“สส.ชุติพงศ์” ชี้ “ธนกร” ตอบไม่ชัดเรื่องถอนอายัดเหล็ก “ซินเคอหยวน”
.
.
“สส.ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ” ตั้งข้อสังเกต รมว.อุตสาหกรรม ตอบไม่ชัดปมถอนอายัดเหล็ก “ซินเคอหยวน” ที่บอกปรับปรุงแล้วเปิดได้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ดำเนินการต่อหรือไม่ ปูดถึงมีข่าวลงขันเอา รมต. คนเดิมออก
.
นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากลในการถอนอายัดเหล็กของบริษัท ซินเคอหยวน ครั้งนี้อยู่หลายประการ ว่า
.
ประการแรก คำกล่าวอ้างของนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่บอกว่าการถอนอายัดเหล็กส่วนหนึ่งแล้วอายัดเหล็กบางส่วนจำนวนน้อยกว่าไว้ต่อ ในรายละเอียดไม่ได้แถลงชัดเจนถึงกระบวนการตรวจสอบเหล็กและถอนอายัดที่เป็นประเด็นสำคัญ ก็ต้องตั้งคำถามว่าหากเหล็กในล็อต ปรากฏว่ามีเหล็กตกคุณภาพในล็อตผลิตนั้น เหตุใดจึงยังเชื่อมั่นในการปล่อยล็อตเหล็กเหล่านั้นออกมาอีก ถ้าล็อตนั้นผลิต 100 เส้น แล้วตรวจพบตกมาตรฐาน 10 เส้น คำถามคือเราต้องปล่อยอีก 90 เส้นที่เหลือไปหรืออายัดไว้ทั้งหมด เรื่องนี้ต้องการความชัดเจนอย่างมาก ว่าล็อตที่ปล่อยมาทั้งหมดไม่มีเหล็กตกคุณภาพในล็อตผลิตเดียวกัน
.
ประการที่สอง ในการแถลงของรัฐมนตรีมีท่าทีชัดเจนว่า แม้บริษัทซินเคอหยวนจะโดนคดีความเป็นพันคดี ไม่ใช่แค่ปัญหาการผลิต แต่ทั้งการกักเก็บฝุ่นแดงหลายหมื่นตัน และคดีความอื่นๆอีกมากมาย เหตุใดจึงไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจนว่าควรให้รอกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดความกระจ่างก่อนจะบอกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่กลับบอกว่าถ้าปรับปรุงแล้วก็เปิดได้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณจะให้ดำเนินการต่อใช่หรือไม่? ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจของประชาชนต่อการก่อสร้างโดยเหล็กใช่หรือไม่
.
ประการสุดท้าย ช่วงเวลาที่น่าสงสัยคือการถอนอายัดอยู่ในช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล นายธนกรจะบอกว่าไม่เกี่ยวก็พูดได้ แต่หลังรับตำแหน่งนายธนกรได้มีการเรียกตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอะไรเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่ไขข้อสงสัยต่อสังคมบ้าง ตนเองหาก็ไม่ค่อยเจอ นายธนกรเลือกเงียบจนข่าวหลุดออกมาว่ามีการถอนอายัดไปแล้ว ค่อยมาอ้อมๆ แอ้มๆ ตอบแบบนี้
.
ถ้านายธนกรไม่สามารถตอบข้อสงสัยต่อสังคมได้ การที่เข้ามาแล้วทิศทางการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมเปลี่ยนไป ประเด็นที่เป็นข่าวว่า มีการลงขันจะเอารัฐมนตรีคนเดิมออกให้ได้เพราะไปตรวจสอบมากๆ กลับปรากฏข่าวว่าพอรัฐมนตรีใหม่มา ก็มีโรงงานได้เหล็กที่อายัดไปคืนทันทีและไม่มีการดำเนินการอะไรโดยรัฐมนตรีคนใหม่ ประชาชนเขาก็จะตั้งคำถามว่าคุณมาทำแบบนี้เพราะอะไรกันแน่?
.
.
ปวินชี้ ข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาของทรัมป์ แค่เลื่อนเวลาความขัดแย้ง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5426513
.
ปวินชี้ ข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาของทรัมป์ แค่เลื่อนเวลาความขัดแย้ง
.
เว็บไซต์ไทม์ นำเสนอรายงานเรื่อง “สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพฉบับใหม่ ที่ทรัมป์ต้องการเป็นคนกลาง” ก่อนการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียครั้งแรกหลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ของเขาในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
.
ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ แทบไม่เคยแสดงความสนใจต่ออาเซียน หรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากนัก อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลของเขาพยายามต่อสู้กับอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ ทรัมป์ก็กำลังวางแผนจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนประจำปีที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 อย่างไรก็ดี เป้าหมายที่แท้จริงของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับศิลปะชั้นสูงของการทูตพหุภาคี ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐผู้นี้ไม่ค่อยให้ความสนใจนัก แต่กลับเกี่ยวข้องกับการร้องเอาเครดิตจากข้อตกลงสันติภาพอีกฉบับหนึ่งมากกว่า อันแท้จริงแล้ว ข้อตกลงซึ่งถูกเรียกว่า “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” อาจเป็นเหตุผลเดียวที่ทรัมป์เดินทางมาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ตามรายงานของ Politico เมื่อต้นเดือนนี้
.
ทรัมป์ได้รวมเอาความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นในเดือนพฤษภาคมระหว่างไทยและกัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านสองประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งสหรัฐช่วยเป็นคนกลางในการหยุดยิงเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยอาศัยความสัมพันธ์ทางการค้า ไว้ในรายชื่อของสงครามที่เขาอ้างว่าได้ “ยุติ” ลงทั่วโลก ซึ่งรวมถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส อิสราเอลกับอิหร่าน ปากีสถานกับอินเดีย รวันดากับคองโก อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน และจากสมัยดำรงตำแหน่งครั้งแรกของเขา ได้แก่ อียิปต์กับเอธิโอเปีย รวมถึงเซอร์เบียกับโคโซโวด้วย
.
แม้ว่าบางความขัดแย้งในรายชื่อข้างต้นจะมีข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้นจริง แต่หลายกรณีก็ยังคงมีความตึงเครียดที่ยังไม่คลี่คลาย และอาจมีความรุนแรงปะทุขึ้นเป็นระยะ รวมถึงกรณีไทย–กัมพูชาด้วย ทรัมป์ได้อ้างถึงข้อตกลงสันติภาพที่มีทั้งความสำเร็จที่แท้จริงและการโอ้อวดเกินจริง เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเขาในฐานะ “ประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ” ทรัมป์ได้รณรงค์อย่างหนักเพื่อผลักดันตนเองให้ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งถูกมอบให้แก่ มาเรีย โครีนา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาเมื่อต้นเดือนนี้แทน แต่ก็มีผู้นำหลายประเทศ รวมถึงกัมพูชา ที่เสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีหน้า ซึ่งถูกมองว่าเป็นกลยุทธของ “การทูตแบบประจบเอาใจ”
.
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ข้อตกลงสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยจะเป็นความสำเร็จที่แท้จริง หรือเป็นเพียงการกล่าวอ้างเกินจริงนั้นยังคงต้องติดตามต่อไป และยังมีคำถามเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของทรัมป์ที่มีต่อข้อตกลงนี้ หลังจากผ่านช่วงเวลาของการถ่ายรูปเพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านพ้นไปแล้ว
มาร์ก เอส. โคแกน รองศาสตราจารย์ด้านสันติภาพและความขัดแย้ง มหาวิทยาลัยคันไซกะอิได เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์ ว่า มันต้องอาศัยแรงกดดันทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง สหรัฐจะเลิกสนใจมันหรือไม่ จะยังคงใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาต่อไปหลังจากที่ทรัมป์ได้ลงนามในข้อตกลงนี้แล้วหรือไม่? หรือเขาจะหันความสนใจไปเรื่องอื่น?
.
“คุณคิดหรือว่าสหรัฐจะให้ความสนใจอย่างลึกซึ้งกับข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องเล็กน้อย มันอยู่ในระดับเดียวกับความขัดแย้งอื่นๆ หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ มันฝังรากลึกและร้อนแรงไหม? ใช่อย่างแน่นอน แต่มันส่งผลกระทบต่อสหรัฐมากน้อยแค่ไหน? ก็ไม่มากนัก แล้วทรัมป์ได้อะไรจากมัน?” โคแกนกล่าว
.
โคแกนกล่าวว่า ความสำเร็จของข้อตกลงนี้ขึ้นอยู่กับการติดตามตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตาม และแน่นอนว่าจะมี “บททดสอบความทนทาน” ของข้อตกลงหยุดยิง ที่แต่ละฝ่ายจะกล่าวหากันว่าเป็นฝ่ายละเมิดการหยุดยิง การบังคับใช้ให้เป็นไปตามข้อตกลง แม้ว่าในทางทฤษฎีสหรัฐมีทั้งศักยภาพและความน่าเชื่อถือที่จะทำได้ แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่อีกมาก
.
