สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลยผมได้ยืม Account ของเพื่อนที่ผมรู้จักมาใช้เพื่อให้ผู้คนได้รู้เรื่องราวได้ทันเหตุการณ์ ผมอยากจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องการซื้อรองเท้า
Adidas รุ่น NMD R1
ก่อนอื่นเลยผมแค่อยากให้ เลิกว่า เลิกด่า เลิกคิดว่าคนที่ไปต่อคิวซื้อเป็นคนไม่ดีไม่มีสติไม่มีความเป็นมนุษย์ แนะนำตัวก่อนนะครับผมนั้นไม่ใช่พวกบ้ารองเท้าแนว Sneaker นี้หรือเป็นพวกแต่งตัวแนว Street Wear นะครับแต่ผมแค่เป็นคนที่ชื่นชอบรองเท้าที่ Limited Edition และผมก็พบกับรองเท้ารุ่นนี้และได้เกิดความอยากได้ และผมก็ตั้งใจที่จะหามาครอบครอง ผมอยากจะเล่าและบอกเรื่องราวที่แท้จริงให้กับผู้ที่คิดว่าคนที่มองคนที่ไปซื้อรองเท้าในแง่ลบนะครับ ผมอยากให้ทุกคนได้อ่านเรื่องราวนี้และคิดตามนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องเปลี่ยนความคิดในแง่ลบกับพวกคนที่ไปซื้อรองเท้า
เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 30 มกราคา 2559 ในการซื้อรองเท้า Adidas NMD R1 มีกฏที่ Adidas ตั้งขึ้นว่า ถ้าใครมาก่อนก็จะมีสิทธิ์ซื้อเป็นคนแรก โดยจะมีทางเข้าหลายทางต่างคนก็ต่างศึกษาทางเข้าที่ดีที่สุดและไวที่สุดในการที่จะเข้าไปซื้อได้เป็นคนแรก เนี่ยละครับประเด่นหลักที่ผมอยากจะเริ่ม การที่ตั้งกฏแบบนี้ขึ้นมา โดยที่ไม่คิดถึงผลรับที่ตามมาของมนุษย์ที่มีความอยากได้มากๆ และความตั้งใจของทุกคนที่มารอตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. เพื่อจะหาทางเข้าไปซื้อคนแรกในวันที่เปิดตัวรองเท้า ทุกคนที่อ่านลองนึกภาพตามนะครับ ประตูเปิดทุกทางเข้าของห้าง ยามรักษาความปลอดภัยก็ได้มาจัดความเรียบร้อยในทางเข้าทุกๆทาง มีทางยามและผู้รักษาความปลอดภัยที่มีความน่ากลัวและโหดมากเค้าทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยไม่สนว่าจะมีใครบาดเจ็บรึป่าวทุกคนก็จะวิ่งเข้าไปที่หน้าร้าน Adidas อย่างเร็วที่สุด ในทุกๆประตูเพื่อมายืนที่หน้าร้านของ Adidas ลองนึกภาพตามนะครับ คนวิ่งมาทุกทิศเพื่อจะเข้ามาต่อคิวซิ้อรองเท้า แน่นอนครับต้องเกิดการกระทบกระทั้งกันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างนะครับ น้ำไหล 1 สาย ก็ยังไหลเป็นสายไม่มีเกิดการแตกตัวของน้ำ แต่ถ้ามีน้ำไหล 3 สายมาเจอกัน ยังไงก็เกิดแรงกระแทกของน้ำ พอนึกภาพออกไหมครับ ว่าคนวิ่งมา 3 ทางแล้วมาเจอกันตรงกลางจะเกิดอะไรขึ้นครับ นี้ยังไม่นับถึงคนที่วิ่งแล้วโดนชนแล้วล้มนะครับ ลองคิดดูตามที่ผมได้เล่ามานะครับ ผมจะให้คุณได้หันกลับไปมองถึง Adidas