“เมื่อพูดถึงประเทศพม่า ทุกคนจะนึกถึงอะไรกัน???”
ส่วนตัวผม นึกถึง ออง ซาน ซู จี, รองจี, หมาก, ทานาคา แต่ผมว่ามีคนไม่น้อยเลยที่จะคิดถึงความล้าหลัง ความไม่ปลอดภัยภายในประเทศพม่า และความสกปรกทั้งบนท้องถนน อาหาร และนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนกลัวที่จะออกเดินทางไปในประเทศที่เต็มไปด้วย วัฒนธรรมที่หลากหลาย และอุดมด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ และต่อจากนี้ผมจะขอแชร์เรื่องราวดีๆ ที่ได้พบระหว่างการเดินทางในประเทศพม่า และหวังว่าจะสามารถทำให้ใครหลายๆ คนเข้าใจพม่ามากขึ้น
ทริปนี้ผมได้วางแผนจองตั๋วไว้ตั้งแต่ พฤศจิกายน 2557 โดยการจองตั๋วโปรฯ 0 บาท ของทางหางแดงไว้ เส้นทางไป-กลับ ดอนเมือง-ย่างกุ้ง เดินทางวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2558 (ซื้อข้ามปีกันเลย) แต่แล้วก็เปลี่ยนวันเวลาเดินทางหลังจากที่ผมลาออกจากงาน ก็มานั่งดูเส้นทางว่าจะไปที่ไหนบ้าง และได้ซื้อตั๋วไปลงที่ มัณฑเลย์ แทนส่วนขากลับก็ใช้ตั๋วเดิมกลับทางย่างกุ้ง โดยเดินทางวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 พอได้ตั๋วแล้วก็วางแผนเส้นทางเลย
ค่าตั๋วเครื่องบิน :
ดอนเมือง – มัณฑเลย์ 1,480 บาท
ย่างกุ้ง – ดอนเมือง 1,380 บาท (ราคาหลังจาก refund)
รวม 2,860 บาท
และก็จองโฮสเทล โฮสเทลที่จองไว้ก็มีดังนี้ครับ
1. มัณฑเลย์ พักที่ Ace Star BnB Backpacker Hostel 2 คืน ราคา 870.48 บาท
2. พิณณอูวิณ พักที่ Royal Flower Guest House 1 คืน ราคา 15$
3. สีป้อ พักที่ Red Dragon Hotel 1 คืน 259.98 บาท
4. ตองยี ที่พักฟรี (อ่านเรื่องราวได้ที่ ตอน ฉันรักรัฐฉาน)
5. พุกาม พักที่ Ostello Bello Bagan Hostel 2 คืน 1305.78 บาท
6. ย่างกุ้ง พักที่ Sleep in Hostel 1 คืน 336.99 บาท
(ตามแพลนเดิมนั้น วันที่ 21-22 พ.ย. นั้นไม่มีโปรแกรมว่าจะไปไหนกะว่า ถ้าเมืองสีป้อสวยถูกใจก็จะอยู่ต่อ แต่สุดท้าย เมืองตองจีก็เข้ามาอยู่ในโปรแกรม)
Day 1
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558
เมื่อทำการเช็คอินที่สนามบินเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องระหว่างที่นั่งรถ Shuttle bus ของทางสายการบินเพื่อไปขึ้นเครื่องนั้นก็ได้คุยกับชาวพม่าที่อยู่เมืองตองยี ชื่อ พี่ติ๊กกี้ เขามาเที่ยวที่เมืองไทยบ่อยและสามารถพูดไทยได้ พี่ติ๊กกี้ได้แนะนำว่า ช่วงนี้ที่เมืองตองยี นั้นจะมีเทศกาล Balloon Festival เป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุด จะมีผู้คนจากต่างเมืองมางานนี้ ตอนนั้นก็คิดว่า Balloon Festival คงจะเป็น Balloon ที่ให้คนขึ้นไปนั่งได้อะไรประมาณนั้น เออออน่าสนุกดี นึกภาพคงเหมือนที่พุกาม พี่ติ๊กกี้บอกว่าถ้าไปก็ให้โทรหาเขาได้เลย เดี๋ยวเขาจะพาเที่ยว เราก็เห้ยอะไรจะใจดีขนาดน้านนนนนนนนน พี่ติ๊กกี้ก็ให้เบอร์เขาที่พม่าไว้ และเมื่อเครื่องถึงที่ เมืองมัณฑเลย์ ก็ทำการแลกเงิน และซื้อSim card ทันทีแลกเงินไป 200$ ค่าเงิน ณ วันที่แลกได้อยู่ที่ 1$ : 1279K รวยมากกกกกมีเงินตั้ง 255,800K
Sim Card ตอนนี้ในพม่ามีหลายค่ายให้เลือกเลย ส่วนตัวผมนั้นเลือกค่าย Telenor ราคา Sim Card อยู่ที่ 2,500K และเติมเงินเพื่อซื้อแพ็คเกจ Internet อีก 10,000K ทางพนักงานก็ดำเนินการให้ ซื้อแพ็คเกจอินเตอร์เน็ต 1.5GB ราคา 6,600K หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถShutter Bus ที่ทางสายการบินมีบริการให้ไปส่งในตัวเมือง
เนื่องจาก ระยะทางจากสนามบิน ไปตัวเมืองมัณฑเลย์นั้นห่างกันประมาณ 25km. ใฃ้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีระหว่างทาบงบนรถก็จะมีพนักงานมานำเสนอ โปรแกรมทัวร์ต่างๆ จุดที่รถShuttle bus จะจอดส่งคือ บริเวณด้านหน้าพระราชวังมัณฑเลย์ พอลงรถมาก็จะมี เหล่า Taxi และวินมอไซต์ มาถามว่าต้องการใช้บริการไหม ส่วนตัวผมเดินเอาครับ เพราคิดว่ามันใกล้กับที่พัก แต่ที่ไหนได้ ไกลมากกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ ที่พักในเมือง มัณฑเลย์ผมเลือกพักที่ Ace Star BNB Backpacker Hostel
"เจอ"
และที่นี่เอง ที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มาแชร์ค่ารถไปเที่ยว ฮ่าๆๆๆๆๆ ตอนเช็คอินก็ได้ เจอกับพี่เอ็กซ์ ที่มาจากเมืองไทย กำลังนั่งคุยกับ ไมค์ มาจาก อเมริกา เราก็ร่วมแจมบทสนทนาเล็กน้อยและขอตัวขึ้นไป เอาสัมภาระเก็บ พอลงมาก็พูดคุยทำความรู้จักกันต่อ และเราก็ได้บอกแพลนที่เราจะไปแชร์สถานที่ท่องเที่ยวให้ ไมค์ กับพี่เอ็กซ์ แต่ด้วยที่พี่เอ็กซ์ จะเดินทางกลับย่างกุ้งในคืนนี้แล้ว ก็เลยมีเพียงไมค์เท่านั้น วันนั้นแพลนไมค์ ตอนเย็นจะไปดูพระอาทิตย์ ตกที่สะพานอูเบ็ง เราก็โอเคตกลงตามไปด้วย แต่ก่อนไปขอไปกินข้าวก่อน ร้านที่พนักงานแนะนำคือ ร้านอาหารภายใกล้ๆ แนะนำว่าอาหารอร่อย และพอไปถึงก็มีวัยรุ่นพม่ามา แวะเวียนมากินอย่างไม่ขาดสาย แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่อร่อยที่สุดในร้านคือ Coke กระป๋อง ฮ่าๆๆๆๆ มือนั้นด้วยความหิวมาก ตอนสั่งเราสั่ง ไป 2 เมนู ไมค์ สั่งไป 3 เมนู ฮ่าๆๆๆๆ รสชาติไม่ผ่านซักเมนู

