ผมได้รู้จักคนลาวคนหนึ่ง ประมาณ 6-7ปี ได้ครับ คุยกันไปคุยกันมา ก็นับถือกันเป็นพี่น้อง มีอะไรก็ปรึกษากัน จนมาวันหนึ่ง ก็คุยเรื่องการทำธุรกิจที่ลาว และได้ตกลงกันไว้ว่าจะไปดูงานเขื่อนเพื่อประมูลการขนส่งสินค้าให้เขื่อน และก็ติดต่อคนไทยอีก2คน เพื่อมาร่วมหุ้น จำนวนเงินคนล่ะ2แสนบาท ซึ่งมี3คนที่เป็นคนไทย ส่วนคนลาวไม่ได้ลงเพราะเขาบอกว่า จะหางานเข้าบริษัท
จึงได้นำเงินก้อนแรก 2แสนกว่าบาท เพื่อไปสำรวจงานและเส้นทาง ไปกันทั้งหมด8คน คนไทย3คน ลาว5คน เดินทางจากเวียงจันทน์ ไปหลวงพระบาง และอุดมไชย จนถึงพงสาลี ก็ได้ไปติดต่องานเพื่อขอทราบรายละเอียด ทั้งนี้การเข้าหาผู้ใหญ่ทางลาวจะต้องมีค่าใช้จ่าย เราจึงเอาเงินในจำนวน2แสนบาทเป็นค่าใช้จ่าย ทั้งค่าโรงแรม อาหาร และใส่ซองให้ทางผู้ใหญ่ ซึ่งทางผมและคนไทยเป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่ระหว่างการเดินทาง หุ้นส่วนทางลาวก็บอกว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ต้องการใช้เงินด่วน ผมจึงจ่ายให้ 3หมื่น
และหลังจากไปดูงานมา กลับมาถึงเวียงจันทน์ก็เช่าสำนักงาน และเปิดบริษัทโดยใช้เงินส่วนที่2 เปิดบริษัท (วันที่ 2กุมภาพันธ์ 2558) ตั้งแต่เปิดบริษัทมา ทุกคนก็เฝ้ารอคอย เอกสารบริษัทเขื่อน(มาสเตอร์ลีสต์) หุ้นส่วนทางลาวก็ผลัดวันประกันพรุ่งตลอด จนถึงเดือนปลายเดือนเมษา ก็ยังไม่มี แต่ทางลาวก็ยืนยัน100% ว่าได้แน่นอน เราก็รอ แล้วรอเล่า จนถึงเดือนพฤษภา เขาก็บอกว่าจะได้งานแล้ว แต่ตอนนี้เขาลำบากมากไม่มีเงิน ธนาคารตามยึดที่ และรถที่ขับก็จะโดนยึด ต้องการเงินไปชำระ ผมก็เอาให้อีก 130000บาท และก็เงียบเหมือนเดิม (ผมมาทราบตอนหลังว่าที่ไปสำรวจงานเขื่อนเพราะทางลาวจะไปขายน้ำมันให้เขื่อน ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเลย แต่เอาเราไปด้วยเพื่อให้เราออกค่าใช้จ่าย ในการเข้าหางาน และที่หนักไปกว่านั้นคือ เขาขาดสภาพคล่องเรื่องเงิน จึงเอางานมาอ้าง และชักชวนให้มาลงทุน)
จนถึงเดือนกรกฎาคม ก็ได้มีโอกาสรู้จัก คนลาวคนนึง แกเป็นพนักงาน(หัวหน้าคลัง)บริษัทในโรงงานที่ลาว แกแนะนำให้เข้าไปคุยกับฝ่ายจัดซื้อ บางทีอาจจะได้งาน ซึ่งจากการที่ตามงานตลอดทางโรงงานที่ลาวก็ให้โอกาสเราทำงาน เริ่มงานเดือนสิงหา งานไม่ค่อยเยอะแต่ยังดีกว่าไม่มีงาน เราก็เริ่มทำมาด้วยดี แต่หุ้นส่วนทางลาวเริ่มออกอาการครับ ไม่มาทำงาน