หิวๆ เซาะหาร้านส้มตำลาวแซบๆซักครก จะเอาไปกินบนโรงแรม นี่เลยเจ้จัดให้

ผม : เจ้ครับ ปูปลาร้าแซบๆ บ่ใส่แป้งนัว 1 ถุง
เจ้ : บ่ใส่มันคือสิแซบบ่? ใส่หน่อยแม่ะ
ผม : ได้ครับๆ นิดเดียวนะ

เจ้ : รีบตัดถุงผงชูรสตราชฎา เทใส่กระปุก แล้วจกอย่างไม่รีรอ

(คือครึ่งทัพพีตักข้าวอ่ะ)
>>> ป๊าดดดดดดด งานนี้กูได้ทิ้งแน่นอน 555(ได้แต่คิดในใจ ฝืนกลืนลงไป ตบไตคงไม่เหลือดี)

หายหิวส้มตำเลยอ่ะ หาเฝอร้อนๆกินก่อนดีกว่า ส้มตำค่อยไปชิมดูบนห้องละกัน 555
"เฝอไซง่อน" ร้านอยู่ติดกับกับโรงแรมเลย

เวลา 2 ทุ่ม ผมก็ไปคืนมอไซค์ที่ร้าน Miss noi เพราะพรุ่งนี้ผมต้องกลับไปอุบลตั้งแต่เช้า กลัวมิสหน่อยปิดร้านอีก 555

กลับถึงห้อง ลองเทส้มตำดู แตะๆลิ้น จบ!! คือผมยอมรับว่าไม่ชินกับรสชาติผงชูรสที่เยอะขนาดนี้ ฮ่าๆๆ (ส่วนเครื่องดื่มต่างๆผมซื้อกลับไปไว้สะสมครับ)
29/09/58
V
v
ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว เชคเอาท์ 7 โมง

นั่งกินเฝอลานคำร้อนๆ ก่อนไปขึ้นรถกลับอุบล

กวักรถสามล้อไปส่งที่จุดรอรถโดยสารหลัก 3 ถึงเวลาประมาณ 07.30 น. (ไม่ต้องไปถึงหลัก8นะครับ เพราะมันไกล) หลัก ก็คือ หลักกิโลเมตรที่...

และพนักงานก็มานั่งขายตั๋วพอดีเลย ค่าตั๋ว 200 บาทครับ

นั่งรถซักแปป ก็แปดโมง อ้าว!! เพลงชาติไทยมาแล้ว ตาหมอนี่สองคนทำไมไม่ลุกขึ้น(ลืมไปเค้าเป็นคนลาว บ่แม่นคนไทย)555

รถมาแล้ววววววว....

เบาะอาจจะดูใหม่อยู่นะ แต่อย่าได้เคาะเชียว ฝุ่นอุดจมูกตายได้เลยแหละ

บักน้อยนี่งอแงตลอดทางเลย ><

ถึงด่านวังเต่า ประมาณ 09.00 น. เดินลงไปประทับตราพาสปอร์ต เขียนใบขออนุญาติเข้าออกประเทศ โดนเรียกเก็บอีก 100 บาท (อะไรวะ จะเข้าก็จ่าย จะออกก็จ่าย ลาวนี่เขียม จริมๆ ปล.ขอบอกว่าห้ามถ่ายรูปบริเวณนี้เด็ดขาด เผลอๆอาจจะมีตำรวจลาวมาขอดูรูปในกล้อง ว่าเราถ่ายอะไรมาบ้าง ถ้าเจอสิ่งที่เค้าห้ามถ่ายปรากฏอยู่ในกล้อง คุณอาจติดคุกลาวได้ แต่ถ้าคุณเผลอถ่ายมาก็ควรจะเปลี่ยนเมมโมรี่ซะ หรือไม่ก็ยัดกล้องลงกระเป๋าดีๆ เสียงเล่าอันลือเลื่องว่าตำรวจลาวสุดติ่งจริงๆนะครับ เพราะผมโดนตรวจกล้องมาแล้ว 5555
V
v
ที่นี่ ช่องเม็ก ประเทศไทย

