8 อาการ เบรคมีปัญหา ที่คุณต้องรู้ ก่อนจะเสียใจ

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่า ผมกำลังเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้รถยนต์เพื่อทำโปรเจคจบ ป.โท ครับ
เลยอยากจะรบกวนให้ช่วยทำแบบสอบถามตามลิงค์นี้กันหน่อย
https://strath.eu.qualtrics.com/SE/?SID=SV_0ikdUBFHETYCJLv
ขอบคุณครับ

สุดท้าย ผมมีบทความดีๆมาฝาก เพื่อให้ทุกท่านใช้รถยนต์กันอย่างปลอดภัยครับ



8 อาการ เบรคมีปัญหา ที่คุณต้องรู้ ก่อนจะเสียใจ

มีคำพูดอยู่หนึ่งคำที่มักพบอยู่บ่อยๆก็คือ เบรค คือ ชีวิต หากไม่มีเบรค ก็อาจเสียชีวิต วันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่า หลากหลายอาการที่บ่งบอกว่า เบรคมีปัญหา มีอะไรบ้าง

1. เบรคดัง หากเหยียบเบรครถแล้วมีเสียงดังอี๊ดๆ แสดงว่าเบรคของคุณมีปัญหาแล้ว ให้ลองสังเกตดูหน่อยครับว่า เสียงมันดังมาจากตรงไหน ดังทุกล้อ ดังล้อเดียว ดังคู่หน้า ดังคู่หลัง ถ้าหากพบว่าดังเป็นคู่ คือ ผ้าเบรคหรือจานเบรคหมดครับ อีกกรณีหากดังเป็นจุดๆเดียว นั่นเกิดจากผ้าเบรคที่ อาจมีเศษหินหรือสิ่งสกปรกเข้าไปติด แนะนำให้นำรถเข้าตรวจซ่อม และทำความสะอาดผ้าเบรคหรือเปลี่ยนผ้าเบรคที่ได้มาตรฐานครับ
- แก้ไขโดยการทำความสะอาดผ้าเบรคหรือเปลี่ยนผ้าเบรค

2. เบรคสั่น หากเหยียบเบรคแล้ว รู้สึกว่าแป้นเบรคมีอาการสั่นๆ หรือหนักกว่านั้น คือสั่นไปถึงพวงมาลัย และอาจสั่นไปทางคันเลยก็ได้ ตีความไปได้เลยครับว่า จานเบรคมีปัญหาซะแล้ว โดยอาจจะเกิดการบิดตัว จากการใช้งานหนักเกินไป เช่น เหยียบเบรคอย่างรุนแรง , จานเบรคมีความร้อนสูงแล้วลุยน้ำทันที เป็นต้น กรณีนี้ขอแนะนำให้ นำรถไปตรวจเช็คจานเบรค หากมีปัญหาก็ใช้วิธีการเจียครับ
- เบรคสั่นแก้โดยการเจียจานเบรคหรือเปลี่ยนใหม่

3. เบรคทื่อ หากเหยียบเบรคแล้ว รู้สึกว่ามันแข็ง ต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ แสดงว่า หม้อลมเบรคในรถ มีอาการรั่วซึมจากชุดผ้าใบภายในหรือวาล์ว PVC หรือ Combo Vale เสีย ทำให้แรงสุญญากาศของหม้อลมน้อย สำหรับรถเครื่องยนต์ดีเซล อาจเป็นที่ปั๊มสุญญากาศที่บริเวณตูดไดชาร์จเสียรวมทั้งสายลมรั่ว เป็นต้น อาการนี้ควรรีบแก้ไขโดยด่วนนะครับ เพราะเป็นที่มาของการเบรคไม่อยู่เลยทีเดียว
- เบรคทื่อหรือแข็ง ตรวจสอบหม้อลมเบรค

4. เบรคจม หากเหยียบเบรคแล้วรู้สึกว่ามันลึกกว่าปกติ หากเหยียบค้างไว้มันจะค่อยๆจมลงๆ ต้องเบรคซ้ำๆถึงจะอยู่ ฟันธงเลยครับ ลูกยางแม่ปั๊มเบรคตัวบนสึกหรอ หรือบวม ทำให้แรงดันเบรคลดลง ควรรีบซ่อมแซมนะครับ เพราะปล่อยไว้นานๆ อาการดังกล่าวจะกลายพันธุ์เป็นเบรคแตกนั่นเอง
- เบรคจมแก้โดยเปลี่ยนชุดลูกยางแม่ปั้มเบรคหรือแม่ปั๊มเบรคใหม่