(ถ่ายมาแค่เมนูเดียวเพราะกินไม่อร่อยเลย ที่เหลือเลยไม่อยากถ่าย ฮ่าๆๆๆๆ)
หลังจากนั้นก็เดินกันออกมาหารถ 2 แถวไปกัน ต่อรองราคาได้คนละ 5000K

ทุกแยกรถติด และบีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว

ระหว่างทางรถจะจอด จอดแบบ อยากจอดก็จะจอดอ่ะทำไมหรอ ฮ่าๆๆๆ อินดี้มากกก พอจอดก็จะมี แม้ค้ามาขายของ
และนี่ป้าก็จะขายให้ได้ เราเลยยอกมือถือถ่ายป้าแก สบัดหนีไปเลย เลยได้ทริคการจัดการเหล่าแม่ค้าแล้ว ถ่ายรูปเลย หนีทุกราย
พอถึงที่ไมค์จ่ายค่ารถให้และบอกว่า เพราะพาไปกินอาหารไม่อร่อย ฮ่าๆๆๆ รถมาจอดข้างทาง และต้องเดินระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกเป็นระยะ หรือกลัวหลงก็ถามทางกับชาวบ้านได้ตลอดทาง เมื่อมาถึงสะพานอูเบ็ง โอ้โห้!!!!!!!!!!! พระเจ้ากรุ๊ปทัวร์เยอะมากกกกกกก ก็หาจุดถ่ายรูปกัน แต่ด้วยที่วันนั้นอยู่ๆเมฆก็ครึ้มมาซ่ะงั้นแสงไม่สวยเลย ก็เลยไม่ค่อยได้ภาพที่ประทับใจเท่าไหร่



หลังจากที่ ถ่ายรูปกันไป จนประมาณ 2ทุ่มเราก็เดินหารถกลับกันซึ้งไม่มีเลย แต่บุญนำพา มีชาวไตหวันที่มาทำงานที่พม่า และมีแฟนสาวเป็นชาวพม่า บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปส่งใกล้ๆตัวเมืองทางที่เขาผ่าน หุหุหุหุหุ โชคดีมากๆครับ เราและไมค์ก็นั่งรถไป และไปส่งกลางทาง ก็หาต่อรถกันต่อจนกลับโรงแรมได้ ฮ่าๆๆๆ พอถึงโฮสเทลเราก็ชวนไมค์ออกไปหา เบียรื่มกัน และก็เดินไปตามทางที่พนักงาน แนะนำว่าดี(อีกแล้ว) ร้านแรกไปนั่งกินร้านที่ มีชาวพม่านั่งกินกันเต็มเลย สั่งเบียร์มา 1ขวด และคนพม่าแนะนำว่า ให้กินเบียร์ผสมบรั่นดีมันเยี่ยมมาก แต่ดูท่าแล้วไม่เอาดีกว่า ขอเบียร์พม่าอย่างเดียวก็พอ เบียร์พม่าจะมีให้ลุ้นใต้ฝามูลค่า 200K, 500K และ ขอบคุณ ฮ่าๆๆๆๆๆ ขวดแรกเราได้ ขอบคุณ พอกินหมดขวดแรก เรากับไมค์ก็ย้ายไปอีกร้านที่ใหญ่กว่า ดูสะอาดกว่า แต่พอไปถึงไม่มีโต๊ะนั่ง เลยบอกพนักงานว่า ขอแชร์โต๊ะใครก็ได้ พนักงานก็พาไปนั่งโต๊ะ Kor bwor เป็นชาวพม่า ทำงานธนาคารในเมือง มัณฑเลย์ ก็ได้คุยกันทำความรู้จักกัน และกินเบียร์ไปอีก 2 ขวดได้มั้ง พอเรียกเก็บเงิน Kor bwor ก็ขอเป็นเจ้ามือจ่ายให้เอง และจะพาขี่มอไซต์ไปส่งที่โฮสเทล ซึ้ง ณ เวลานั้นเรากับไมค์มองหน้ากันและใจตรงกันว่าไม่เป็นไรเดินไปโอเคกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ Kor bwor ก็ไม่ยอมดึงดันที่จะไปส่งให้ได้ Kor Bwor ก็เดินจูงมอไซต์ไปส่งจนถึง โฮสเทล เราก็ได้นัดกับ Kor Bwor ว่าพรุ่งนี้มาเจอกันที่ร้านเดิม และเรากับไมค์ จะเป็นคนเลี้ยงคืน และก็ล่ำลากันไป เราได้นัดหมายกับไมค์ พรุ่งนี้ เวลา ตี3 จะไปดูพิธีล้างหน้าพระมหามัยมุณี