เบิกแต่เงิน เพราะตัวเขาเองเป็นประธาน บัญชีไม่กล้าขัด พอผมทราบเรื่องก็เรียกมาคุย ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหากินใจกัน เดือนนึงแทบจะไม่เจอตัวเลย และพอหนักเข้าพูดอะไรนิดหน่อยก็บอกว่า ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับผม ไม่ต้องโทรหาผม ปิดมือถือบ้าง ไม่รับสายเอาดื้อๆ
ผมดูแล้วชักเริ่มไม่ไว้ใจ ก็พาพนักงานย้ายที่ทำงานไปอีกที่หนึ่ง พอย้ายได้ประมาณครึ่งเดือน ก็มีเรียกประชุมหุ้นส่วน และวันที่ประชุม หุ้นส่วนทางลาวก็แจ้งว่า จะเอาเมียมาถือเงิน และทำบัญชีเอง หุ้นส่วนทุกคนไม่เห็นด้วยครับ เพราะไม่เคยมีที่ไหนทำแบบนี้ ผัวเป็นประธาน เมียถือเงิน หุ้นส่วนทางลาวก็บอกว่าจะปิดบริษัท ไม่ต้องทำแล้ว(ซึ่งผมเองที่ประมาท ไม่ได้ศึกษากฏหมายจดทะเบียนบริษัท ว่ามีวรรค 2สำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ เพราะหุ้นส่วนทางลาวบอกว่าทำไม่ได้ก็เชื่อใจครับ ไม่คิดว่าเขาจะหักหลัง )
ซึ่งการวางบิลต้องใช้ตราประทับบริษัท และลายเซ็นต์ประธาน หุ้นส่วนทางลาวถือว่าเป็นต่อไปวางบิลเอง เก็บเงินเอง โดยที่เราทำอะไรไม่ได้เลย สรุปแล้วก็คือโดนหลอกให้มาลงทุนครับ ตอนที่เขาขาดเงินและต้องการใช้เงิน
ผมจึงอยากจะฝากบอกคนไทยด้วยกัน ว่าถ้าไปลงทุนที่ลาวให้ระวังด้วยครับ จะเป็นเหมือนผม
และผมเองก็ไม่อยากให้ใครซ้ำรอย
เคยมีใครไปลงทุนที่ลาวมั้ยครับ และเคยโดนหลอกหรือเปล่า
จึงได้นำเงินก้อนแรก 2แสนกว่าบาท เพื่อไปสำรวจงานและเส้นทาง ไปกันทั้งหมด8คน คนไทย3คน ลาว5คน เดินทางจากเวียงจันทน์ ไปหลวงพระบาง และอุดมไชย จนถึงพงสาลี ก็ได้ไปติดต่องานเพื่อขอทราบรายละเอียด ทั้งนี้การเข้าหาผู้ใหญ่ทางลาวจะต้องมีค่าใช้จ่าย เราจึงเอาเงินในจำนวน2แสนบาทเป็นค่าใช้จ่าย ทั้งค่าโรงแรม อาหาร และใส่ซองให้ทางผู้ใหญ่ ซึ่งทางผมและคนไทยเป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่ระหว่างการเดินทาง หุ้นส่วนทางลาวก็บอกว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ต้องการใช้เงินด่วน ผมจึงจ่ายให้ 3หมื่น
