*** โฆษณานร. สายตาสั้นที่ฉายในรถไฟฟ้า เนื้อเรื่องไม่สร้างสรรค์มาก ๆ ***

ถ้าเคยดูในรถไฟฟ้านะครับ เรื่องนักเรียนบ้าน ๆ ที่สายตาสั้น ...

เริ่มที่ครูเขียนบนกระดาน ถามดช. ที่นั่งหลังห้องให้อ่าน
ดช. มองไม่เห็นสิ่งที่ครูเขียน เพื่อนนร. หญิงบอกให้ว่าครูเขียนอะไร
เพื่อนคนอื่นฟ้องครู ว่าดญ. ช่วย
ทั้งสองโดนทำโทษให้ไปยืนกระต่ายขาเดียวนอกห้อง คาบไม้บรรทัด
                                (เจี้ยเอ๊ย ... ไล่เด็กออกนอกห้องแล้วจะมาเรียนทำไมวะ แทนที่จะถามว่าทำไมถึงช่วยเพื่อน)
ตอนพัก เพื่อนอื่น ๆ ออกมา ตะโกนล้อเพื่อนที่โดนทำโทษว่าแก้วโง่ (เฮ้ย ... นี่มันศันดานแบบโคตะระไทยเลย ไม่สร้างสรรค์)

ฉากถัดมา ดช. ที่สายตาสั้นไปนั่งอ่าน tablet ตาแทบจะติดจอ
กลุ่มเพื่อนมากันสามคน บอกดช. ให้หันไปดูอะไรบางอย่าง
พอหันไปดู ไอ้เพื่อน (เจี้ย ๆ ) พวกนั้นฉก tablet ไป แกล้งแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน (ระญำตำบอน ศันดานแบบไทยสุด ๆ)

แล้วอยู่ดี ๆ ก็ตัดฉากไปว่าการตรวจัดสายตาทำได้ง่าย ๆ
ครูก็ทำได้ที่ร.ร. บลา ๆๆๆ (แล้วทำไมไม่สงสัยตั้งแต่แรกว่าทำไมเพื่อนถึงช่วย แล้วก็แก้ปัญหาตั้งแต่แรกดิ)
แล้วก็จบลงที่เด็กมีแว่นใส่

ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนคิดโฆษณาชิ้นนี้ ...

แต่ขอประนามคนที่นำความคิดแบบนี้มาใช้ออกสื่อ ต่อให้อยากจะแก้ตัวว่า "สะท้อนสังคม" ก็เถอะ มันไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง

และถึงแม้คุณอยากจะสะท้อนสังคมจริง ๆ คุณจะ "ต้อง" แสดงให้ได้ด้วยว่า สังคมที่ดีกว่าควรจะทำอย่างไร

เด็กที่ล้อเพื่อน แกล้งเพื่อน ต้องโดนทำโทษ แต่การทำโทษนั้น ไม่จำเป็นต้องสะท้อนเรื่องการทำโทษแบบเลว ๆ เช่นฟาด ตะคอก ตะวาด แบบนี้ไม่เอา

อาจเป็นเรื่องการสั่งสอนโดยครู มีการขอโทษเพื่อน เพื่อนให้อภัยกัน แล้วช่วยเหลือกันต่อไป

หน้าที่ของคนที่ใช้สื่อ คือ คุณจะต้องทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ทำให้สังคมเดินไปในทางที่สวยงามและถูกต้อง

อย่าเอาแต่สนุก อย่าเอาแต่ว่า "ฉันเป็นครีเอทีฟ" (ครับ ผมก็เคยเป็น copywriter อยู่บ. โฆษณามาก่อนเหมือนกัน ถึงได้กล้าด่า)

ผมอยากให้ทางรถไฟฟ้าฯ ทบทวนนำโฆษณาชิ้นนี้ออก แก้ไขเสียใหม่ แล้วค่อยนำกลับไปฉาย

ถ้ากลัวงบบานที่จะต้องถ่ายหรืออะไรใหม่มากมาย ...

ตัดฉากที่หลังจากเพื่อนนร. หญิงช่วยดช. แก้วออกให้หมด ไม่ต้องมีโดนทำโทษด้วย แล้วตัดเข้าเรื่องวัดสายตาไปเลย

ก่อนจบ ขอนำคำพูดของ Bill Bernbach ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพยุคแรก ๆ ของการโฆษณาสมัยใหม่ มาฝาก

“All of us who professionally use the mass media are the shapers of society.
We can vulgarize that society. We can brutalize it.
Or we can help lift it onto a higher level.”


หวังว่าคงพอกระตุ้น "ต่อมสำนึกต่อสังคม" ของผู้ที่ใช้สื่อกันได้บ้างนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่