ที่จัดระเบียบการและกฏกติกาแบบนี้ขึ้นมา เค้าไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมาเลยครับ เค้าคิดแต่ว่าเค้าจะขายให้ผ่านไปเค้าก็จะได้ตังแล้วก็จบ จริงไหมครับ ถ้าเค้ามีการจัดระเบียบการให้มากกว่านี้ผมว่าภาพแบบนี้ไม่หน้าจะเกิดขึ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นแต่คงไม่ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บและก็จะมีความยุติธรรมมากกว่านี้ครับ อย่างเช่น ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ ก็แค่เปิดประตูให้เข้าทางเดียว หรือ ทำทางต่อคิวหน้าร้านอย่างชัดเจน ไม่ใช่ไม่มีอะไรเลยแค่เปิดประตูและให้คนเป็นร้อยๆวิ่งเข้าไปต่อแถวจากทุกทิศทุกทาง แค่นี้ใครก็นึกภาพออกครับว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ผมขอเล่าถึงบรรยากาศในตอนที่ถึงเวลาห้างได้เปิดตอน 10.00 แปะนะครับ ทุกทางเข้าวิ่งอย่างสุดชีวิตที่จะได้เข้าไปยืนต่อคิวในคนแรก ต่างคนต่างหาแผ่นการในการเข้าไปได้อย่างเร็วที่สุด แต่ภาพที่เห็นคือคนวิ่งเข้าไปมีคนล้มมีการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรงละพอคนได้อัดกันเข้ามาในทุกทิศคนที่อยู่หน้าประตูอย่างพวกผม ก็ถูกดันและเบียดอย่างรุ่นแรง พนักงาน Adidas ก็ได้ยืนกั้นทางเข้าไว้อย่างรวดเร็ว แต่พวกผมก็ไม่คิดที่จะดันพนักงานเค้าเข้าไปเลยนะครับ แต่ลองนึกภาพดูนะครับคนที่เค้าอยู่ข้างหลังเค้าก็อยากได้เค้าก็เลยจะแทรกตัวเข้ามาเลยทำให้เกิดแรงดัน จากที่ผมเห็นแล้วพนักงานไม่ได้รับความบาดเจ็บอะไรมากนะครับ เค้าจึกได้ปิดประตูเหล็กและบอกว่าไม่ขาย แต่คุณลองมองกลับไปพวกคนที่อยู่หน้าประตูนี้สิโดนแรงอัดตลอดเวลาละยิ่งมีที่กั้นเหมือนกำแพงคนก็ยิ่งที่จะดันเพื่อที่จะเข้าไปให้ลึกที่สุด ลองนึกภาพนะครับคนเป็นร้อยๆอัดกันอยู่ในพื้นที่เล็กๆ อากาศแทบไม่มีหายใจ ตัวเปียกเหงื่อของตัวเองและผู้คนรอบข้างขยับไม่ได้เปลี่ยนท่าทางแทบไม่ได้ ก็ต้องเกิดการเป็นลมสำหรับคนที่ไม่ได้นอนมา 1 คืนและตัวเล็กที่แทบไม่มีอากาศหายใจใช่ไหมละครับ พอเค้าปิดประตูได้สำเร็จนะครับ เค้าได้ยืนคุยกันและประชุมหาทางออกและแก้ไขสถานการณ์อยู่ แต่พนักงาน Adidas เค้าไม่คิดเลยครับว่าคนที่อัดแน่นกันอยู่ข้างนอกนั้นจะเป็นลมกันอยู่แล้ว พนักงานเค้ากลัวที่สุดคือการบาดเจ็บของผู้ซื้อใช่ไหมครับ แต่ที่ไหนได้ครับ เค้ายืนประชุมกันอย่างไม่มีความรีบร้อน บางคนยังพูดไปยิ้มไปได้ ในเหตูการณ์นี้ แทนที่เค้าจะหาทางออกได้ดีกว่านี้และแก้สถานการได้ทันท่วงที แต่กลับไม่มีมาบอกอย่างเดียวว่าไม่ขาย แค่คำพูดมันไม่ทำให้คนที่ตั้งใจมากๆและรอมาทั้งคืนเปลี่ยนใจได้หรอกครับ ต้องลงมือทำครับ อย่างเช่นนำผู้รักษาความปลอดภัยมาจัดแถวให้ดี แต่กลับแทบไม่มีผู้รักษาความปลอดภัยมาช่วยทำให้มันดีขึ้นเลย เท่าที่ผมเห็นเค้าเข้ามาเอาคนที่เป็นลมออกไปรักษาก็แค่นั้นเองครับ แต่ลองนึกดูนะครับยิ่งเค้าไม่ทำอะไรให้เร็วกว่านี้ก็ยิ่งมีคนที่จะเป็นลมมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมก็คิดแค่ว่าเค้าจะตัดสิ้นใจและออกมาประกาศอย่างชัดเจนมากกว่าตะโกนบอก ทุกคนจองมองพนักงานประชุมกันหรือคุยกันทุกกริยาบทเพราะพวกพนักงานคือผลสรุปว่าที่เค้าตั้งใจทำมาทุกอย่างนี้จะสำเร็จหรือไม่ เค้าจะได้รองเท้าหรือไม่ และพนักงานก็ปล่อยให้เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 50 นาทีครับ ลองนึกภาพและคิดดูนะครับ คนอัดกันอยู่แบบนั้น 1 ชั่วโมง 50 นาที เค้าถึงจะมาบอกกฏว่าจะมีการ “จับฉลาก” เกิดขึ้น เป็นไงละครับ ที่พวกพนักงาน Adidas ประชุมกัน 1 ชั่วโมง 50 นาที ได้ผลสรุปว่า ใช้กฏเดิมที่เคยใช้กับรองเท้ารุ่นที่แล้ว ผมกลับมองว่าเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาทีเป็นเวลาที่นานมากๆครับและบวกกับที่พวกผมต้องทนการอัดแน่นกันอยู่หน้าร้านนั้นยิ่งทำให้ผมกลับคิดว่าพนักงาน Adidas เค้าคิดอะไรกัอยู่ครับ เพราะผลสรุปคือกฏเดิมที่เค้าได้เคยใช้มาใช่ไหมละครับ เค้าไม่มีการแก้ไขปันหาได้ทันเหตุการณ์เลยสักนิดครับ เค้าแทบไม่ได้คิดอะไรใน 1 ชั่วโมง 50 นาทีนั้น และที่แน่ๆพวกผมต้องไม่พอใจอย่างรุ่นแรงแน่ๆ ถ้าใครมาอยู่จุดนั้นผมเชื่อว่าเราจะคิดเหมือนกันครับ เพราะว่าการจับฉลากนั้น จะมาตอนไหนก็ได้แต่ต้องมาให้ทันในการลงทะเบียน แปลว่าพวกที่มาเช้ามารอตั้งแต่วันที่ 29 มกราคา นั้นไม่มีค่าอะไรเลยครับ การที่ทุกคนที่มาตั้งใจทำทุกอย่าง บางคนอดข้าวอดน้ำ เพราะพอไกล้ถึงเวลาก็จะเข้าห้องน้ำไม่ได้ หรือเกิดจากการตื่นเต้นเลยทำให้ไม่นึกถึงว่าตัวเองหิวข้าว นั้นไม่มีผลอะไรเลยครับเพราะพนักได้เปลี่ยนกฏอย่างกระทันหันมากๆ ถ้าพนักงานเค้านึกถึงผลที่ตามมานะครับ ผมเชื่อว่าเค้าจะไม่มีทางที่จะออกกฏนี้ออกมาใช้แน่นอนครับ แต่เค้ากลับไม่คิดอะไรเลยพอเจอเหตุการณ์จริงก็เปลี่ยนกฏใหม่ให้เป็นการจับฉลากโดยไม่นึกถึงใจคนที่ตั้งใจทำทุกอย่างมาจนถึงจุดๆนี้ ผมเชื่อเลยนะครับว่าทุกคนที่อยู่ที่เดียวกับผมมีความตั้งใจอย่างสูงมากๆครับ ถ้าเราตั้งใจทำอะไรใครจะมาพูดอะไรมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจคนได้หรอกใช่ไหมครับ เพราะการกระทำที่ทำอยู่ไม่ได้ผิดกฏหมายหรือทำให้เป็นคนไม่ดี มันเป็นเพราะความอยากได้ของคน แต่พนักงานเค้าก็ได้เปลี่ยนกฏจริงๆ ครับ
