++หนังดี++ Falling Down (1992) เมืองกดดันขอบ้าให้หายแค้น


          …บางทีบางวันผมก็รู้สึกว่า ในชีวิตประจำวันที่แดดร้อนจ้า (แต่วันนี้ยิ้มหนาว) ประกอบไปด้วยสภาวะแวดล้อมที่เส็งเคร็ง รถติดเอย หงุดหงิดจากคนรอบข้าง เหล่านี้มันจะชอบมาในจังหวะที่เหมาะเหม็ง ประดาหน้าเข้ามาซะพร้อมกัน ความอดทนของเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันสิ ผมเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างขี้หงุดหงิดเหมือนกันหากมีอะไรมาทำอะไรให้ไม่พอใจ
          ในหนังก็ไม่แพ้กัน เหมือนมันสะท้อนสังคมในเมืองกรุงที่รายล้อมไปด้วยมลภาวะที่ไม่น่าอภิรมย์ บิล ฟอสเตอร์ พระเอกที่เป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป ขี้โมโห (ไมเคิล ดั๊กลาส) กำลังจะเดินทางกลับบ้านไปเพื่องานวันเกิดลูกสาว แต่กลับพบเจอปัญหาระหว่างทาง ตั้งแต่รถที่ติดบนถนนฟรีเวย์เพราะงานก่อสร้างชวนวุ่นวาย แดดร้อนจ้าในวันซวย พระเอกเราตัดสินใจลงจากรถพร้อมเดินเท้ากลับบ้านเอง แต่ยังไม่วายเจอเรื่องชวนหงุดหงิด เข้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตคนเกาหลีหวังแลกตังค์แต่พนักงานยิ้มงี้เง่าเอง พระเอกเราเลยสั่งสอนไปซะร้านพัง ...และต่อจากนั้นมาเราก็จะได้เห็นผู้ชายคนๆ หนึ่ง กำลังจัดการปัญหาความวุ่นวายในเมืองกรุงด้วยความบ้าบิ่น รุนแรง ทำทุกอย่างเท่าที ใครจะขวางเขาได้
          หนังเล่นเล่าเรื่องมาอย่างนี้ก็ต้องนับว่าน่าสนใจเพราะค่อนข้างชอบพล็อตข้างต้น การปลดแอกตนเองออกจากความน่าเบื่อหน่ายในเมืองพร้อมเล่นงานกับพวกสวะเห่ยๆ ข้างถนนอย่างไม่แคร์ใครหน้าไหน
          ผุ้กำกับอย่างโจเอล ซูมัคเกอร์ ...ผมอาจจะจัดเขาไปอยู่ในชั้นผู้กำกับมือปืนรับจ้างฮอลลีวูดกึ่งเกือบมีลายเซ็นตัวเอง (ที่บูมช่วงยุค 90) แม้หนังเรื่องนี้จะไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีเกินกว่าหนังล้างแค้นเรื่องอื่นๆ ทำกัน บทภาพยนตร์ที่ยึดแก่นเส้นเรื่องเดียวนั่นคือ ตามล่าพระเอกตลอดทั้งเรื่องและค้นหาสาเหตุที่นายอารมณ์ไฟคนนี้เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา อาจจะไม่ได้ทำให้เรารู้ว่าแปลกตาแปลกใจหรือว่าบทหนังมันอเมซซิ่งสุดๆ ...แต่หนังเรื่องนี้ได้กระทำการยึดฝั่งคนดูให้เอาใจช่วยนายฟอสเตอร์อย่างน่าลุ้นน่าเชียร์ ให้เขาถือ “ไม้เบสบอล” ไปฟาดหัวใครสักคนให้เละเป็นขาหมูตุ๊บตั๊บ แน่นอน มันสร้างความสะใจให้คนดูอย่างมากเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นมาจัดการกับทุกอย่างที่ขวางหน้าชนิดรุนแรงจนยกให้เขาเป็น “แอนตี้ฮีโร่” ในเมืองกรุง ภาพของเมืองที่ร้อนจ้า รถติด นักเลงข้างถนน ความสกปรกโสมมรอบด้าน ผู้คนไม่เคารพสิทธิ์ เหล่านี้ช่วยขับบรรยายกาศความกดดันใจตัวของฟอนเตอร์เป็นอย่างดี ...แม้แต่งานประพันธ์ดนตรีของเจมส์ นิวตัน ฮาวเวิร์ด ผู้ล่วงลับ ก็เป็นอีกลายเซ็นให้กับหนังเรื่องอย่างน่าจดจำ