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 1
[CR] "Lost in Myanmar" ไม่ H i p s t e r ไม่ S l o w L i f e
ส่วนตัวผม นึกถึง ออง ซาน ซู จี, รองจี, หมาก, ทานาคา แต่ผมว่ามีคนไม่น้อยเลยที่จะคิดถึงความล้าหลัง ความไม่ปลอดภัยภายในประเทศพม่า และความสกปรกทั้งบนท้องถนน อาหาร และนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนกลัวที่จะออกเดินทางไปในประเทศที่เต็มไปด้วย วัฒนธรรมที่หลากหลาย และอุดมด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ และต่อจากนี้ผมจะขอแชร์เรื่องราวดีๆ ที่ได้พบระหว่างการเดินทางในประเทศพม่า และหวังว่าจะสามารถทำให้ใครหลายๆ คนเข้าใจพม่ามากขึ้น
ทริปนี้ผมได้วางแผนจองตั๋วไว้ตั้งแต่ พฤศจิกายน 2557 โดยการจองตั๋วโปรฯ 0 บาท ของทางหางแดงไว้ เส้นทางไป-กลับ ดอนเมือง-ย่างกุ้ง เดินทางวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2558 (ซื้อข้ามปีกันเลย) แต่แล้วก็เปลี่ยนวันเวลาเดินทางหลังจากที่ผมลาออกจากงาน ก็มานั่งดูเส้นทางว่าจะไปที่ไหนบ้าง และได้ซื้อตั๋วไปลงที่ มัณฑเลย์ แทนส่วนขากลับก็ใช้ตั๋วเดิมกลับทางย่างกุ้ง โดยเดินทางวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 พอได้ตั๋วแล้วก็วางแผนเส้นทางเลย
ค่าตั๋วเครื่องบิน :
ดอนเมือง – มัณฑเลย์ 1,480 บาท
ย่างกุ้ง – ดอนเมือง 1,380 บาท (ราคาหลังจาก refund)
รวม 2,860 บาท
และก็จองโฮสเทล โฮสเทลที่จองไว้ก็มีดังนี้ครับ
1. มัณฑเลย์ พักที่ Ace Star BnB Backpacker Hostel 2 คืน ราคา 870.48 บาท
2. พิณณอูวิณ พักที่ Royal Flower Guest House 1 คืน ราคา 15$
3. สีป้อ พักที่ Red Dragon Hotel 1 คืน 259.98 บาท
4. ตองยี ที่พักฟรี (อ่านเรื่องราวได้ที่ ตอน ฉันรักรัฐฉาน)
5. พุกาม พักที่ Ostello Bello Bagan Hostel 2 คืน 1305.78 บาท
6. ย่างกุ้ง พักที่ Sleep in Hostel 1 คืน 336.99 บาท
(ตามแพลนเดิมนั้น วันที่ 21-22 พ.ย. นั้นไม่มีโปรแกรมว่าจะไปไหนกะว่า ถ้าเมืองสีป้อสวยถูกใจก็จะอยู่ต่อ แต่สุดท้าย เมืองตองจีก็เข้ามาอยู่ในโปรแกรม)
Day 1
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558
