ขอเกริ่นก่อนเลย "ไม่ได้แอนตี้ พวกเรียกลูกเทพ" แต่ขอให้ทำแต่พอดีเถอะนะ..
จะขอเล่าเรื่องที่เราเจอมากับตัวก่อนเลย วันหนึ่งใน รถไฟฟ้าสายนึง
ไอ้เราก็นั่งมาจากต้นสาย เพื่อจะไปลงสุดสาย คืออีกฝั่งไปอีกฝั่งเลย มีเป้หนึ่งใบ กระเป๋าถือ พร้อมกับถุงใส่หม้ออีกอัน
สักพักก็มีคุณสุภาพสตรีมีอายุหน่อย สัก30-40 เดินเข้ามา ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ สักพักเขามายืนอยู่หน้าเรา ก็เลยเหลือบไปมอง
อ้าว..อุ้มลูกนิ เราก็หันซ้ายหันขวา จิตใจจะไม่มีใครลุกเลยใช่มั้ย ของก็พะรุงพะรังขนาดนี้ ..โอเคเอาวะ คุณป้าคนนั้นก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าเรา ลงไปนั่งดื้อๆพร้อมกับลูบหัวลูกเบาๆ เราก็เริ่มเอะใจ..ทำไมมันนิ่งแปลกๆ คุณพระ ตุ๊กตาชักกี้นี่หว่า.. คือถ้าอุ้มมาดีๆก็ไม่เท่าไหร่มันดูออกว่าระหว่างตุ๊กตากับคนจริง นี่ป้าแกเล่นห่อผ้ามาซะ ใครอยู่ในเหตุการณ์น่าจะเห็นกันหมด
เสียความรู้สึกกับป้าแกไม่พอ ต้องมาเสียดายที่นั่งอีก..
อีกเรื่อง คือเป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องลงมาเขียนจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นกับเพื่อนเรา เพื่อนเราเป็นคนที่กลัวตุ๊กตาชักกี้มาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าใครทันยุค90 เนี่ยจะรู้ดีเลยช่วงตอนเด็กๆ จะมีเรื่องตุ๊กตาชักกี้เป็นหนังผีที่น่ากลัวสำหรับเด็กๆเลย และตุ๊กตาบางตัว .. แม้งทำหน้าหลอนไม่พอ (

!!) ทำตากระพริบได้อีก จะทำหาโพ่งง... (โทษๆอารมณ์มันขึ้น)
ทีนี้ เพื่อนเราก็เล่าให้ฟังว่า มันก็เดินอยู่แถวๆบ้าน ซึ่งบ้านเพื่อนอยู่แถวสามเสน แถวนั้นพอตกดึกจะมืดๆสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยว มันก็เดินกันเป็นกลุ่ม 4-5 คน ทีนี้สักพัก มีผู้ชาย เดินอุ้มตุ๊กตาแล้วก็เดินคุย (คือมันบอกเลยว่าเห็นว่าเป็นตุ๊กตา ไม่ใช่เด็ก) เลยยิ่งทำให้หลอนขึ้น ขนาดเราเจอตอนไม่ดึก ยังหลอนเลย ละเพื่อนเราที่กลัวตุ๊กตาแบบนี้..แน่นอน เพื่อนในกลุ่มเล่าว่า เพื่อนเราสติหลุดไปเลย คิดว่าเจอผีชัว ๆ แต่สุดท้ายก็เดินผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่อยากจะบอกก็คือ..คนเรามันกลัวอะไรได้แบบสุดๆก็มี ถ้าคนนั้นกลัวแล้วเกิดเป็นโรคหัวใจช๊อค หรืออะไรก็ตาม มันจะเป็นยังไง..อันนี้ไม่ได้เว่อร์พูดจริงๆ เลย คนเรามันกลัวไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ก็เหมือนคนกลัวหมาที่แค่เห็นหมาตัวเท่ากำปั้นก็วิ่งหางจุกตูด ทั้งๆที่รู้ว่ามันทำไรไม่ได้