          ไมเคิล ดั๊กลาส ...ในมาดใส่สูทผูกเน็กไท หัวเกรียนๆ ใส่แว่นหนาเต๊อะ น่าจะกลายเป็นไอคอนที่น่าจดจำ บุคลิกบ้าบิ่น เก็บกด สาดความรุนแรง ...ไมเคิลแสดงมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เหนือชั้น สีหน้าท่าทางได้หมด นับเป็นผลงานการแสดงที่กินขาด น่าเอาใจช่วยสุดๆ ซึ่งแม้ตัวละครนี้จะต้องประสพพบเจอกับชะตากรรมที่ชวนเศร้า หดหู่ยิ่ง …ดาราคุณภาพคนอื่นๆ อีกก็อย่างโรเบิร์ต ดูวัลล์ ในบทนายตำรวจผู้เถรตรง รักเมีย ในวันเกษียณที่โดนเพื่อนร่วมงานดูหมิ่นสารพัด เราก็พลอยเห็นใจเขาและช่วงแรกของหนังนั้นจัดให้เขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฟอสเตอร์อย่างประเดี๋ยวประด๋าว ทำให้เราเริ่มกดดันกับตัวละครนี้ว่าจะไปยอมมันทำไม ...แต่พอเราได้เห็นนายตำรวจแก่ๆ คนนี้เริ่มชกหน้าใครบางคนด้วยความเหลืออดมาตลอดทั้งเรื่องแล้ว มันก็สร้างความสะใจโคตรๆให้กับคนดู ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตัวละครนำหลักในเมืองกรุงของเรื่องนี้ก็ประสพพบเจอปัญหาคล้ายๆกันคือ... ควบคลุมสติตัวเองไม่อยู่กันแล้ว ระเบิดมันออกมาด้วยความรุนแรง
          ตามคุณภาพเนื้อผ้าแล้ว หนังเรื่องนี้มีความสนุก ความบันเทิงอย่างแน่นอน สร้างความอึดอัดเป็นอย่างดีก่อนจะระเบิดออกมาอย่างสะใจคนดูแบบฟินนาเล่และอิ่มเอิบในความบ้าของพระเอก การสะท้อนปัญหาสังคมก็หาใช่จะอ่อนด้อย บางครั้งยังรู้สึกว่า ที่พระเอกมันพูดๆเหวี่ยงใส่คนอื่นน่ะ  เป็นความจริงรอบตัวเราเลยน่ะนั่น (อย่างฉากในร้านฟาสต์ฟู๊ด ที่ป้ายสินค้าแฮมเบอร์เกอร์เครื่องเยอะ พูนเพียบ น่า-แต่ของจริงกลับเหี่ยวเล็ก เท่าจิ๋มมดเสียยิ่งกว่าอะไร) เป็นผลงานการแสดงครั้งยอดเยี่ยมของไมเคิล ดั๊กลาส และงานกำกับที่ดีงามของโจเอล พร้อมยังเตือนสติคนดูให้ควบคุมอารมณ์ชั่ววูบตัวเองให้ได้บ้าง ...แม้แต่สังคมเราเองที่มันไม่ใช่เพราะคนในเมืองกรุงคนใดคนหนึ่ง แต่มันเส็งเคร็งแบบนี้มานานแล้ว
        

นั่นแหละครับ เราไม่อาจควบคุมสติอารมณ์กันได้ แม้แต่คนรอบข้างเราที่เรารู้จัก คิดให้ดีก่อนทำอะไรลงไปนะครับ ไม่งั้นผลพลอยได้ที่เราจะพบเจอหลังจากทำมันลงไป อาจส่งผลร้ายที่ไม่ดีต่อคนรอบข้างได้นะครับผม...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่