(๔) ข้อต่อไปก็คือ พระพุทธเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาสูงสุดในหมู่มนุษย์ และเป็นสุดยอดอัจฉริยะในด้านการคิด
ดังนั้นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน จะต้องเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิตเท่านั้น
(ยอมรับข้อนี้หรือไม่? ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ผ่านเพราะไม่ยอมรับความจริง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วิธีการค้นหาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า
มนุษย์นั้นเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้ว่า ชีวิตคืออะไร? เมื่อไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร? จึงไม่รู้ว่า ชีวิตเกิดมาทำไม? และอะไรคือสิ่งสูงสุดที่ชีวิตควรได้รับ? ซึ่งตามหลักของพุทธศาสนานั้น การศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจและเห็นแจ้งว่าชีวิตคืออะไร?นั้น จะต้องใช้สมาธิ (ความตั้งใจ) มากในการอ่าน ที่สำคัญจะต้องไม่มีอคติ (ความลำเอียง) และต้องปล่อยวางความเชื่อที่มีอยู่ในเรื่องศาสนา (แม้ของพุทธศาสนาเองด้วย) และชีวิต (คือจากการอ่านจากตำราหรือฟังจากคนอื่น หรือแม้จากการคิดขึ้นมาเองก็ตาม) ทั้งหมดลงก่อน (แม้เพียงชั่วคราว) แล้วค่อยๆพิจารณาโดยใช้เหตุผลและความจริง จากจิตใจของเราเองในปัจจุบันมาพิจารณาไปตามลำดับ ก็จะทำให้ค้นพบได้ว่าชีวิตคืออะไร? รวมทั้งค้นพบว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร? ด้วยสติปัญญาของเราเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อจากใครๆหรือจากตำราใดๆทั้งสิ้น ซึ่งลำดับขั้นในการศึกษานั้นก็มีดังนี้
(๑) ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่า สรุปแล้วมนุษย์นั้นเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็อยากได้ความสุข แต่กลัวความทุกข์ (ความกลัวก็คือความไม่อยากได้อย่างรุนแรง) แต่เมื่อได้ความสุขตามที่อยากจะได้แล้ว ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วยเสมอ เพราะมันเป็นของคู่กันตามธรรมชาติ ดังนั้นความทุกข์จึงจัดเป็นภัย (สิ่งที่น่าหวาดกลัว) อันใหญ่หลวงของมนุษย์ทุกคน (ยอมรับข้อนี้หรือไม่? ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ผ่านเพราะไม่ยอมรับความจริง)
(๒) ข้อต่อไปก็คือ ความทุกข์นี้ หมายถึง ความทุกข์ของจิตใจ ที่เกิดจากการที่จิตไปยึดมั่นในร่างกายและจิตใจของเราเอง (ขันธ์ ๕) รวมทั้งสิ่งที่เกี่ยวข้อง (เช่น พ่อ แม่ ลูก เมีย ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นต้น) ว่าเป็น “ตัวเรา ของเรา” ด้วยความรักความพอใจ ซึ่งเมื่อสิ่งที่ได้ยึดมั่นไว้นั้นมันเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมัน คือ ร่างกาย เจ็บ ป่วย พิการ แก่ หรือกำลังจะตาย หรือคนที่เรารักได้จากไป หรือการที่เราต้องอยู่กับคนที่เราไม่รัก หรือการที่เรากำลังผิดหวังอยู่ ก็จะทำให้จิตที่ยึดถือนี้เกิดความเศร้าโศก หรือเสียใจ แห้งเหี่ยวใจ ตรอมใจ คับแค้นใจ เป็นต้น ขึ้นมาทันที ซึ่งนี่คือความทุกข์ที่เป็นภัยอันใหญ่หลวงของมนุษย์ ส่วนความทรมานของร่างกาย (เช่น ความเจ็บ-ปวด หิว กระหาย หนัก-เหนื่อย เป็นต้น) นั้น ไม่ใช่ความทุกข์ที่จัดว่าเป็นภัยอันใหญ่หลวง เพราะถ้าเราไม่มีความยึดมั่นว่าเป็นร่างกายของเราเสียแล้ว ความทรมานของร่างกายนี้ก็ไม่เป็นปัญหา คือไม่ทำให้จิตใจเป็นทุกข์ที่รุนแรง (ยอมรับข้อนี้หรือไม่? ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ผ่านเพราะไม่ยอมรับความจริง)
(๓) ข้อต่อไปก็คือ สรุปแล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิตก็คือ ความไม่มีทุกข์ (หรือความหลุดพ้นจากภัยอันใหญ่หลวง) ส่วนความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของชีวิต เพราะความพอใจในความสุขนั่นเองจะนำความทุกข์มาให้ด้วยเสมอ ดังนั้นความสุขแม้จะประณีตและมากมายสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิต (ยอมรับข้อนี้หรือไม่? ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ผ่านเพราะไม่ยอมรับความจริง)
ยอมรับหรือไม่ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน จะต้องเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิตเท่านั้น?
ดังนั้นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน จะต้องเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิตเท่านั้น
(ยอมรับข้อนี้หรือไม่? ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ผ่านเพราะไม่ยอมรับความจริง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้