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ นักวิชาการชาวไทย ศาสตราจารย์ประจำศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์กับไทม์ว่า การที่ทรัมป์เข้ามามีบทบาทในความพยายามสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้ดูเหมือนจะเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แรงกดดันจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต่อการบังคับใช้ข้อตกลงนี้ น่าจะหมดไปทันทีหลังพิธีลงนามสิ้นสุดลง
.
แม้แต่กัมพูชาซึ่งต้องการข้อตกลงเกิด ก็ยังได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึง ข้อจำกัดที่จะยอมรับได้ นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา เขียนเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ว่า ข้อตกลงนี้เป็นการกำหนดเงื่อนไขและหลักปฏิบัติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการยุติความขัดแย้งและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่ฮุน มาเนตได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ทั้งการหยุดยิงครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม และข้อตกลงฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมสละสิทธิทางกฎหมายในการควบคุมดินแดนที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของตน
.
ปวินกล่าวว่า ความยั่งยืนของข้อตกลงฉบับนี้ยังเป็นที่น่าสงสัย เพราะมันไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องพรมแดนที่เกี่ยวกับดินแดนและแผนที่ทางประวัติศาสตร์ได้ มันจึงเป็นเพียงการเลื่อนเวลาของความขัดแย้งนั้นออกไปเท่านั้น
.
.
ปีนี้หมีดุ ญี่ปุ่นทุบสถิติ หมีทำร้ายคนตายอีก 1 รวมเป็น 10 ราย
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2891194
.
หมีญี่ปุ่นอาละวาดหนัก ทำร้ายคนดับอีก 1 ศพ รวมแล้ว 10 ศพ ทุบสถิติหมีทำร้ายคนรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ จากปีที่แล้วอยู่ที่ 9 ศพใน 1 ปี คาดโลกร้อนส่งผลต่อแหล่งอาหารในป่า
.
ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับ ปีที่มีเหตุหมีทำร้ายคนรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังเกิดเหตุโจมตีซ้ำอีกเมื่อวันศุกร์ (24 ต.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน และบาดเจ็บรวม 4 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากหมีในปีนี้เพิ่มเป็น อย่างน้อย 10 ศพ ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่เคยสูงสุด 9 รายต่อปี
.
เหตุล่าสุดเกิดขึ้นใน หมู่บ้านบนภูเขาในจังหวัดอากิตะ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีหมีเข้าทำร้ายชาวบ้าน 4 คน โดยในจำนวนนี้ มี 1 คนเสียชีวิต และอีก 3 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้บาดเจ็บ 2 รายกำลังทำงานอยู่ในไร่ ส่วนอีก 2 รายถูกหมีทำร้ายระหว่างเข้าไปช่วย
.
ต่อมามีรายงานว่าพรานท้องถิ่นยิงหมีได้ในบริเวณใกล้เคียง และเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าหมีตัวดังกล่าวคือหมีตัวที่ก่อเหตุหรือไม่
ในวันเดียวกัน ยังมีเหตุ หญิงวัย 70 ปีถูกหมีทำร้าย ในจังหวัดโทยามะ ทางตอนกลางของประเทศ แต่รอดชีวิตด้วยอาการบาดเจ็บ
.
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมคนใหม่ของญี่ปุ่นได้ประกาศว่าจะดำเนินมาตรการเข้มข้นมากขึ้น โดยเรียกสถานการณ์นี้ว่าเป็นปัญหาร้ายแรงระดับประเทศ พร้อมระบุว่าจะเพิ่มการฝึกอบรมและสนับสนุนพรานของรัฐ รวมถึงจัดการจำนวนประชากรหมีอย่างเป็นระบบ
.
หนึ่งในเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คือกรณีชายวัย 60 ปีในจังหวัดอิวาเตะ ที่ถูกหมีทำร้ายเสียชีวิตขณะทำความสะอาดบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม
JJNY : “สส.ชุติพงศ์”ชี้ธนกรตอบไม่ชัด│ปวินชี้ข้อตกลงแค่เลื่อนเวลา│ปีนี้หมีดุ ญี่ปุ่นทุบสถิติ│เตือน 11จว.ใต้ เสี่ยงฝนหนัก
.
ปวินชี้ ข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาของทรัมป์ แค่เลื่อนเวลาความขัดแย้ง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5426513
.
.
.