คนที่ตั้งใจทำทุกอย่างมานี่ ก้ถือว่าไม่มีความหมายครับ พนักงานร้านแถวๆนั้น ได้ยินแบบนหรือคนที่มาห้างหรือพนักงานร้านในห้างนั้นได้ยินว่ามีการใช้กฏนี้เค้าก็มาลุ้นโชคกันใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่าเป็นคุณคุณก็ลองดูครับเพราะเห็นคนอยากได้ขนาดนี้มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ ไม่เสียหายอะไรหนิครับแค่ไปลงทะเบียนและก็รอถึงเวลาจับฉลากก็ได้รู้ผลแล้วว่าได้ซื้อรองเท้าหรือไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่เพนักงานได้บอกว่าคนที่มีสิทธิ์จับฉลากต้องเป็นคนที่อยู่บริเวณนร้เท่านี้ แต่คือมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ เพราะต้องไปลงทะเบียนที่จอดรถชั้น 9 พนักงานบอกว่าจะมีคนควบคุมคนขึ้นไปแต่จริงๆแล้วไม่มีสักคนครับเค้าแค่ยืนบอกทาง นี่ละครับบอกถึงความมักง่ายของพนักงานที่พูดให้คนเชื่อและทำตามกันไปแต่ผมเชื่อว่าหลายๆคนไม่มีใครคิดว่าเป็นแบบนี้เค้าพูดได้แน่ๆ คนที่ทำทุกอย่างมาก็ต้องยอมรับผลสรุปครับ ว่าต้องจับฉลาก พนักงานประกาศว่าจะมีการลงทะเบียนในเวลา 12.00 – 13.30 และจับฉลากในเวลา 16.00 ของวันที่ 30 ม.ค. เวลาหลังจากลงทะเบียนเสร็จ ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เค้าควรที่จะทำให้การจับฉลากเป็นที่ยอมรับให้มากกว่านี้ แต่แน่นอนครับไม่มีใครจะสามารถเปลี่ยนกฏได้ก็ต้องทำตามกฏต่อไปอย่างสัตว์ที่อยู่ในกรงครับ ผมก็ถือว่าผมได้ทำดีที่สุดแล้วครับ ผมตั้งใจและทำสุดความตั้งใจแล้วครับ เพราะการจับฉลากนั้นคือดวงล้วนๆใช่ไหมครับ มันมีสิทธิ์ได้และไม่ได้เท่าๆกันอยู่แล้ว แต่พอรู้ว่าการจับฉลากใช้บัตรประจำตัวที่มีชื่อและหน้าเราอยู่ในบัตรใส่ลงในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กคาดว่าหน้าจะเป็นกล่องรองเท้าครับ ลองคิดดูนะครับบัตรสี่เหลี่ยมใส่ลงในกล่องสี่เหลี่ยม และบัตรติดกันสองใบยังยากเลยครับที่บัตรข้างล่างจะมาอยู่ข้างบน ในเวลาที่พนักงานเอาเวลาไปทำอะไรไม่รู้ 2 ชั่วโมง 30 นาที พนักงานหน้าจะทำการจับฉลากให้เป็นที่ยอมรับ เช่นการทำกล่องจับฉลากให้ดีกว่านี้หรือการทำการกระดาสหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่บัตรประจำตัว นึกภาพออกไหมละครับว่าบัตรที่อยู่ข้างล่างไม่มีทางที่จะขึ้นมาข้างบนเลย แปลว่าคนที่ไปลงทะเบียนเร็วอย่างผมแทบจะไม่มีสิทธิ์เลยใช่ไหมครับ ถ้าเป็น % จากตอนแรกลุ้นดวงก้ยังน้อยอยู่ที่จะได้ พอมาเจอกฏแบบนี้แทบไม่มีสิทธิ์เลยใช่ไหมละครับ ผมเลยหันกลับไปคิดว่า พนักงาน Adidas เค้าแทบไม่ได้คิดอะไรเลยครับ เค้าแค่จะขายให้เสร็จๆจบๆไปโดยไม่นึกถึงความยุติธรรมเลยครับ ผมรู้สึกผิดหวังกับการจัดการของพนักงาน Adidas มากๆครับ