รถจอดรอผู้โดยสารลงไปสแกนกระเป๋าก่อนเข้าประเทศ

ถึงบขส.อุบล เวลา 11.30 น. จัดลูกชิ้นนึ่งแม่สาวน้อยไป 3 ไม้

ยังพอมีเวลาเหลือได้เที่ยวอยู่อีกครึ่งวัน เพราะขึ้นเครื่องตั้ง 19.25 น. ผมเลยตัดสินใจจะไปวัดภูพร้าว อ.สิรินธร ซึ่งต้องนั่งรถตู้คันที่ไปช่องเม็ก(วัดอยู่ตรงที่ผ่านมาเมื่อกี้) ผมเดินไปถามวินรถตู้ผู้หญิงว่ารถออกกี่โมง นางบอกว่าออกเที่ยง!! พอดีผมจะไปส่งไปรษณีย์เครื่องดื่มที่แบกมาจากลาวก่อน จะกลับมาขึ้นรถทันมั้ยครับ? นางบอกว่าเอางี้ เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่ไปแวะรับน้องที่ไปรษณีย์ น้องรีบนั่งวินมอไซค์ไปส่งไปรษณีย์เลย

จากนั้นก็กวักมือลุงวินเบอร์ 11 ให้ไปส่งที่ไปรษณีย์ครับ

โห!! ตุดยอดมากครับ พี่แกมาจอดรอที่ไปรษณีย์จริงๆ ขอบคุณมากครับ^^

ผมนี่นั่งหน้าเลยครัช

ผู้โดยสารก็เกือบเต็มรถนะครับ พี่แกถามเราว่ามาจากไหน มาเที่ยวเบาะ? มาคนเดียวติ? ขับไปก็ชวนคุยไป ผู้โดยสารในรถก็ชวนคุยไปด้วย คุยเหมือนคนเคยรู้จักกันมาเป็นสิบๆปี(คนอุบลใจดีจุง) ถึงที่ไหนๆ ที่นี่คืออะไรๆๆ นางก็พอจะเป็นไกด์ให้ผมได้ดีเลยทีเดียวเชียว
>> บ้านทรายมูล หมู่บ้านแห่งการผลิตฆ้อง กลอง เครื่องดนตรีไทยต่างๆ อันเลื่องชื่อเลยล่ะครับ เสียงแว่วๆจากลุงข้างหลัง.... นี่แหละรู้มั้ยไอ้หนู ที่นี่แหละบ้านเกิดเณรคำ อยู่วัดแถวนี้แหละ (ฮากันทั้งรถ 5555)

และนี่คือสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว อ.โขงเจียม

ผู้โดยสารก็ลงระหว่างทางเรื่อยๆ จนเหลือ 2 คน คือผมและพี่ผู้หญิงอีกคนนึงจะไปลงที่ช่องเม็ก

และนี่คือทางเข้าวัดภูพร้าว อยู่ซ้ายมือก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 8 กิโลเมตร จากปากทางถนนใหญ่เข้าไปประมาณ2กิโลเมตรกว่าจะถึงตัววัด จริงๆแล้วผมต้องลงตรงนี้แล้วเดินเข้าไปเอง เพราะพี่รถตู้ต้องรีบไปส่งผู้โดยสารอีกคนที่ช่องเม็ก แต่พี่รถตู้ใจดีมากที่สุด ขับเข้าไปส่งในวัดเลยครับ ตุดยอดมากกกก^^

พี่แกบอกว่า สงสัยน้องเป็นอารมณ์ดีมั้ง พี่คุยด้วยแล้วสนุกดี ตอนพี่ไปจอดรอเราที่ไปรษณ์ พี่ก็บอกผู้โดยสารคนอื่นว่าจอดรอหลานส่งของที่ไปรษณีย์แปปนึง
>>จากนั้นพี่แกก็หันไปถามผู้โดยสารอีกคนนึงว่า รีบมั้ย? ลงเที่ยวเดินเล่นกับน้องเค้าก่อยมั้ย? ผู้โดยสารบอกว่าได้ๆ อยากเที่ยวพอดีเลย หนูไม่เคยมา


***เรามาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง? จุดที่วินรถตู้พาเที่ยว (ดีใจมากครับ เหมือนพรหมลิขิตเล็กๆ)

14.00 น. เดินเที่ยววัดภูพร้าวกัน 3 คนครับ ถามชื่อแส้กันเรียบร้อย พี่คนขับรถตู้ชื่อพี่มล ส่วนผู้โดยสารอีกคนชื่อพี่มุก(เป็นชาวลาว)

วัดภูพร้าวงดงามอร่ามรุ่งเรืองจริมๆครับ

พี่มลถามว่า น้องกลับกรุงเทพกี่โมง ผมบอกว่าบิน 1 ทุ่ม พี่มลเลยชวนกลับไปช่องเม็ก เพราะ ณ เวลานี้ บ่าย 2 โมงครึ่งแล้ว จะได้ทันรถรอบ บ่าย 3 โมง ใช้เวลาเดินทาง ช่องเม็ก-อุบล 2 ชั่วโมง ไปถึงก็ 5 โมงเย็นพอดีๆ จะได้มีเวลาเหลือนิดหน่อย