เมื่อทำการเช็คอินที่สนามบินเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องระหว่างที่นั่งรถ Shuttle bus ของทางสายการบินเพื่อไปขึ้นเครื่องนั้นก็ได้คุยกับชาวพม่าที่อยู่เมืองตองยี ชื่อ พี่ติ๊กกี้ เขามาเที่ยวที่เมืองไทยบ่อยและสามารถพูดไทยได้ พี่ติ๊กกี้ได้แนะนำว่า ช่วงนี้ที่เมืองตองยี นั้นจะมีเทศกาล Balloon Festival เป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุด จะมีผู้คนจากต่างเมืองมางานนี้ ตอนนั้นก็คิดว่า Balloon Festival คงจะเป็น Balloon ที่ให้คนขึ้นไปนั่งได้อะไรประมาณนั้น เออออน่าสนุกดี นึกภาพคงเหมือนที่พุกาม พี่ติ๊กกี้บอกว่าถ้าไปก็ให้โทรหาเขาได้เลย เดี๋ยวเขาจะพาเที่ยว เราก็เห้ยอะไรจะใจดีขนาดน้านนนนนนนนน พี่ติ๊กกี้ก็ให้เบอร์เขาที่พม่าไว้ และเมื่อเครื่องถึงที่ เมืองมัณฑเลย์ ก็ทำการแลกเงิน และซื้อSim card ทันทีแลกเงินไป 200$ ค่าเงิน ณ วันที่แลกได้อยู่ที่ 1$ : 1279K รวยมากกกกกมีเงินตั้ง 255,800K
Sim Card ตอนนี้ในพม่ามีหลายค่ายให้เลือกเลย ส่วนตัวผมนั้นเลือกค่าย Telenor ราคา Sim Card อยู่ที่ 2,500K และเติมเงินเพื่อซื้อแพ็คเกจ Internet อีก 10,000K ทางพนักงานก็ดำเนินการให้ ซื้อแพ็คเกจอินเตอร์เน็ต 1.5GB ราคา 6,600K หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถShutter Bus ที่ทางสายการบินมีบริการให้ไปส่งในตัวเมือง
เนื่องจาก ระยะทางจากสนามบิน ไปตัวเมืองมัณฑเลย์นั้นห่างกันประมาณ 25km. ใฃ้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีระหว่างทาบงบนรถก็จะมีพนักงานมานำเสนอ โปรแกรมทัวร์ต่างๆ จุดที่รถShuttle bus จะจอดส่งคือ บริเวณด้านหน้าพระราชวังมัณฑเลย์ พอลงรถมาก็จะมี เหล่า Taxi และวินมอไซต์ มาถามว่าต้องการใช้บริการไหม ส่วนตัวผมเดินเอาครับ เพราคิดว่ามันใกล้กับที่พัก แต่ที่ไหนได้ ไกลมากกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ ที่พักในเมือง มัณฑเลย์ผมเลือกพักที่ Ace Star BNB Backpacker Hostel
และที่นี่เอง ที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มาแชร์ค่ารถไปเที่ยว ฮ่าๆๆๆๆๆ ตอนเช็คอินก็ได้ เจอกับพี่เอ็กซ์ ที่มาจากเมืองไทย กำลังนั่งคุยกับ ไมค์ มาจาก อเมริกา เราก็ร่วมแจมบทสนทนาเล็กน้อยและขอตัวขึ้นไป เอาสัมภาระเก็บ พอลงมาก็พูดคุยทำความรู้จักกันต่อ และเราก็ได้บอกแพลนที่เราจะไปแชร์สถานที่ท่องเที่ยวให้ ไมค์ กับพี่เอ็กซ์ แต่ด้วยที่พี่เอ็กซ์ จะเดินทางกลับย่างกุ้งในคืนนี้แล้ว ก็เลยมีเพียงไมค์เท่านั้น วันนั้นแพลนไมค์ ตอนเย็นจะไปดูพระอาทิตย์ ตกที่สะพานอูเบ็ง เราก็โอเคตกลงตามไปด้วย แต่ก่อนไปขอไปกินข้าวก่อน ร้านที่พนักงานแนะนำคือ ร้านอาหารภายใกล้ๆ แนะนำว่าอาหารอร่อย และพอไปถึงก็มีวัยรุ่นพม่ามา แวะเวียนมากินอย่างไม่ขาดสาย แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่อร่อยที่สุดในร้านคือ Coke กระป๋อง ฮ่าๆๆๆๆ มือนั้นด้วยความหิวมาก ตอนสั่งเราสั่ง ไป 2 เมนู ไมค์ สั่งไป 3 เมนู ฮ่าๆๆๆๆ รสชาติไม่ผ่านซักเมนู