อันนี้ขอบอกหน่อยว่า ถ้าจะเอาไปเปรียบเทียบกับ พวกที่ห้อยพระ กุมารทอง คือพวกนี่เขาไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนรึเปล่า มันเอามาเปรียบกันได้ยังไง
ซึ่งเดียวนี้ เริ่มมีการเรียกร้องสิทธิสำหรับตุ๊กตาชักกี้มากขึ้นเรื่อยๆ (จนน่ากลัว) อย่างบางคนที่เลี้ยงอยู่ (ไม่ได้เหมาทุกคน) ก็บอกว่าทำไมทีเอ็งเอาเด็กจริงๆเข้าร้านอาหารได้ละ เอาหมาแมวได้ละ แล้วถามจริงๆเถอะ คนพวกนั้นไม่โดนด่าเหรอ ถ้าทำอะไรให้เกิดการรบกวน เช่นหมาแมวก็มีป้ายที่แน่นอนว่าห้ามเอาเข้าบางร้านอาหาร ถ้ามาเปรียบกัน ทำไมจะทำป้ายห้ามตุ๊กตาเข้าไม่ได้.. แน่นอนมันเปรียบไม่ได้
ขอฝากไว้สุดท้าย "สิทธิส่วนบุคคล" จะมี ทำไมถ้าไม่รู้จัก "สิทธิส่วนรวม"
ปล.เพิ่งไปนั่งอ่านกระทู้ตอนเช้าก็เจอเหมือนกับเพื่อนเราเลย หลอนตุ๊กตา เวรกรรมจริงๆ
ปล2. (อันนี้เน้นย้ำ สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านหรืออ่านไม่เข้าใจที่เราจะสื่อ ) <<<< เราไม่ได้ว่าทุกคน ไม่ได้ลบหลู่ใดๆ ถ้าคุณเลี้ยงในที่ของคุณ เฉกเช่น พระที่ห้อยอยู่ที่คอ หรือ กุมารทองที่ตั้งไว้บูชาที่บ้าน .. ถ้าสมมุติมีคนเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆสักหน่อย เดินแบกไปแบกมา แล้วตั้ง มาทานข้าว ขึ้นรถไฟฟ้าด้วย คนก็คงมองเหมือนกันนั่นแหละ .. จะทำอะไร ขอให้แต่พอดีเน๊อะ
ตุ๊กตาลูกเทพ (?) สมควรจะมีข้อเปรียบเทียบเหรอ? ปสก..ที่เสียความรู้สึก
จะขอเล่าเรื่องที่เราเจอมากับตัวก่อนเลย วันหนึ่งใน รถไฟฟ้าสายนึง
ไอ้เราก็นั่งมาจากต้นสาย เพื่อจะไปลงสุดสาย คืออีกฝั่งไปอีกฝั่งเลย มีเป้หนึ่งใบ กระเป๋าถือ พร้อมกับถุงใส่หม้ออีกอัน
สักพักก็มีคุณสุภาพสตรีมีอายุหน่อย สัก30-40 เดินเข้ามา ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ สักพักเขามายืนอยู่หน้าเรา ก็เลยเหลือบไปมอง
อ้าว..อุ้มลูกนิ เราก็หันซ้ายหันขวา จิตใจจะไม่มีใครลุกเลยใช่มั้ย ของก็พะรุงพะรังขนาดนี้ ..โอเคเอาวะ คุณป้าคนนั้นก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าเรา ลงไปนั่งดื้อๆพร้อมกับลูบหัวลูกเบาๆ เราก็เริ่มเอะใจ..ทำไมมันนิ่งแปลกๆ คุณพระ ตุ๊กตาชักกี้นี่หว่า.. คือถ้าอุ้มมาดีๆก็ไม่เท่าไหร่มันดูออกว่าระหว่างตุ๊กตากับคนจริง นี่ป้าแกเล่นห่อผ้ามาซะ ใครอยู่ในเหตุการณ์น่าจะเห็นกันหมด
เสียความรู้สึกกับป้าแกไม่พอ ต้องมาเสียดายที่นั่งอีก..