กลับมาช่องเม็กอีกครั้ง พร้อมซื้อตั๋วไปอุบล ระหว่างนั่งรอรถออก ผมซื้อไอติมกินเอง 1 แท่ง ให้พี่มลอีก 1 แท่ง ส่วนพี่มุกก็กลับเข้าประเทศลาวไป

บ่าย 3 โมงตรง รอออกพอดีครับ นั่งหน้าคือเก่า ชมวิวไปยาวๆๆๆ

ผ่านพิบูลมังสาหาร พี่คนขับรถตู้ถามว่า มาเที่ยวเบาะ? มาคนเดียวเบาะ? เคยชิมซาลาเปาที่นี่หรือยัง บ่ฮู้เด้ สิได้จอดให้ซื้อไปลองชิมดู อร่อยนะ(คือพี่ถามผมตอนผ่านร้านซาลาเปามาหมดแล้ว จะเกิดประโยชน์อะไร 555)

ถึงบขส.อุบล 5 โมงเย็นตามคาดไว้ไม่มีผิด วินมอไซค์วิ่งกรูเข้ามาถามหลายคนมาก น้องไปไสๆๆๆๆ วินมอไซค์เบาะ??? ผมถามราคา แล้วตกลงให้ไปส่งที่เซนทรัลอุบล(โดยไม่ได้สนใจว่าวินคนไหน หน้าตายังไง) ระหว่างทางคุยไปคุยมา เอ๊ะ!!คุณลุงคนนี้เสียงคุ้นๆ อ้าววว...นี่ลุงคนที่ไปส่งผมที่ไปรษณีย์ใช่มั้ยคับ อ้อๆๆน้องคนที่ให้ไปส่งไปรษณีย์แม่นเบาะ? ใช่ครับๆ คุยกันไปยาวๆจนถึงเซนทรัลเลย







>> นี่ไงคุณลุงเบอร์ 11

เวลายังพอเหลือ ผมรีบไปตามหาผัดไทยเชฟฮวย และส้มตำจินดา และมื้อนี้จัดเป็นอาหารเย็นไปในตัว

>> นี่เลยผัดไทยเชฟฮวยจริงๆด้วย ไม่รีรอรีบสั่ง 1 จาน พร้อมบอกพนักงานว่า ไปเจอเชฟฮวยที่ลาวมา แกบอกให้มาทาน เจ้แกบอกว่าใส่พิเศษให้เลยคับ(ซึ่งเชฟฮวยไม่ได้กล่าวไว้) 55555

พนักงานจัดให้เยอะมากกกกก(ผมขอโทษที่หลอกพี่) 5555

และนี่อีกร้านนึงก็คือส้มตำจินดา เห้ยยย!! ใช่จริงๆด้วย ปู-ไทย 1 ครกครับ ^^

สีสันน่ากินฝุดๆ แซบหลายยยย

6 โมงเย็น นั่งแท็กซี่ไปสนามบิน จริงๆก็ไม่ได้รีบอะไรมากหรอกครับ เพราะผมเชคอินพร้อมปริ้นตั๋วไว้ตั้งแต่ขามาแล้ว
ถึงสนามบิน 6 โมงกว่าๆ เข้าไปนั่งรถในอาคารผู้โดยสาร ปรากฏว่าเครื่องดีเลย์ไปอีกครึ่งชั่วโมง ชีวิตดี๊ดีย์ เจอกันทริปต่อไปครับ บายยยย
## จบแล้วครับ ขอบคุณทุกๆมิตรภาพระหว่างการเดินทาง ผมอยากทำให้ทุกคนได้รู้ว่า การอยู่คนเดียวหรือเที่ยวคนเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลก!! ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราจะเปิดใจและกำหนดมันขึ้นมา ทุกมิตรภาพพร้อมที่จะเกิดขึ้นได้รอบๆตัวเราจริงๆ อย่ามัวแต่เศร้า... ชีวิตของคุณรีบใช้ รีบทำอะไรที่อยากจะทำ อย่าปล่อยให้คำว่า "มันสายเกินไป" เกิดขึ้นกับตัวเราได้บ่อยๆ
>>ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาชมรีวิว แล้วเจอกันทริปต่อไปครับ