ยังจบนะครับ ยังมีต่อครับผม
แฉ!!! ปมดราม่ารองเท้า Adidas รุ่น NMD R1
ก่อนอื่นเลยผมแค่อยากให้ เลิกว่า เลิกด่า เลิกคิดว่าคนที่ไปต่อคิวซื้อเป็นคนไม่ดีไม่มีสติไม่มีความเป็นมนุษย์ แนะนำตัวก่อนนะครับผมนั้นไม่ใช่พวกบ้ารองเท้าแนว Sneaker นี้หรือเป็นพวกแต่งตัวแนว Street Wear นะครับแต่ผมแค่เป็นคนที่ชื่นชอบรองเท้าที่ Limited Edition และผมก็พบกับรองเท้ารุ่นนี้และได้เกิดความอยากได้ และผมก็ตั้งใจที่จะหามาครอบครอง ผมอยากจะเล่าและบอกเรื่องราวที่แท้จริงให้กับผู้ที่คิดว่าคนที่มองคนที่ไปซื้อรองเท้าในแง่ลบนะครับ ผมอยากให้ทุกคนได้อ่านเรื่องราวนี้และคิดตามนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องเปลี่ยนความคิดในแง่ลบกับพวกคนที่ไปซื้อรองเท้า
เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 30 มกราคา 2559 ในการซื้อรองเท้า Adidas NMD R1 มีกฏที่ Adidas ตั้งขึ้นว่า ถ้าใครมาก่อนก็จะมีสิทธิ์ซื้อเป็นคนแรก โดยจะมีทางเข้าหลายทางต่างคนก็ต่างศึกษาทางเข้าที่ดีที่สุดและไวที่สุดในการที่จะเข้าไปซื้อได้เป็นคนแรก เนี่ยละครับประเด่นหลักที่ผมอยากจะเริ่ม การที่ตั้งกฏแบบนี้ขึ้นมา โดยที่ไม่คิดถึงผลรับที่ตามมาของมนุษย์ที่มีความอยากได้มากๆ และความตั้งใจของทุกคนที่มารอตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. เพื่อจะหาทางเข้าไปซื้อคนแรกในวันที่เปิดตัวรองเท้า ทุกคนที่อ่านลองนึกภาพตามนะครับ ประตูเปิดทุกทางเข้าของห้าง ยามรักษาความปลอดภัยก็ได้มาจัดความเรียบร้อยในทางเข้าทุกๆทาง มีทางยามและผู้รักษาความปลอดภัยที่มีความน่ากลัวและโหดมากเค้าทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยไม่สนว่าจะมีใครบาดเจ็บรึป่าวทุกคนก็จะวิ่งเข้าไปที่หน้าร้าน Adidas อย่างเร็วที่สุด ในทุกๆประตูเพื่อมายืนที่หน้าร้านของ Adidas ลองนึกภาพตามนะครับ คนวิ่งมาทุกทิศเพื่อจะเข้ามาต่อคิวซิ้อรองเท้า แน่นอนครับต้องเกิดการกระทบกระทั้งกันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างนะครับ น้ำไหล 1 สาย ก็ยังไหลเป็นสายไม่มีเกิดการแตกตัวของน้ำ แต่ถ้ามีน้ำไหล 3 สายมาเจอกัน ยังไงก็เกิดแรงกระแทกของน้ำ พอนึกภาพออกไหมครับ ว่าคนวิ่งมา 3 ทางแล้วมาเจอกันตรงกลางจะเกิดอะไรขึ้นครับ นี้ยังไม่นับถึงคนที่วิ่งแล้วโดนชนแล้วล้มนะครับ ลองคิดดูตามที่ผมได้เล่ามานะครับ ผมจะให้คุณได้หันกลับไปมองถึง Adidas ที่จัดระเบียบการและกฏกติกาแบบนี้ขึ้นมา เค้าไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมาเลยครับ เค้าคิดแต่ว่าเค้าจะขายให้ผ่านไปเค้าก็จะได้ตังแล้วก็จบ จริงไหมครับ ถ้าเค้ามีการจัดระเบียบการให้มากกว่านี้ผมว่าภาพแบบนี้ไม่หน้าจะเกิดขึ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นแต่คงไม่ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บและก็จะมีความยุติธรรมมากกว่านี้ครับ อย่างเช่น ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ ก็แค่เปิดประตูให้เข้าทางเดียว หรือ ทำทางต่อคิวหน้าร้านอย่างชัดเจน ไม่ใช่ไม่มีอะไรเลยแค่เปิดประตูและให้คนเป็นร้อยๆวิ่งเข้าไปต่อแถวจากทุกทิศทุกทาง แค่นี้ใครก็นึกภาพออกครับว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ผมขอเล่าถึงบรรยากาศในตอนที่ถึงเวลาห้างได้เปิดตอน 10.00 แปะนะครับ ทุกทางเข้าวิ่งอย่างสุดชีวิตที่จะได้เข้าไปยืนต่อคิวในคนแรก ต่างคนต่างหาแผ่นการในการเข้าไปได้อย่างเร็วที่สุด แต่ภาพที่เห็นคือคนวิ่งเข้าไปมีคนล้มมีการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรงละพอคนได้อัดกันเข้ามาในทุกทิศคนที่อยู่หน้าประตูอย่างพวกผม ก็ถูกดันและเบียดอย่างรุ่นแรง พนักงาน Adidas ก็ได้ยืนกั้นทางเข้าไว้อย่างรวดเร็ว แต่พวกผมก็ไม่คิดที่จะดันพนักงานเค้าเข้าไปเลยนะครับ แต่ลองนึกภาพดูนะครับคนที่เค้าอยู่ข้างหลังเค้าก็อยากได้เค้าก็เลยจะแทรกตัวเข้ามาเลยทำให้เกิดแรงดัน จากที่ผมเห็นแล้วพนักงานไม่ได้รับความบาดเจ็บอะไรมากนะครับ เค้าจึกได้ปิดประตูเหล็กและบอกว่าไม่ขาย แต่คุณลองมองกลับไปพวกคนที่อยู่หน้าประตูนี้สิโดนแรงอัดตลอดเวลาละยิ่งมีที่กั้นเหมือนกำแพงคนก็ยิ่งที่จะดันเพื่อที่จะเข้าไปให้ลึกที่สุด ลองนึกภาพนะครับคนเป็นร้อยๆอัดกันอยู่ในพื้นที่เล็กๆ อากาศแทบไม่มีหายใจ ตัวเปียกเหงื่อของตัวเองและผู้คนรอบข้างขยับไม่ได้เปลี่ยนท่าทางแทบไม่ได้ ก็ต้องเกิดการเป็นลมสำหรับคนที่ไม่ได้นอนมา 1 คืนและตัวเล็กที่แทบไม่มีอากาศหายใจใช่ไหมละครับ พอเค้าปิดประตูได้สำเร็จนะครับ เค้าได้ยืนคุยกันและประชุมหาทางออกและแก้ไขสถานการณ์อยู่ แต่พนักงาน Adidas เค้าไม่คิดเลยครับว่าคนที่อัดแน่นกันอยู่ข้างนอกนั้นจะเป็นลมกันอยู่แล้ว พนักงานเค้ากลัวที่สุดคือการบาดเจ็บของผู้ซื้อใช่ไหมครับ แต่ที่ไหนได้ครับ เค้ายืนประชุมกันอย่างไม่มีความรีบร้อน บางคนยังพูดไปยิ้มไปได้ ในเหตูการณ์นี้ แทนที่เค้าจะหาทางออกได้ดีกว่านี้และแก้สถานการได้ทันท่วงที แต่กลับไม่มีมาบอกอย่างเดียวว่าไม่ขาย แค่คำพูดมันไม่ทำให้คนที่ตั้งใจมากๆและรอมาทั้งคืนเปลี่ยนใจได้หรอกครับ ต้องลงมือทำครับ อย่างเช่นนำผู้รักษาความปลอดภัยมาจัดแถวให้ดี