และหลังจากไปดูงานมา กลับมาถึงเวียงจันทน์ก็เช่าสำนักงาน และเปิดบริษัทโดยใช้เงินส่วนที่2 เปิดบริษัท (วันที่ 2กุมภาพันธ์ 2558) ตั้งแต่เปิดบริษัทมา ทุกคนก็เฝ้ารอคอย เอกสารบริษัทเขื่อน(มาสเตอร์ลีสต์) หุ้นส่วนทางลาวก็ผลัดวันประกันพรุ่งตลอด จนถึงเดือนปลายเดือนเมษา ก็ยังไม่มี แต่ทางลาวก็ยืนยัน100% ว่าได้แน่นอน เราก็รอ แล้วรอเล่า จนถึงเดือนพฤษภา เขาก็บอกว่าจะได้งานแล้ว แต่ตอนนี้เขาลำบากมากไม่มีเงิน ธนาคารตามยึดที่ และรถที่ขับก็จะโดนยึด ต้องการเงินไปชำระ ผมก็เอาให้อีก 130000บาท และก็เงียบเหมือนเดิม (ผมมาทราบตอนหลังว่าที่ไปสำรวจงานเขื่อนเพราะทางลาวจะไปขายน้ำมันให้เขื่อน ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเลย แต่เอาเราไปด้วยเพื่อให้เราออกค่าใช้จ่าย ในการเข้าหางาน และที่หนักไปกว่านั้นคือ เขาขาดสภาพคล่องเรื่องเงิน จึงเอางานมาอ้าง และชักชวนให้มาลงทุน)
จนถึงเดือนกรกฎาคม ก็ได้มีโอกาสรู้จัก คนลาวคนนึง แกเป็นพนักงาน(หัวหน้าคลัง)บริษัทในโรงงานที่ลาว แกแนะนำให้เข้าไปคุยกับฝ่ายจัดซื้อ บางทีอาจจะได้งาน ซึ่งจากการที่ตามงานตลอดทางโรงงานที่ลาวก็ให้โอกาสเราทำงาน เริ่มงานเดือนสิงหา งานไม่ค่อยเยอะแต่ยังดีกว่าไม่มีงาน เราก็เริ่มทำมาด้วยดี แต่หุ้นส่วนทางลาวเริ่มออกอาการครับ ไม่มาทำงาน เบิกแต่เงิน เพราะตัวเขาเองเป็นประธาน บัญชีไม่กล้าขัด พอผมทราบเรื่องก็เรียกมาคุย ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหากินใจกัน เดือนนึงแทบจะไม่เจอตัวเลย และพอหนักเข้าพูดอะไรนิดหน่อยก็บอกว่า ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับผม ไม่ต้องโทรหาผม ปิดมือถือบ้าง ไม่รับสายเอาดื้อๆ
ผมดูแล้วชักเริ่มไม่ไว้ใจ ก็พาพนักงานย้ายที่ทำงานไปอีกที่หนึ่ง พอย้ายได้ประมาณครึ่งเดือน ก็มีเรียกประชุมหุ้นส่วน และวันที่ประชุม หุ้นส่วนทางลาวก็แจ้งว่า จะเอาเมียมาถือเงิน และทำบัญชีเอง หุ้นส่วนทุกคนไม่เห็นด้วยครับ เพราะไม่เคยมีที่ไหนทำแบบนี้ ผัวเป็นประธาน เมียถือเงิน หุ้นส่วนทางลาวก็บอกว่าจะปิดบริษัท ไม่ต้องทำแล้ว(ซึ่งผมเองที่ประมาท ไม่ได้ศึกษากฏหมายจดทะเบียนบริษัท ว่ามีวรรค 2สำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ เพราะหุ้นส่วนทางลาวบอกว่าทำไม่ได้ก็เชื่อใจครับ ไม่คิดว่าเขาจะหักหลัง )
ซึ่งการวางบิลต้องใช้ตราประทับบริษัท และลายเซ็นต์ประธาน หุ้นส่วนทางลาวถือว่าเป็นต่อไปวางบิลเอง เก็บเงินเอง โดยที่เราทำอะไรไม่ได้เลย สรุปแล้วก็คือโดนหลอกให้มาลงทุนครับ ตอนที่เขาขาดเงินและต้องการใช้เงิน
ผมจึงอยากจะฝากบอกคนไทยด้วยกัน ว่าถ้าไปลงทุนที่ลาวให้ระวังด้วยครับ จะเป็นเหมือนผม
และผมเองก็ไม่อยากให้ใครซ้ำรอย