[CR] เฟี้ยวฟ้าวปากเซ แบกเป้ไปคนเดียว [5]
ผม : เจ้ครับ ปูปลาร้าแซบๆ บ่ใส่แป้งนัว 1 ถุง
เจ้ : บ่ใส่มันคือสิแซบบ่? ใส่หน่อยแม่ะ
ผม : ได้ครับๆ นิดเดียวนะ
เจ้ : รีบตัดถุงผงชูรสตราชฎา เทใส่กระปุก แล้วจกอย่างไม่รีรอ
(คือครึ่งทัพพีตักข้าวอ่ะ)
>>> ป๊าดดดดดดด งานนี้กูได้ทิ้งแน่นอน 555(ได้แต่คิดในใจ ฝืนกลืนลงไป ตบไตคงไม่เหลือดี)
หายหิวส้มตำเลยอ่ะ หาเฝอร้อนๆกินก่อนดีกว่า ส้มตำค่อยไปชิมดูบนห้องละกัน 555
"เฝอไซง่อน" ร้านอยู่ติดกับกับโรงแรมเลย
เวลา 2 ทุ่ม ผมก็ไปคืนมอไซค์ที่ร้าน Miss noi เพราะพรุ่งนี้ผมต้องกลับไปอุบลตั้งแต่เช้า กลัวมิสหน่อยปิดร้านอีก 555
กลับถึงห้อง ลองเทส้มตำดู แตะๆลิ้น จบ!! คือผมยอมรับว่าไม่ชินกับรสชาติผงชูรสที่เยอะขนาดนี้ ฮ่าๆๆ (ส่วนเครื่องดื่มต่างๆผมซื้อกลับไปไว้สะสมครับ)
29/09/58
V
v
ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว เชคเอาท์ 7 โมง
นั่งกินเฝอลานคำร้อนๆ ก่อนไปขึ้นรถกลับอุบล
กวักรถสามล้อไปส่งที่จุดรอรถโดยสารหลัก 3 ถึงเวลาประมาณ 07.30 น. (ไม่ต้องไปถึงหลัก8นะครับ เพราะมันไกล) หลัก ก็คือ หลักกิโลเมตรที่...
และพนักงานก็มานั่งขายตั๋วพอดีเลย ค่าตั๋ว 200 บาทครับ
นั่งรถซักแปป ก็แปดโมง อ้าว!! เพลงชาติไทยมาแล้ว ตาหมอนี่สองคนทำไมไม่ลุกขึ้น(ลืมไปเค้าเป็นคนลาว บ่แม่นคนไทย)555
รถมาแล้ววววววว....
เบาะอาจจะดูใหม่อยู่นะ แต่อย่าได้เคาะเชียว ฝุ่นอุดจมูกตายได้เลยแหละ
บักน้อยนี่งอแงตลอดทางเลย ><
ถึงด่านวังเต่า ประมาณ 09.00 น. เดินลงไปประทับตราพาสปอร์ต เขียนใบขออนุญาติเข้าออกประเทศ โดนเรียกเก็บอีก 100 บาท (อะไรวะ จะเข้าก็จ่าย จะออกก็จ่าย ลาวนี่เขียม จริมๆ ปล.ขอบอกว่าห้ามถ่ายรูปบริเวณนี้เด็ดขาด เผลอๆอาจจะมีตำรวจลาวมาขอดูรูปในกล้อง ว่าเราถ่ายอะไรมาบ้าง ถ้าเจอสิ่งที่เค้าห้ามถ่ายปรากฏอยู่ในกล้อง คุณอาจติดคุกลาวได้ แต่ถ้าคุณเผลอถ่ายมาก็ควรจะเปลี่ยนเมมโมรี่ซะ หรือไม่ก็ยัดกล้องลงกระเป๋าดีๆ เสียงเล่าอันลือเลื่องว่าตำรวจลาวสุดติ่งจริงๆนะครับ เพราะผมโดนตรวจกล้องมาแล้ว 5555
V
v
ที่นี่ ช่องเม็ก ประเทศไทย
รถจอดรอผู้โดยสารลงไปสแกนกระเป๋าก่อนเข้าประเทศ
ถึงบขส.อุบล เวลา 11.30 น. จัดลูกชิ้นนึ่งแม่สาวน้อยไป 3 ไม้