แต่กลับแทบไม่มีผู้รักษาความปลอดภัยมาช่วยทำให้มันดีขึ้นเลย เท่าที่ผมเห็นเค้าเข้ามาเอาคนที่เป็นลมออกไปรักษาก็แค่นั้นเองครับ แต่ลองนึกดูนะครับยิ่งเค้าไม่ทำอะไรให้เร็วกว่านี้ก็ยิ่งมีคนที่จะเป็นลมมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมก็คิดแค่ว่าเค้าจะตัดสิ้นใจและออกมาประกาศอย่างชัดเจนมากกว่าตะโกนบอก ทุกคนจองมองพนักงานประชุมกันหรือคุยกันทุกกริยาบทเพราะพวกพนักงานคือผลสรุปว่าที่เค้าตั้งใจทำมาทุกอย่างนี้จะสำเร็จหรือไม่ เค้าจะได้รองเท้าหรือไม่ และพนักงานก็ปล่อยให้เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 50 นาทีครับ ลองนึกภาพและคิดดูนะครับ คนอัดกันอยู่แบบนั้น 1 ชั่วโมง 50 นาที เค้าถึงจะมาบอกกฏว่าจะมีการ “จับฉลาก” เกิดขึ้น เป็นไงละครับ ที่พวกพนักงาน Adidas ประชุมกัน 1 ชั่วโมง 50 นาที ได้ผลสรุปว่า ใช้กฏเดิมที่เคยใช้กับรองเท้ารุ่นที่แล้ว ผมกลับมองว่าเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาทีเป็นเวลาที่นานมากๆครับและบวกกับที่พวกผมต้องทนการอัดแน่นกันอยู่หน้าร้านนั้นยิ่งทำให้ผมกลับคิดว่าพนักงาน Adidas เค้าคิดอะไรกัอยู่ครับ เพราะผลสรุปคือกฏเดิมที่เค้าได้เคยใช้มาใช่ไหมละครับ เค้าไม่มีการแก้ไขปันหาได้ทันเหตุการณ์เลยสักนิดครับ เค้าแทบไม่ได้คิดอะไรใน 1 ชั่วโมง 50 นาทีนั้น และที่แน่ๆพวกผมต้องไม่พอใจอย่างรุ่นแรงแน่ๆ ถ้าใครมาอยู่จุดนั้นผมเชื่อว่าเราจะคิดเหมือนกันครับ เพราะว่าการจับฉลากนั้น จะมาตอนไหนก็ได้แต่ต้องมาให้ทันในการลงทะเบียน แปลว่าพวกที่มาเช้ามารอตั้งแต่วันที่ 29 มกราคา นั้นไม่มีค่าอะไรเลยครับ การที่ทุกคนที่มาตั้งใจทำทุกอย่าง บางคนอดข้าวอดน้ำ เพราะพอไกล้ถึงเวลาก็จะเข้าห้องน้ำไม่ได้ หรือเกิดจากการตื่นเต้นเลยทำให้ไม่นึกถึงว่าตัวเองหิวข้าว นั้นไม่มีผลอะไรเลยครับเพราะพนักได้เปลี่ยนกฏอย่างกระทันหันมากๆ ถ้าพนักงานเค้านึกถึงผลที่ตามมานะครับ ผมเชื่อว่าเค้าจะไม่มีทางที่จะออกกฏนี้ออกมาใช้แน่นอนครับ แต่เค้ากลับไม่คิดอะไรเลยพอเจอเหตุการณ์จริงก็เปลี่ยนกฏใหม่ให้เป็นการจับฉลากโดยไม่นึกถึงใจคนที่ตั้งใจทำทุกอย่างมาจนถึงจุดๆนี้ ผมเชื่อเลยนะครับว่าทุกคนที่อยู่ที่เดียวกับผมมีความตั้งใจอย่างสูงมากๆครับ ถ้าเราตั้งใจทำอะไรใครจะมาพูดอะไรมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจคนได้หรอกใช่ไหมครับ เพราะการกระทำที่ทำอยู่ไม่ได้ผิดกฏหมายหรือทำให้เป็นคนไม่ดี มันเป็นเพราะความอยากได้ของคน แต่พนักงานเค้าก็ได้เปลี่ยนกฏจริงๆ ครับ
