สวัสดีค่ะเพื่อนๆเพิ่งจะมีเวลามารีวิวทริป เที่ยวน่านและ ดอยเสมอดาวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ใช้เวลา 2วัน 1คืน
หาาา อะไรนะ 2วัน 1คืน ถูกค่ะ คือช่วงนี้บ้าถ่ายรูปมาก เลยพยายามหาที่เที่ยวเพื่อไปเก็บภาพบรรยากาศนั่นเอง
แล้วทำไมต้องน่านล่ะ อยู่ก็ตั้งไกลใช้เวลาเดินทางก็นาน คือต้องบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่พอดีได้คุยกับ ผช คนนึง
เขาไปเที่ยวพอดี แต่ล่วงหน้าไปก่อน เราก็เลยอาสาตามไปด้วย อย่างน้อยก็มีเพื่อนเที่ยวเนาะ โอเคไปเริ่มกันเลยดีกว่า
การเดินทาง ขาไปเรานั่งรถทัวของ นครชัยแอร์ไป คือเราทำงานที่ระยอง เลิกงานก็นั่งรถบริษัทมาที่อ่าวอุดมศรีราชา
และขึ้นรถที่นครชัยแอร์ที่นั่นเลย ส่วนขากลับ ใช้บริการของนกแอร์ค่ะ
วันศุกร์ ที่ 8 มค 59
ออกเดินทางจาก ชลบุรี (อ่าวอุดม) ขึ้นรถรอบ 6.45 เลิกงานก็มาเลยน้ำก็ไม่ได้อาบ อิอิ นั่งๆนอนๆหลับๆตื่นๆ
วันเสาร์ ที่ 9 มค 59
รถมาถึง น่านเวลา 6.30 เราไม่รอช้าค่ะ โบกวินมอเตอร์ไซค์ให้พาไปวัดพระธาตุเข้าน้อยที่แรกเลย
เพื่อไปดูจุดชมวิวเมืองน่านนั่นเอง

ถือว่าเป็น Land mark ของจังหวัดน่านเลยกว่าว่าได้

อีกมุมนึงค่ะ

และองค์เจย์ดี
ก็ได้เก็บภาพและชมวิวบรรยากาศไปสักพัก จนเริ่มเอะใจเอ๊ะทำไมผู้ชายถึงยังไม่โทรมานะ
แถมปิดเครื่องอีก หรือฉันจะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ที่นี่ โอ้ไม่นะ แต่ทันใด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ใช่แล้วค่ะผู้ชายคนนั้นนั่นเองเขาบกให้เรารอที่นี่เด๊วขี่รถมารับ
พอเจอกันก็กลับเข้าโรงแรมค่ะ เอ๊ะๆๆ ไม่ต้องคิดไปไกลค่ะ แค่ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็เชคเอ้า เตรียมไปดอยเสมอดาวต่อคร่าาา

บรื๊นนนน แว้นบอยกับสอยซ์เกิร์ล
หลังจากอาบน้ำ เชคเอ้า ประมาณ 10 โมงก็ไปเที่ยววัดรอบๆตัวเมืองน่านค่ะ
หลังจากเที่ยววัดในตัวเมืองเสร็จ ก็หาข้าวข้างทางกินกัน ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นเพื่อมุ่งหน้าสู่ดอยเสมอดาว
โดยขี่มอเตอร์ไซค์ จากตัวเมืองขึ้นไปดอยเสมอด่าวนี่ล่ะ โชคดีที่แดดไม่ร้อนมากค่ะ
ระหว่างขี่ก็กินลมชมวิวข้างทางไป เห็นอะไรสวยๆกจอดแวะถ่ายไปเรื่อย ดอกไม้ข้างทางก็ไม่เว้นค่ะ

