียงปกติแต่มักพูดประชดใส่ประมาณว่าผมไม่มีเวลาให้เหมือนแต่ก่อน มีคนอื่นก็บอกดีๆ อย่าให้เขาทนเจ็บเลย ผมก็พยายามอธิบายว่าเรื่องมันเป็นยังไงถึงไม่มีเวลาคุยเหมือนแต่ก่อน แต่เขาก็พูดเหมือนเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม และก็เป็นอย่างนี้มาเดือนกว่าๆ ผมเลยคิดว่า ถ้ารักกันแล้วไม่ไว้ใจ จะไปมีความสุขได้อย่างไร ถ้ามีลูก แต่แม่ยังชอบดื่มชอบเที่ยวแบบนี้ จะดูแลลูกได้เหรอ ผมไม่เคยขอให้เขาเลิกนิสัยนั้นนะ เพราะเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อายุ16-17แล้ว แต่ก็คุยๆไปบ้างว่าให้เพลาๆลงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผลซักเท่าไหร่ ทำให้ผมคิดมากว่าจะไหวไหมนี่ มีแฟนแบบนี้ รู้เลยครับว่าการที่คบกันมานานๆทำให้เรารู้นิสัยกันมากขึ้นว่าจะไปกันได้ไหม ผมรวบรวมข้อดีข้อเสียเขาแล้วมาสรุปว่า ถึงทุกคนจะมีข้อดีข้อเสีย แต่ต้องดูว่าขอดีข้อเสียอันไหนใหญ่กว่ากัน ผมจึงสรุปได้ว่า ข้อดีเขารักครอบครัว หาเงินเก่ง มันก็ดี แต่ข้อเสีย ชอบดื่ม ชอบเที่ยวผับ ชอบสังสรรค์กับเพื่อนๆ เมาหนักกลับมาตลอด นี่ถ้าอยู่ด้วยกันมีลูกมีเต้านี่ไปไม่รอดแน่นอน เงินได้มาเต็มที่ก็หมดไปกะค่าสังสรรค์เกือบครึ่งแล้ว ถึงผมจะเหลือเต็มๆก็เถอะ แต่ถ้าเมามาผมต้องคอยดูแลไม่ได้พักผ่อนอีกแน่นอน
ผมเลยตัดสินใจห่างหายจากชีวิตเขาไปไม่อยากบอกเลิกเขา เพราะผมก็รักเขาอยู่ ผมก็เจ็บที่ทำแบบนั้น แต่ปัจจุบันนี้เขาก็มีคนใหม่แล้วแหละเพราะผ่านประสบการณ์ความรักมามากกว่าผมคงลืมผมไปแล้วล่ะ ถึงผมจะรักอยู่ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่กล้ากลับไปบอกความจริงกับเขาหรอก เพราะผมรู้ว่าผมผิดที่ทำแบบนั้นลงไป
ถ้าคุณเจอผู้หญิงที่ชอบดื่มเหล้าสรรสรรค์กับเพื่อนๆ ชอบเที่ยวสถานบันเทิง แต่ก็มีข้อดีที่ตัดสินใจยากอยู่ จะตัดสินใจแบบผมไหม
เขาเป็นคนที่นิสัยดี ขี้น้อยใจ ชอบช่วยคนอื่น รักครอบครัว ทำให้ผมลืมเรื่องแฟนคนที่แล้วได้เลยแหละ แต่วิธีพูดเขาจะโฉ่งฉ่างไปหน่อย หาเงินเก่ง เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 25000 เพราะตำแหน่งงานเขาสูง แต่ข้อเสียเขาคือ ชอบดื่มเหล้า เที่ยวผับเที่ยวบาร์ สังสรรค์กับเพื่อนๆ เลยทำให้เปลืองเงินไปพอควร เดือนนึงก็เหลืออยู่ไม่ถึง 18000 ชอบคิดไปเอง ชอบประชดประชัน ชอบจับผิด(อาจเป็นเพราะเขาผิดหวังกับความรักบ่อย) ส่วนผมอายุ20 ณ ตอนนั้น เรียนด้วยทำงานด้วย เป็นคนไม่ดื่มไม่สูบ ไม่เที่ยวสถานบันเทิง แต่ก็ไปมิตติ้งกลุ่มBBบ้างเพราะตอนมีรถไปประจำ