คนที่ตั้งใจทำทุกอย่างมานี่ ก้ถือว่าไม่มีความหมายครับ พนักงานร้านแถวๆนั้น ได้ยินแบบนหรือคนที่มาห้างหรือพนักงานร้านในห้างนั้นได้ยินว่ามีการใช้กฏนี้เค้าก็มาลุ้นโชคกันใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่าเป็นคุณคุณก็ลองดูครับเพราะเห็นคนอยากได้ขนาดนี้มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ ไม่เสียหายอะไรหนิครับแค่ไปลงทะเบียนและก็รอถึงเวลาจับฉลากก็ได้รู้ผลแล้วว่าได้ซื้อรองเท้าหรือไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่เพนักงานได้บอกว่าคนที่มีสิทธิ์จับฉลากต้องเป็นคนที่อยู่บริเวณนร้เท่านี้ แต่คือมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ เพราะต้องไปลงทะเบียนที่จอดรถชั้น 9 พนักงานบอกว่าจะมีคนควบคุมคนขึ้นไปแต่จริงๆแล้วไม่มีสักคนครับเค้าแค่ยืนบอกทาง นี่ละครับบอกถึงความมักง่ายของพนักงานที่พูดให้คนเชื่อและทำตามกันไปแต่ผมเชื่อว่าหลายๆคนไม่มีใครคิดว่าเป็นแบบนี้เค้าพูดได้แน่ๆ คนที่ทำทุกอย่างมาก็ต้องยอมรับผลสรุปครับ ว่าต้องจับฉลาก พนักงานประกาศว่าจะมีการลงทะเบียนในเวลา 12.00 – 13.30 และจับฉลากในเวลา 16.00 ของวันที่ 30 ม.ค. เวลาหลังจากลงทะเบียนเสร็จ ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เค้าควรที่จะทำให้การจับฉลากเป็นที่ยอมรับให้มากกว่านี้ แต่แน่นอนครับไม่มีใครจะสามารถเปลี่ยนกฏได้ก็ต้องทำตามกฏต่อไปอย่างสัตว์ที่อยู่ในกรงครับ ผมก็ถือว่าผมได้ทำดีที่สุดแล้วครับ ผมตั้งใจและทำสุดความตั้งใจแล้วครับ เพราะการจับฉลากนั้นคือดวงล้วนๆใช่ไหมครับ มันมีสิทธิ์ได้และไม่ได้เท่าๆกันอยู่แล้ว แต่พอรู้ว่าการจับฉลากใช้บัตรประจำตัวที่มีชื่อและหน้าเราอยู่ในบัตรใส่ลงในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กคาดว่าหน้าจะเป็นกล่องรองเท้าครับ ลองคิดดูนะครับบัตรสี่เหลี่ยมใส่ลงในกล่องสี่เหลี่ยม และบัตรติดกันสองใบยังยากเลยครับที่บัตรข้างล่างจะมาอยู่ข้างบน ในเวลาที่พนักงานเอาเวลาไปทำอะไรไม่รู้ 2 ชั่วโมง 30 นาที พนักงานหน้าจะทำการจับฉลากให้เป็นที่ยอมรับ เช่นการทำกล่องจับฉลากให้ดีกว่านี้หรือการทำการกระดาสหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่บัตรประจำตัว นึกภาพออกไหมละครับว่าบัตรที่อยู่ข้างล่างไม่มีทางที่จะขึ้นมาข้างบนเลย แปลว่าคนที่ไปลงทะเบียนเร็วอย่างผมแทบจะไม่มีสิทธิ์เลยใช่ไหมครับ ถ้าเป็น % จากตอนแรกลุ้นดวงก้ยังน้อยอยู่ที่จะได้ พอมาเจอกฏแบบนี้แทบไม่มีสิทธิ์เลยใช่ไหมละครับ ผมเลยหันกลับไปคิดว่า พนักงาน Adidas เค้าแทบไม่ได้คิดอะไรเลยครับ เค้าแค่จะขายให้เสร็จๆจบๆไปโดยไม่นึกถึงความยุติธรรมเลยครับ ผมรู้สึกผิดหวังกับการจัดการของพนักงาน Adidas มากๆครับ
ยังจบนะครับ ยังมีต่อครับผม