อีกเรื่อง คือเป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องลงมาเขียนจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นกับเพื่อนเรา เพื่อนเราเป็นคนที่กลัวตุ๊กตาชักกี้มาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าใครทันยุค90 เนี่ยจะรู้ดีเลยช่วงตอนเด็กๆ จะมีเรื่องตุ๊กตาชักกี้เป็นหนังผีที่น่ากลัวสำหรับเด็กๆเลย และตุ๊กตาบางตัว .. แม้งทำหน้าหลอนไม่พอ (
ทีนี้ เพื่อนเราก็เล่าให้ฟังว่า มันก็เดินอยู่แถวๆบ้าน ซึ่งบ้านเพื่อนอยู่แถวสามเสน แถวนั้นพอตกดึกจะมืดๆสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยว มันก็เดินกันเป็นกลุ่ม 4-5 คน ทีนี้สักพัก มีผู้ชาย เดินอุ้มตุ๊กตาแล้วก็เดินคุย (คือมันบอกเลยว่าเห็นว่าเป็นตุ๊กตา ไม่ใช่เด็ก) เลยยิ่งทำให้หลอนขึ้น ขนาดเราเจอตอนไม่ดึก ยังหลอนเลย ละเพื่อนเราที่กลัวตุ๊กตาแบบนี้..แน่นอน เพื่อนในกลุ่มเล่าว่า เพื่อนเราสติหลุดไปเลย คิดว่าเจอผีชัว ๆ แต่สุดท้ายก็เดินผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่อยากจะบอกก็คือ..คนเรามันกลัวอะไรได้แบบสุดๆก็มี ถ้าคนนั้นกลัวแล้วเกิดเป็นโรคหัวใจช๊อค หรืออะไรก็ตาม มันจะเป็นยังไง..อันนี้ไม่ได้เว่อร์พูดจริงๆ เลย คนเรามันกลัวไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ก็เหมือนคนกลัวหมาที่แค่เห็นหมาตัวเท่ากำปั้นก็วิ่งหางจุกตูด ทั้งๆที่รู้ว่ามันทำไรไม่ได้
อันนี้ขอบอกหน่อยว่า ถ้าจะเอาไปเปรียบเทียบกับ พวกที่ห้อยพระ กุมารทอง คือพวกนี่เขาไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนรึเปล่า มันเอามาเปรียบกันได้ยังไง
ซึ่งเดียวนี้ เริ่มมีการเรียกร้องสิทธิสำหรับตุ๊กตาชักกี้มากขึ้นเรื่อยๆ (จนน่ากลัว) อย่างบางคนที่เลี้ยงอยู่ (ไม่ได้เหมาทุกคน) ก็บอกว่าทำไมทีเอ็งเอาเด็กจริงๆเข้าร้านอาหารได้ละ เอาหมาแมวได้ละ แล้วถามจริงๆเถอะ คนพวกนั้นไม่โดนด่าเหรอ ถ้าทำอะไรให้เกิดการรบกวน เช่นหมาแมวก็มีป้ายที่แน่นอนว่าห้ามเอาเข้าบางร้านอาหาร ถ้ามาเปรียบกัน ทำไมจะทำป้ายห้ามตุ๊กตาเข้าไม่ได้.. แน่นอนมันเปรียบไม่ได้
ขอฝากไว้สุดท้าย "สิทธิส่วนบุคคล" จะมี ทำไมถ้าไม่รู้จัก "สิทธิส่วนรวม"
ปล.เพิ่งไปนั่งอ่านกระทู้ตอนเช้าก็เจอเหมือนกับเพื่อนเราเลย หลอนตุ๊กตา เวรกรรมจริงๆ
ปล2. (อันนี้เน้นย้ำ สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านหรืออ่านไม่เข้าใจที่เราจะสื่อ ) <<<< เราไม่ได้ว่าทุกคน ไม่ได้ลบหลู่ใดๆ ถ้าคุณเลี้ยงในที่ของคุณ เฉกเช่น พระที่ห้อยอยู่ที่คอ หรือ กุมารทองที่ตั้งไว้บูชาที่บ้าน .. ถ้าสมมุติมีคนเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆสักหน่อย เดินแบกไปแบกมา แล้วตั้ง มาทานข้าว ขึ้นรถไฟฟ้าด้วย คนก็คงมองเหมือนกันนั่นแหละ .. จะทำอะไร ขอให้แต่พอดีเน๊อะ