ยังพอมีเวลาเหลือได้เที่ยวอยู่อีกครึ่งวัน เพราะขึ้นเครื่องตั้ง 19.25 น. ผมเลยตัดสินใจจะไปวัดภูพร้าว อ.สิรินธร ซึ่งต้องนั่งรถตู้คันที่ไปช่องเม็ก(วัดอยู่ตรงที่ผ่านมาเมื่อกี้) ผมเดินไปถามวินรถตู้ผู้หญิงว่ารถออกกี่โมง นางบอกว่าออกเที่ยง!! พอดีผมจะไปส่งไปรษณีย์เครื่องดื่มที่แบกมาจากลาวก่อน จะกลับมาขึ้นรถทันมั้ยครับ? นางบอกว่าเอางี้ เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่ไปแวะรับน้องที่ไปรษณีย์ น้องรีบนั่งวินมอไซค์ไปส่งไปรษณีย์เลย
จากนั้นก็กวักมือลุงวินเบอร์ 11 ให้ไปส่งที่ไปรษณีย์ครับ
โห!! ตุดยอดมากครับ พี่แกมาจอดรอที่ไปรษณีย์จริงๆ ขอบคุณมากครับ^^
ผมนี่นั่งหน้าเลยครัช
ผู้โดยสารก็เกือบเต็มรถนะครับ พี่แกถามเราว่ามาจากไหน มาเที่ยวเบาะ? มาคนเดียวติ? ขับไปก็ชวนคุยไป ผู้โดยสารในรถก็ชวนคุยไปด้วย คุยเหมือนคนเคยรู้จักกันมาเป็นสิบๆปี(คนอุบลใจดีจุง) ถึงที่ไหนๆ ที่นี่คืออะไรๆๆ นางก็พอจะเป็นไกด์ให้ผมได้ดีเลยทีเดียวเชียว
>> บ้านทรายมูล หมู่บ้านแห่งการผลิตฆ้อง กลอง เครื่องดนตรีไทยต่างๆ อันเลื่องชื่อเลยล่ะครับ เสียงแว่วๆจากลุงข้างหลัง.... นี่แหละรู้มั้ยไอ้หนู ที่นี่แหละบ้านเกิดเณรคำ อยู่วัดแถวนี้แหละ (ฮากันทั้งรถ 5555)
และนี่คือสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว อ.โขงเจียม
ผู้โดยสารก็ลงระหว่างทางเรื่อยๆ จนเหลือ 2 คน คือผมและพี่ผู้หญิงอีกคนนึงจะไปลงที่ช่องเม็ก
และนี่คือทางเข้าวัดภูพร้าว อยู่ซ้ายมือก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 8 กิโลเมตร จากปากทางถนนใหญ่เข้าไปประมาณ2กิโลเมตรกว่าจะถึงตัววัด จริงๆแล้วผมต้องลงตรงนี้แล้วเดินเข้าไปเอง เพราะพี่รถตู้ต้องรีบไปส่งผู้โดยสารอีกคนที่ช่องเม็ก แต่พี่รถตู้ใจดีมากที่สุด ขับเข้าไปส่งในวัดเลยครับ ตุดยอดมากกกก^^
พี่แกบอกว่า สงสัยน้องเป็นอารมณ์ดีมั้ง พี่คุยด้วยแล้วสนุกดี ตอนพี่ไปจอดรอเราที่ไปรษณ์ พี่ก็บอกผู้โดยสารคนอื่นว่าจอดรอหลานส่งของที่ไปรษณีย์แปปนึง
>>จากนั้นพี่แกก็หันไปถามผู้โดยสารอีกคนนึงว่า รีบมั้ย? ลงเที่ยวเดินเล่นกับน้องเค้าก่อยมั้ย? ผู้โดยสารบอกว่าได้ๆ อยากเที่ยวพอดีเลย หนูไม่เคยมา
***เรามาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง? จุดที่วินรถตู้พาเที่ยว (ดีใจมากครับ เหมือนพรหมลิขิตเล็กๆ)
14.00 น. เดินเที่ยววัดภูพร้าวกัน 3 คนครับ ถามชื่อแส้กันเรียบร้อย พี่คนขับรถตู้ชื่อพี่มล ส่วนผู้โดยสารอีกคนชื่อพี่มุก(เป็นชาวลาว)
วัดภูพร้าวงดงามอร่ามรุ่งเรืองจริมๆครับ
พี่มลถามว่า น้องกลับกรุงเทพกี่โมง ผมบอกว่าบิน 1 ทุ่ม พี่มลเลยชวนกลับไปช่องเม็ก เพราะ ณ เวลานี้ บ่าย 2 โมงครึ่งแล้ว จะได้ทันรถรอบ บ่าย 3 โมง ใช้เวลาเดินทาง ช่องเม็ก-อุบล 2 ชั่วโมง ไปถึงก็ 5 โมงเย็นพอดีๆ จะได้มีเวลาเหลือนิดหน่อย