เข้าเรื่องต่อ เขาเอาใจใส่ผมดีมาก เทคแคร์ดีตลอด โทรหาเช้าเย็น ชวนกินชวนเที่ยวที่ต่างๆ แต่ผมไม่เคยขออะไรเขานะ พวกสิ่งของรึของให้เขาซื้ออะไรให้ เพราะผมกะว่าผมต้องเป็นผู้นำครอบครัว ต้องพึ่งตัวเองได้ถึงเงินเดือนผมแค่10000นิดๆก็เถอะ จนเพื่อนๆถาม "มีแฟนแบบนี้ไม่ให้เขาซื้อนู่นให้ซื้อนี่ให้ล่ะ" ผมเลยตอบไปว่า "เห็นตูเป็นพวกแมงดารึไง ตูมีศักดิ์ศรี มีความเป็นผู้นำ เป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ลดตัวไปทำแบบนั้นหรอก" เราคบกันไปมาหาสู่กันบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเพราะเราห่างกันหลายอย่างมาก ตัวเขาอยู่คนเดียวเป็นบ้านเอื้อ มีทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่ผมยังอยู่กับพ่อกับแม่เลยยังไม่กล้าพามาเปิดตัวเพราะเกรงพ่อแม่ว่า รอเกริ่นๆให้แกรู้ก่อน ระหว่างคบกันเวลาเขาจะไปเที่ยวก็จะบอกผมก่อนว่าจะไปนะกลับประมาณเท่านี้ๆ ผมก็บอกว่าอย่าเมามากล่ะดูแลตัวเองดีๆเป็นห่วง แต่พอถึงเวลากลับผมก็โทรไป เพื่อนเขารับ บอกว่าหามมาส่งห้องแล้ว เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ขอผมไปเที่ยว คบกันผ่านมาซัก3เดือน ช่วงนั้นใกล้สอบ งานผมเลยเยอะเป็นพิเศษ ทำให้ไม่มีเวลาได้คุยกัน จนเขาน้อยใจและพูดประชดใส่บ่อยๆ
จนผมรู้สึกโมโห เวลาโทรไปกะจะง้อและคุยด้วยนิดหน่อยช่วงดึกๆเพราะต้องทำงานต่อ เสียงเขาก็คล้ายๆคนเมา คุยไม่ค่อยเข้าใจ+เสียงเพื่อนๆเอะอะ ตัวผมเบื่อคนเมาเป็นทุนเดิมเลยไม่ได้คุยต่อ วางสายเลย แต่ถ้าโทรไปตอนเช้าก็เสียงปกติแต่มักพูดประชดใส่ประมาณว่าผมไม่มีเวลาให้เหมือนแต่ก่อน มีคนอื่นก็บอกดีๆ อย่าให้เขาทนเจ็บเลย ผมก็พยายามอธิบายว่าเรื่องมันเป็นยังไงถึงไม่มีเวลาคุยเหมือนแต่ก่อน แต่เขาก็พูดเหมือนเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม และก็เป็นอย่างนี้มาเดือนกว่าๆ ผมเลยคิดว่า ถ้ารักกันแล้วไม่ไว้ใจ จะไปมีความสุขได้อย่างไร ถ้ามีลูก แต่แม่ยังชอบดื่มชอบเที่ยวแบบนี้ จะดูแลลูกได้เหรอ ผมไม่เคยขอให้เขาเลิกนิสัยนั้นนะ เพราะเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อายุ16-17แล้ว แต่ก็คุยๆไปบ้างว่าให้เพลาๆลงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผลซักเท่าไหร่ ทำให้ผมคิดมากว่าจะไหวไหมนี่ มีแฟนแบบนี้ รู้เลยครับว่าการที่คบกันมานานๆทำให้เรารู้นิสัยกันมากขึ้นว่าจะไปกันได้ไหม ผมรวบรวมข้อดีข้อเสียเขาแล้วมาสรุปว่า ถึงทุกคนจะมีข้อดีข้อเสีย แต่ต้องดูว่าขอดีข้อเสียอันไหนใหญ่กว่ากัน ผมจึงสรุปได้ว่า ข้อดีเขารักครอบครัว หาเงินเก่ง มันก็ดี แต่ข้อเสีย ชอบดื่ม ชอบเที่ยวผับ ชอบสังสรรค์กับเพื่อนๆ เมาหนักกลับมาตลอด นี่ถ้าอยู่ด้วยกันมีลูกมีเต้านี่ไปไม่รอดแน่นอน เงินได้มาเต็มที่ก็หมดไปกะค่าสังสรรค์เกือบครึ่งแล้ว ถึงผมจะเหลือเต็มๆก็เถอะ แต่ถ้าเมามาผมต้องคอยดูแลไม่ได้พักผ่อนอีกแน่นอน
ผมเลยตัดสินใจห่างหายจากชีวิตเขาไปไม่อยากบอกเลิกเขา เพราะผมก็รักเขาอยู่ ผมก็เจ็บที่ทำแบบนั้น แต่ปัจจุบันนี้เขาก็มีคนใหม่แล้วแหละเพราะผ่านประสบการณ์ความรักมามากกว่าผมคงลืมผมไปแล้วล่ะ ถึงผมจะรักอยู่ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่กล้ากลับไปบอกความจริงกับเขาหรอก เพราะผมรู้ว่าผมผิดที่ทำแบบนั้นลงไป