ตามล่าพญาเสือโคร่งที่ภูลมโล



ทริปนี้ก็เป็นความตั้งใจของพวกเราที่อยากจะไปและเป็นทริปสั้นๆ เดินทางออกจากกรุงเทพฯเช้า 23 มกราคม 2559 กดเปิด google maps หลงอีกตามเคย วนเวียนอยู่แถววังน้อยนั่นแหละ 555+ หลังจากได้เส้นทางที่ชัดเจนก็ไปกันต่อ มาแวะตัวนครสวรรค์เพราะจำได้ว่าร้านข้าวแกงด้านข้าง Big C อร่อย ถูก แต่พอไปถึงยังตั้งร้านไม่เสร็จ โฆษณาชวนเชื่อสองสาวไว้เยอะ แต่ก็ไม่ได้กิน ตัดสินใจเดินทางกันต่อ เจอร้านกาแฟก็แวะอีก ไม่อร่อยเราอย่าพูดถึงเขาเลยเนอะ

วิวระหว่างทางที่พอถ่ายได้บ้าง


เห็นป้ายขนมจีนเส้นสดก็ตั้งใจจะแวะกันพอเจออีกป้ายว่าเส้นสดสมุนไพร 5 อย่าง ก็แวะเลยร้านขนมจีนปิ่นเพชรเก้า หลังจากขับรถวนเวียนกันไปมาก็เจอร้านนี้เป็นร้านแรก ขนมจีนเส้นสดชุดใหญ่ราคา 150 บาท ส้มตำ 40 บาท มีอยู่แค่ 2 รสชาติคือเค็มกับหวาน ไม่โดนใจพวกเรานัก แถมผักยังเหี่ยวอีก


เป้าหมายแรกเป็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ขับรถบนเส้นทางโค้งและชันกันหลายสิบกิโลเมตร ขนาดหน้าจอ gps ยังเอ๋อเลย พวกแกขับไปไหนกัน



ถึงแล้ววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สุดท้ายก็ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ขอบคุณสองสาวที่พามา แต่คนเยอะมากๆ ถนนแคบ สูงชัน





สนใจสิ่งปลูกสร้างแล้วมาสนใจวิวทิวทัศน์กันบ้างเนอะ



จากนั้นก็ต้องย้อนกลับทางเดิมเพื่อมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตลอดทางรถเยอะมากๆ แถมทางขึ้นก็สุดโหดอีกเหมือนเคย



ถึงทางแยกเลี้ยวขวาไปทับเบิก คนเยอะ รถเยอะ มองแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องรุกที่ป่ายอมทำผิดเพื่อสร้างที่พัก เราคงไม่แวะเข้าไปในช่วงนี้เนอะ รอให้จัดการปัญหากันก่อนเนอะ ตรงไปเป็นป้อมเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ คนละ 40 บาท รถยนต์ 30 บาท จากนั้นก็ไปกันต่อจนถึงทางแยกด้านขวาไปภูลมโล ด้านซ้ายไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เราเลี้ยวซ้ายเพื่อไปหาที่นอนก่อน ไปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านพักเต็มหมดแล้ว ก็ต้องนอนเต็นท์กัน ที่นี่ให้เราสามารถเลือกกางตรงไหนก็ได้ กางกันเอาเองเลย แถมเรายังกางผิดอีก ไม่ครบสมบูรณ์เหมือนทุกครั้งที่กาง แต่ก็นอนได้


กางเสร็จก็อาบน้ำและไปกินมื้อเย็นเพราะอยากกินอะไรอุ่นๆ แต่พอกินจริงๆ ผัดกระเพราหมูกรอบ ไม่แพงแต่ไม่เหมือนกระเพราเหมือนหมูกรอบผัดปรุงรสเฉยๆ ต้มจืดก็ใช้ได้ใส่รสดีเข้มข้นมากๆ ชอบสุดก็ไข่ดาวนี่แหละ


กลับเต็นท์มานั่งปาร์ตี้ไก่ย่างกันต่อ ตบท้ายด้วยสับปะรดภูแลและสตรอว์เบอร์รี่ ก่อนแยกเข้านอน

เช้าวันที่ 24 มกราคม 2559 ตื่นกัน 4:30 น. (เรื่องเที่ยวขอให้บอกไม่นอนก็ไปไหว) ห้องน้ำที่นี่ทำใจรอไว้เลยนะ แยกชาย-หญิงก็จริงแต่พอใช้จริงก็กลายเป็นห้องน้ำรวม (เมื่อคืนตอนอาบน้ำอยู่ ผู้หญิงก็บุกเข้ามารอคิวอาบน้ำกัน เราก็ตกใจ เห้ย…เข้าห้องน้ำผิดหรอ พอออกมาเจอโถฉี่ อืม…ก็ห้องน้ำชายหนิ) สองสาวก็เล่าให้ฟังว่า ห้องน้ำผู้หญิงก็มีผู้ชายไปอาบน้ำเหมือนกัน อุณหภูมิเช้านี้ก็ใช้ได้เลยสำหรับคนไม่มีอุปกรณ์กันหนาวอย่างพวกเรา


เสร็จแล้วเราก็รีบไปหาพี่เสือ (คนพาเที่ยวภูลมโล) นัดกันไว้ 5:30 น. พอไปถึงเราได้คนพาเที่ยวอีกคน รถใหม่ นั่งสบาย คุณบอลเป็นลูกพี่เสือนั่นเอง สักพักก็ออกเดินทางจุดแรกที่จอดให้ก็เป็นจุดดูอาทิตย์ขึ้น หมอกลงจัดมากๆ คิดว่าเที่ยงก็ยังไม่เห็นอาทิตย์แน่ๆ แถมลมแรงแล้วหนาวจนสั่น


รถติดแล้วไปไหนไม่ได้สุดท้ายก็ต้องลงเดินท่ามกลางหมอกหนา ลมหนาว และรถติด


เดินไม่ไกลมากก็ถึงจุดแยกเข้าแปลงดอกพญาเสือโคร่ง คนเยอะมาก รถก็เยอะ เดินต่อไปเรื่อยๆ เจอทุ่งดอกกระดาษเล็กๆ


ลุยกันต่อ อย่ายืนนิ่งมันหนาว ทริปนี้เราต้องตามล่าดอกพญาเสือโคร่งให้เจอ และแล้วก็มาเจอจุดแรก






เดินต่อเข้าไปลึกๆ ตามที่ชาวเขาที่พาคนอื่นเที่ยวแนะนำ ต้นเตี้ยลงเรื่อยๆ ดอกเยอะขึ้นเรื่อยๆ ขอเถอะนะอย่าโน้มกิ่งเลย ถึงมันจะมีเยอะมากหักไปนิดหน่อยก็ยังสวยก็เถอะ



เดินขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีหมอกคงชมพูสวยมากแน่






ระหว่างเดินย้อนกลับมาที่รถก็เจอพวกมือบอนนั่งกระบะหลังกันมาเป็นกลุ่มใหญ่แล้วก็ดึงกิ่งต้นพญาเสือโคร่งจะโย้ตามแรงของรถที่กำลังวิ่งอยู่ เราก็พูดดังเลยว่า “ถ้าดึงขนาดนั้นทำไมไม่หักต้นไปด้วยเลยหละ” ยังมามองเราแบบงอนๆ อีก ไม่ใช่เด็ก 2 ขวบแล้วเนอะ น่าจะคิดได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ จากนั้นคุณบอลพาไปจุดที่มีป้ายภูลมโล แต่มือถือเราตายไปแล้วลืมสายชาร์จไว้ในรถ ก็ใช้ตัวช่วยที่เป็นเลนส์ถ่ายเอา เดินลงเขาไปหวังจะเห็นอะไรบ้างแต่ก็ไม่เห็นอะไรเกิน 3 เมตรเลย



วิ่งกลับขึ้นมาเพราะสองสาวไม่ลงมาด้วย เดินมาตรงระเบียงไม้ชมวิว แต่ไม่ได้ปีนขึ้นไปแย่งกับเขานะ อยู่ข้างล่างนี่แหละ



เดินต่อมาสักพักฝนตก แค่นี้ก็หนาวจะแย่แล้วอย่าแถมเยอะเลย แถมคิวถ่ายรูปกับป้ายยังเยอะยิ่งกว่าแถวซื้อกาแฟโปร 1 แถม 1 ซะอีก ถ่ายติดใครมาบ้างก็ไม่รู้ฝนตกรีบ


วิ่งตากฝนรีบกลับขึ้นรถ บอกคุณบอลกลับเลย ขากลับรถก็ติดหนักกว่าขาขึ้นอีก แถมยังมีพวกมักง่ายทะเบียนกรุงเทพฯทั้งนั้นวิ่งสวนเลนทำให้รถขาขึ้นไปไม่ได้อีก ทีนี้ก็เลยคิดนานกันเลย

พอลงมาถึงด้านล่างสองสาวอยากช้อปปิ้ง ได้ผักและผลไม้กันมาเต็มไม้เต็มมือ ราคาถูกมากด้วย พอคุณบอลมาส่งก็รีบฟื้นฟูชีวิตให้มือถือด่วน ก่อนจะถ่ายรูปกับป้ายทั้งหลาย




ขับรถกลับไปเก็บเต็นท์ ตอนรื้อรวดเร็วมากแต่ไม่สามารถเก็บเต็นท์ใส่กระเป๋าได้แบบเดิม ตอนคืนของก็สารภาพผิดกับพี่เจ้าหน้าที่  จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ระหว่างทางก็แวะซื้อมะขาม พวกเราแวะกินข้าวกันที่น้ำตกแก่งซอง รสชาติก็ใช้ได้ พออิ่มสองสาวก็ทำเวลาเพราะเราต้องไปประจวบคีรีขันธ์ต่อ ทริปนี้เที่ยวได้น้อยมากๆ ขอโทษสองสาวด้วยนะที่ทำให้หมดสนุกแถมต้องรีบเร่งทุกอย่าง และก็ต้องขอบคุณที่พามาเที่ยว

ความสนุกของทริปนี้อีกอย่างก็คือการไล่เก็บตราประทับของอุทยานแห่งชาติ ตอนนี้มีครบทั้ง 3 คนแล้ว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่