ขี่มาได้เกือบสามชั่วโมง (นั่งจนเมื่อย) เราก็เห็นป้ายาถึงอุทยานแล้ว กรี๊ดดดด

เย้ใกล้ความเป็นจริงแล้ว
ขี่มาได้สักพักก็มาถึงจุดชมวิวก่อนจะขึ้นไปโดยเสมอดาว แต่ฟ้าไม่เป็นใจเลยถ่ายดอกไม้มาแทน อิอิ
และแล้วเราก็มาถึงดอยเสมอดาวแล้ว อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่เราลืมถ่ายรูปป้ายดอยเสมอดาวมาอ่ะ T-T
ชมบรรยากาศแทนละกันเนอะ แต่พอดีฟ้าปิดเลยไม่มีรูปพระอาทิตย์ตกมาให้ดู

คนกำลังหลั่งไหลมาซึมซับบรรยากาศบนดอย อากาศไม่เย็นมากเท่าไรกำลังสบายๆ

ผาหัวสิงห์อีก1จุดสัญลักษณ์ของดอยเสมอดาว

จากนั้นประมาณ 5โมงเย็น ไม่มีไรทำก็นอนเลย ตื่นมาอีกทีก็2ทุ่ม ก็ชวน ผู้ชายไปหาไรกิน
อากาศเริ่มเย็นแล้วก็เลยตกลงกินหมูกะทะกัน แก้หนาว กินเสร็จก็กลับมาที่เต๊นท์
มองหน้ากัน แล้วก็ ... ว้ายไม่ใช่ มองหน้ากันอยู่ว่าเราจะแปรงฟันอย่างเดียวหรือจะอาบน้ำด้วย
สรุปทั้งอาบทั้งแปรงแหละ ไม่ไหว ขี่รถมาเจอฝุ่นปะทะ ยอมหนาวดีกว่า ทำธุระเสร็จก็กลับเข้ามานอน
เพราะตั้งใจจะตื่นมาถ่ายดาวตอนตี 3-4
วันอาทิตย์ ที่ 10 มค 59
กริ๊งงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ณ เวลาตี 3.15 เราก็พยายามสลัดความขี้เกียจ
เพื่อพิชิตภารกิจถ่ายดาวนั่นเอง แต่ฟ้าจะเปิดไหม เราจะถ่ายดาวติดหรือเปล่านะ
นั่งกังวลสักครู่แล้วล้มตัวลงนอนใหม่ อิอิ สะดุ้งมาอีกที ตี 4.15 ว้ายย ดาวของฉัน
ไม่คงไม่คิดและแบกขากล้อง กับกล้องไปส่องดาว ผช ก็ใจดีไปเป็นเพื่อน สงสัยกลัวเราจะไปข่มขืนใครมั้ง
(หรือว่าหวง คริคริ)
นั่งถ่ายนั่งแชะไป เกือบ ครึ่งชม ได้มาเท่านี้อ่าค่ะ คุ้มไหมกับการเดินทางมา T-T

พยายามมองให้เป็นดาวกันนะคะ เรายังแยกไม่ออกเลยว่ามัน น้อยซ์หรือดาว 55
ถ่ายเสร็จก็กลับไปงีบอีกรอบ รอตื่นมาถ่ายแสงเช้าอีกครั้ง
แต่ก็หลับไม่ค่อยลงเท่าไรเพราะว่าคนเริ่มทยอยตื่นเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไอ้เต้นท์เราก็อยู่ใกล้ทางขึ้นพอดี
ประมาณ 6 โมงก็ตื่นขึ้นไปเก็บแสงเช้าและบรรยากาศดอยเสมอดาวยามเช้าค่ะ

สีสัน มาเลยแต่ไม่มีไข่แดง เมฆเยอะมากกก

คนตื่นมาชมเยอะเลยค่ะ

ยามเช้าฝั่งผาหัวสิงค์

อะไรนะ ทะเลหมอก ช็อคแพร็พพ

ฝั่งนั้นไม่มีใช่ไหม ได้ฉันมาดูอีกฝั่งตะวันตกก็ได้ แต่ก็ไม่มีเช่นกัน (เราเดินมาทำไมเนี่ย)

หลังจากที่รอลุ้นจะเห็นแสงอาทิตย์แต่คงลุ้นไม่ขึ้นอีกทั้งเครื่องบเราออกเที่ยงก็เลยจำต้องลา
ลงจากดอยกลับเข้าเมืองน่านค่ะ อ่อ ( อากาศเย็นๆประมาณ 22องศา)
ระหว่างลงมาได้ระยะหนึ่งก็ไปสะดุดกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าควาย พอขี่ผ่านไปในใจก็แบบ
ถ้าเราจะไปถ่าย ผู้ชายจะว่าไรไหมนะ ตัดสินใจสักพัก เอาวะ เธอๆ เราอยากไปถ่ายควายอ่ะย้อนกลับไปให้หน่อยจิ
ผู้ชายก็ใจดีค่ะ แต่ในใจคงแอบด่า ไมไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้ขี่ผ่านมาได้ ตั้ง 1 กิโล อิอิ
ต่อไปนี้เป็นภาพ ชุด Buffalo slowlife ค่ะ

หลังจากถ่ายเสร็จ ก็ขี่รถมุ่งหน้าเข้าเมืองต่อ แต่ทันใดนั้น หมอกมาจากไหนไม่รู้ค่ะ เต็มถนนเลย
เราต้องขี่ผ่านหมอกหนา พร้อมบรรยากาศที่สุดแสนจะเย็นยะเยือก
ขี่มาได้3 ชมกว่าเราก็มาถึงตัวเมืองอย่างปลอดภัยค่ะ ก็ไปคืนรถ แล้วโบกวินมอไซไปส่งที่สนามบิน
จากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรีวิวนะคะ
คราวหน้าจะมาต่อด้วยรีวิวทริปเขาใหญ่อีกค่ะ กำลังเลือกรูปอยู่กับพลอตรีวิวอยู่ เพราะเขียนไม่เก่งเท่าไร แหะๆ
Camera by EM10 Mark II
[CR] น่านไง!!!! ฉันอยู่นี่
หาาา อะไรนะ 2วัน 1คืน ถูกค่ะ คือช่วงนี้บ้าถ่ายรูปมาก เลยพยายามหาที่เที่ยวเพื่อไปเก็บภาพบรรยากาศนั่นเอง
แล้วทำไมต้องน่านล่ะ อยู่ก็ตั้งไกลใช้เวลาเดินทางก็นาน คือต้องบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่พอดีได้คุยกับ ผช คนนึง
เขาไปเที่ยวพอดี แต่ล่วงหน้าไปก่อน เราก็เลยอาสาตามไปด้วย อย่างน้อยก็มีเพื่อนเที่ยวเนาะ โอเคไปเริ่มกันเลยดีกว่า
การเดินทาง ขาไปเรานั่งรถทัวของ นครชัยแอร์ไป คือเราทำงานที่ระยอง เลิกงานก็นั่งรถบริษัทมาที่อ่าวอุดมศรีราชา
และขึ้นรถที่นครชัยแอร์ที่นั่นเลย ส่วนขากลับ ใช้บริการของนกแอร์ค่ะ
วันศุกร์ ที่ 8 มค 59
ออกเดินทางจาก ชลบุรี (อ่าวอุดม) ขึ้นรถรอบ 6.45 เลิกงานก็มาเลยน้ำก็ไม่ได้อาบ อิอิ นั่งๆนอนๆหลับๆตื่นๆ
วันเสาร์ ที่ 9 มค 59
รถมาถึง น่านเวลา 6.30 เราไม่รอช้าค่ะ โบกวินมอเตอร์ไซค์ให้พาไปวัดพระธาตุเข้าน้อยที่แรกเลย
เพื่อไปดูจุดชมวิวเมืองน่านนั่นเอง
ถือว่าเป็น Land mark ของจังหวัดน่านเลยกว่าว่าได้
อีกมุมนึงค่ะ