กลับมาช่องเม็กอีกครั้ง พร้อมซื้อตั๋วไปอุบล ระหว่างนั่งรอรถออก ผมซื้อไอติมกินเอง 1 แท่ง ให้พี่มลอีก 1 แท่ง ส่วนพี่มุกก็กลับเข้าประเทศลาวไป
บ่าย 3 โมงตรง รอออกพอดีครับ นั่งหน้าคือเก่า ชมวิวไปยาวๆๆๆ
ผ่านพิบูลมังสาหาร พี่คนขับรถตู้ถามว่า มาเที่ยวเบาะ? มาคนเดียวเบาะ? เคยชิมซาลาเปาที่นี่หรือยัง บ่ฮู้เด้ สิได้จอดให้ซื้อไปลองชิมดู อร่อยนะ(คือพี่ถามผมตอนผ่านร้านซาลาเปามาหมดแล้ว จะเกิดประโยชน์อะไร 555)
ถึงบขส.อุบล 5 โมงเย็นตามคาดไว้ไม่มีผิด วินมอไซค์วิ่งกรูเข้ามาถามหลายคนมาก น้องไปไสๆๆๆๆ วินมอไซค์เบาะ??? ผมถามราคา แล้วตกลงให้ไปส่งที่เซนทรัลอุบล(โดยไม่ได้สนใจว่าวินคนไหน หน้าตายังไง) ระหว่างทางคุยไปคุยมา เอ๊ะ!!คุณลุงคนนี้เสียงคุ้นๆ อ้าววว...นี่ลุงคนที่ไปส่งผมที่ไปรษณีย์ใช่มั้ยคับ อ้อๆๆน้องคนที่ให้ไปส่งไปรษณีย์แม่นเบาะ? ใช่ครับๆ คุยกันไปยาวๆจนถึงเซนทรัลเลย
>> นี่ไงคุณลุงเบอร์ 11
เวลายังพอเหลือ ผมรีบไปตามหาผัดไทยเชฟฮวย และส้มตำจินดา และมื้อนี้จัดเป็นอาหารเย็นไปในตัว
>> นี่เลยผัดไทยเชฟฮวยจริงๆด้วย ไม่รีรอรีบสั่ง 1 จาน พร้อมบอกพนักงานว่า ไปเจอเชฟฮวยที่ลาวมา แกบอกให้มาทาน เจ้แกบอกว่าใส่พิเศษให้เลยคับ(ซึ่งเชฟฮวยไม่ได้กล่าวไว้) 55555
พนักงานจัดให้เยอะมากกกกก(ผมขอโทษที่หลอกพี่) 5555
และนี่อีกร้านนึงก็คือส้มตำจินดา เห้ยยย!! ใช่จริงๆด้วย ปู-ไทย 1 ครกครับ ^^
สีสันน่ากินฝุดๆ แซบหลายยยย
6 โมงเย็น นั่งแท็กซี่ไปสนามบิน จริงๆก็ไม่ได้รีบอะไรมากหรอกครับ เพราะผมเชคอินพร้อมปริ้นตั๋วไว้ตั้งแต่ขามาแล้ว
ถึงสนามบิน 6 โมงกว่าๆ เข้าไปนั่งรถในอาคารผู้โดยสาร ปรากฏว่าเครื่องดีเลย์ไปอีกครึ่งชั่วโมง ชีวิตดี๊ดีย์ เจอกันทริปต่อไปครับ บายยยย
## จบแล้วครับ ขอบคุณทุกๆมิตรภาพระหว่างการเดินทาง ผมอยากทำให้ทุกคนได้รู้ว่า การอยู่คนเดียวหรือเที่ยวคนเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลก!! ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราจะเปิดใจและกำหนดมันขึ้นมา ทุกมิตรภาพพร้อมที่จะเกิดขึ้นได้รอบๆตัวเราจริงๆ อย่ามัวแต่เศร้า... ชีวิตของคุณรีบใช้ รีบทำอะไรที่อยากจะทำ อย่าปล่อยให้คำว่า "มันสายเกินไป" เกิดขึ้นกับตัวเราได้บ่อยๆ
>>ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาชมรีวิว แล้วเจอกันทริปต่อไปครับ