5. เบรคแตก หากเหยียบเบรคแล้วไม่เกิดปฏิกริยาใดๆขึ้นเลย แป้นเบรคลงไปติดพื้นอย่างง่ายดาย รถก็ไม่จอด แน่นอนครับว่า เบรคของคุณแตกซะแล้ว ซึ่งมีสาเหตุมากมายที่ทำให้เบรคแตกดังต่อไปนี้ การรั่วของน้ำมันเบรค , ท่อทางเดินระบบเบรคแตก , น้ำมันเบรครั่วซึมมาเป็นเวลานาน , ลูกยางแม่ปั๊มเบรคชำรุด , ตัวแม่ปั๊มเบรคเสียหายจนน้ำมันเบรครั่วไหลออกจนหมด , ชิ้นส่วนของระบบเบรคหลุดหลวม หรือเกิดจากสายอ่อนเบรคแตก กรณีต้องหาวิธีหยุดรถให้ได้ แนะนำให้ใช้การลดเกียร์ไปเรื่อยๆ รวมไปถึงดึงเบรคมือ (หากเบรคมือเป็นระบบไฟฟ้าห้ามใช้)
- หากเบรคแตก ต้องหยุดรถให้ได้เป็นอันดับแรก แล้วเข้าตรวจเช็คระบบเบรค

6. เบรคติด หากยกเท้าออกจากแป้นเบรคแล้ว แต่รู้สึกว่าเบรคยังคงทำงานอยู่ สังเกตดูครับว่า เบรคร้อนมากจนมีกลิ่นไหม้ออกมารึเปล่า ง่ายกว่านั้น จอดรถแล้วใส่เกียร์ว่างดูเลยครับว่าเข็นแล้วฝืดไหม หากมีอาการดังกล่าวมาก็แสดงว่า ลูกยางกันฝุ่นของแม่ปั๊มเบรคอาจจะฉีกขาด ทำให้มีน้ำซึมเข้าไปในกระบอกเบรคจนก่อให้เกิดสนิม ลูกสูบเบรคจึงไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้า-ออกได้ อีกกรณีคือ ซีลยางบวมผิดรูป ทำให้ลูกสูบที่คาลิปเปอร์เบรคไม่เลื่อนกลับ ส่งผลให้เบรคติดนั่นเอง ควรรีบแก้ไขโดยการเปลี่ยนชุดซ่อมแม่ปั้มเบรคล่าง โดยการถอดมาขัดสนิมออก แต่หากพบว่ามีสนิมมากจนเกิดตามด ควรเปลี่ยนลูกสูบเบรค หรือแม่ปั้มทั้งชุด ไปเลย
- สนิม คือ ตัวการของเบรคติด

7. เบรคปัด หากเหยียบเบรคแล้วรถเกิดเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง นั่นอาจเกิดจากคราบน้ำมันหรือสารหล่อลื่นของชุดช่วงล่างกระเด็นมาโดนจานเบรค ทำให้ผิวลื่นมัน ความฝืดลดลง หรือเกิดจากประสิทธิภาพการสึกหรอของชุดคาลิปเปอร์เบรคที่มีแรงกดในแต่ละฝั่งแตกต่างกัน เมื่อความฝืดไม่สมดุลกัน อาการเบรคปัดจึงถามหานั่นเอง ฝากไว้นิดครับ กรณีนี้ ให้สังเกตว่าเบรคแล้วปัดทางไหน หากปัดซ้าย ต้องซ่อมระบบเบรคด้านขวา หากเบรคแล้วปัดขวา ก็ต้องซ่อมซ้ายนั่นเองครับ
- เมื่อเกิดอาการเบรคปัด จับพวงมาลัยให้แน่นๆ แล้วรีบตรวจเช็คทันที

8. เบรคเฟด หากเหยียบเบรคแล้วมีอาการแป้นเบรคลื่น เบรคไม่อยู่ในขณะที่ใช้ความเร็วสูง หรือในเส้นทางขึ้นลงเขา อาจทำให้เราใช้เบรคต่อเนื่องมากเกินไป หรือในช่วงที่ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ พอแตะเบรคครั้งแรกก็ปกติ แต่พอแตะเบรคอีกหลายๆครั้ง กลับเกิดอาการลื่น เบรคไม่ตอบสนองซึ่งอันตรายมาก สาเหตุเกิดจากความร้อนของจานเบรคกับผ้าเบรดที่สูงเกินไป มาจากการใช้งานหนักเกินไป หากเคยมีอาการก็ควรปรับใช้ผ้าเบรคที่คุณภาพสูงขึ้นและน้ำมันเบรคที่มีค่า DOT สูงขึ้นกว่าเดิม
- เปลี่ยนผ้าเบรคที่มีการรับอุณหภูมิสูงขึ้น และถ่ายน้ำมันเบรคที่นับอุณหภูมิสูงขึ้น

ที่มาของบทความ: https://www.facebook.com/Brake.Cluth/?fref=ts

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่