และองค์เจย์ดี
ก็ได้เก็บภาพและชมวิวบรรยากาศไปสักพัก จนเริ่มเอะใจเอ๊ะทำไมผู้ชายถึงยังไม่โทรมานะ
แถมปิดเครื่องอีก หรือฉันจะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ที่นี่ โอ้ไม่นะ แต่ทันใด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ใช่แล้วค่ะผู้ชายคนนั้นนั่นเองเขาบกให้เรารอที่นี่เด๊วขี่รถมารับ
พอเจอกันก็กลับเข้าโรงแรมค่ะ เอ๊ะๆๆ ไม่ต้องคิดไปไกลค่ะ แค่ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็เชคเอ้า เตรียมไปดอยเสมอดาวต่อคร่าาา
บรื๊นนนน แว้นบอยกับสอยซ์เกิร์ล
หลังจากอาบน้ำ เชคเอ้า ประมาณ 10 โมงก็ไปเที่ยววัดรอบๆตัวเมืองน่านค่ะ
หลังจากเที่ยววัดในตัวเมืองเสร็จ ก็หาข้าวข้างทางกินกัน ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นเพื่อมุ่งหน้าสู่ดอยเสมอดาว
โดยขี่มอเตอร์ไซค์ จากตัวเมืองขึ้นไปดอยเสมอด่าวนี่ล่ะ โชคดีที่แดดไม่ร้อนมากค่ะ
ระหว่างขี่ก็กินลมชมวิวข้างทางไป เห็นอะไรสวยๆกจอดแวะถ่ายไปเรื่อย ดอกไม้ข้างทางก็ไม่เว้นค่ะ
ขี่มาได้เกือบสามชั่วโมง (นั่งจนเมื่อย) เราก็เห็นป้ายาถึงอุทยานแล้ว กรี๊ดดดด
เย้ใกล้ความเป็นจริงแล้ว
ขี่มาได้สักพักก็มาถึงจุดชมวิวก่อนจะขึ้นไปโดยเสมอดาว แต่ฟ้าไม่เป็นใจเลยถ่ายดอกไม้มาแทน อิอิ
และแล้วเราก็มาถึงดอยเสมอดาวแล้ว อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่เราลืมถ่ายรูปป้ายดอยเสมอดาวมาอ่ะ T-T
ชมบรรยากาศแทนละกันเนอะ แต่พอดีฟ้าปิดเลยไม่มีรูปพระอาทิตย์ตกมาให้ดู
คนกำลังหลั่งไหลมาซึมซับบรรยากาศบนดอย อากาศไม่เย็นมากเท่าไรกำลังสบายๆ
ผาหัวสิงห์อีก1จุดสัญลักษณ์ของดอยเสมอดาว
จากนั้นประมาณ 5โมงเย็น ไม่มีไรทำก็นอนเลย ตื่นมาอีกทีก็2ทุ่ม ก็ชวน ผู้ชายไปหาไรกิน
อากาศเริ่มเย็นแล้วก็เลยตกลงกินหมูกะทะกัน แก้หนาว กินเสร็จก็กลับมาที่เต๊นท์
มองหน้ากัน แล้วก็ ... ว้ายไม่ใช่ มองหน้ากันอยู่ว่าเราจะแปรงฟันอย่างเดียวหรือจะอาบน้ำด้วย
สรุปทั้งอาบทั้งแปรงแหละ ไม่ไหว ขี่รถมาเจอฝุ่นปะทะ ยอมหนาวดีกว่า ทำธุระเสร็จก็กลับเข้ามานอน
เพราะตั้งใจจะตื่นมาถ่ายดาวตอนตี 3-4
วันอาทิตย์ ที่ 10 มค 59
กริ๊งงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ณ เวลาตี 3.15 เราก็พยายามสลัดความขี้เกียจ
เพื่อพิชิตภารกิจถ่ายดาวนั่นเอง แต่ฟ้าจะเปิดไหม เราจะถ่ายดาวติดหรือเปล่านะ
นั่งกังวลสักครู่แล้วล้มตัวลงนอนใหม่ อิอิ สะดุ้งมาอีกที ตี 4.15 ว้ายย ดาวของฉัน
ไม่คงไม่คิดและแบกขากล้อง กับกล้องไปส่องดาว ผช ก็ใจดีไปเป็นเพื่อน สงสัยกลัวเราจะไปข่มขืนใครมั้ง
(หรือว่าหวง คริคริ)
นั่งถ่ายนั่งแชะไป เกือบ ครึ่งชม ได้มาเท่านี้อ่าค่ะ คุ้มไหมกับการเดินทางมา T-T
พยายามมองให้เป็นดาวกันนะคะ เรายังแยกไม่ออกเลยว่ามัน น้อยซ์หรือดาว 55
ถ่ายเสร็จก็กลับไปงีบอีกรอบ รอตื่นมาถ่ายแสงเช้าอีกครั้ง
แต่ก็หลับไม่ค่อยลงเท่าไรเพราะว่าคนเริ่มทยอยตื่นเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไอ้เต้นท์เราก็อยู่ใกล้ทางขึ้นพอดี
ประมาณ 6 โมงก็ตื่นขึ้นไปเก็บแสงเช้าและบรรยากาศดอยเสมอดาวยามเช้าค่ะ
สีสัน มาเลยแต่ไม่มีไข่แดง เมฆเยอะมากกก
คนตื่นมาชมเยอะเลยค่ะ
ยามเช้าฝั่งผาหัวสิงค์
อะไรนะ ทะเลหมอก ช็อคแพร็พพ
ฝั่งนั้นไม่มีใช่ไหม ได้ฉันมาดูอีกฝั่งตะวันตกก็ได้ แต่ก็ไม่มีเช่นกัน (เราเดินมาทำไมเนี่ย)
หลังจากที่รอลุ้นจะเห็นแสงอาทิตย์แต่คงลุ้นไม่ขึ้นอีกทั้งเครื่องบเราออกเที่ยงก็เลยจำต้องลา
ลงจากดอยกลับเข้าเมืองน่านค่ะ อ่อ ( อากาศเย็นๆประมาณ 22องศา)
ระหว่างลงมาได้ระยะหนึ่งก็ไปสะดุดกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าควาย พอขี่ผ่านไปในใจก็แบบ
ถ้าเราจะไปถ่าย ผู้ชายจะว่าไรไหมนะ ตัดสินใจสักพัก เอาวะ เธอๆ เราอยากไปถ่ายควายอ่ะย้อนกลับไปให้หน่อยจิ
ผู้ชายก็ใจดีค่ะ แต่ในใจคงแอบด่า ไมไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้ขี่ผ่านมาได้ ตั้ง 1 กิโล อิอิ
ต่อไปนี้เป็นภาพ ชุด Buffalo slowlife ค่ะ
หลังจากถ่ายเสร็จ ก็ขี่รถมุ่งหน้าเข้าเมืองต่อ แต่ทันใดนั้น หมอกมาจากไหนไม่รู้ค่ะ เต็มถนนเลย
เราต้องขี่ผ่านหมอกหนา พร้อมบรรยากาศที่สุดแสนจะเย็นยะเยือก
ขี่มาได้3 ชมกว่าเราก็มาถึงตัวเมืองอย่างปลอดภัยค่ะ ก็ไปคืนรถ แล้วโบกวินมอไซไปส่งที่สนามบิน
จากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรีวิวนะคะ
คราวหน้าจะมาต่อด้วยรีวิวทริปเขาใหญ่อีกค่ะ กำลังเลือกรูปอยู่กับพลอตรีวิวอยู่ เพราะเขียนไม่เก่งเท่าไร แหะๆ
Camera by EM10 Mark II