(ถ่ายมาแค่เมนูเดียวเพราะกินไม่อร่อยเลย ที่เหลือเลยไม่อยากถ่าย ฮ่าๆๆๆๆ)
หลังจากนั้นก็เดินกันออกมาหารถ 2 แถวไปกัน ต่อรองราคาได้คนละ 5000K
ทุกแยกรถติด และบีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว
ระหว่างทางรถจะจอด จอดแบบ อยากจอดก็จะจอดอ่ะทำไมหรอ ฮ่าๆๆๆ อินดี้มากกก พอจอดก็จะมี แม้ค้ามาขายของ
และนี่ป้าก็จะขายให้ได้ เราเลยยอกมือถือถ่ายป้าแก สบัดหนีไปเลย เลยได้ทริคการจัดการเหล่าแม่ค้าแล้ว ถ่ายรูปเลย หนีทุกราย
พอถึงที่ไมค์จ่ายค่ารถให้และบอกว่า เพราะพาไปกินอาหารไม่อร่อย ฮ่าๆๆๆ รถมาจอดข้างทาง และต้องเดินระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกเป็นระยะ หรือกลัวหลงก็ถามทางกับชาวบ้านได้ตลอดทาง เมื่อมาถึงสะพานอูเบ็ง โอ้โห้!!!!!!!!!!! พระเจ้ากรุ๊ปทัวร์เยอะมากกกกกกก ก็หาจุดถ่ายรูปกัน แต่ด้วยที่วันนั้นอยู่ๆเมฆก็ครึ้มมาซ่ะงั้นแสงไม่สวยเลย ก็เลยไม่ค่อยได้ภาพที่ประทับใจเท่าไหร่
หลังจากที่ ถ่ายรูปกันไป จนประมาณ 2ทุ่มเราก็เดินหารถกลับกันซึ้งไม่มีเลย แต่บุญนำพา มีชาวไตหวันที่มาทำงานที่พม่า และมีแฟนสาวเป็นชาวพม่า บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปส่งใกล้ๆตัวเมืองทางที่เขาผ่าน หุหุหุหุหุ โชคดีมากๆครับ เราและไมค์ก็นั่งรถไป และไปส่งกลางทาง ก็หาต่อรถกันต่อจนกลับโรงแรมได้ ฮ่าๆๆๆ พอถึงโฮสเทลเราก็ชวนไมค์ออกไปหา เบียรื่มกัน และก็เดินไปตามทางที่พนักงาน แนะนำว่าดี(อีกแล้ว) ร้านแรกไปนั่งกินร้านที่ มีชาวพม่านั่งกินกันเต็มเลย สั่งเบียร์มา 1ขวด และคนพม่าแนะนำว่า ให้กินเบียร์ผสมบรั่นดีมันเยี่ยมมาก แต่ดูท่าแล้วไม่เอาดีกว่า ขอเบียร์พม่าอย่างเดียวก็พอ เบียร์พม่าจะมีให้ลุ้นใต้ฝามูลค่า 200K, 500K และ ขอบคุณ ฮ่าๆๆๆๆๆ ขวดแรกเราได้ ขอบคุณ พอกินหมดขวดแรก เรากับไมค์ก็ย้ายไปอีกร้านที่ใหญ่กว่า ดูสะอาดกว่า แต่พอไปถึงไม่มีโต๊ะนั่ง เลยบอกพนักงานว่า ขอแชร์โต๊ะใครก็ได้ พนักงานก็พาไปนั่งโต๊ะ Kor bwor เป็นชาวพม่า ทำงานธนาคารในเมือง มัณฑเลย์ ก็ได้คุยกันทำความรู้จักกัน และกินเบียร์ไปอีก 2 ขวดได้มั้ง พอเรียกเก็บเงิน Kor bwor ก็ขอเป็นเจ้ามือจ่ายให้เอง และจะพาขี่มอไซต์ไปส่งที่โฮสเทล ซึ้ง ณ เวลานั้นเรากับไมค์มองหน้ากันและใจตรงกันว่าไม่เป็นไรเดินไปโอเคกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ Kor bwor ก็ไม่ยอมดึงดันที่จะไปส่งให้ได้ Kor Bwor ก็เดินจูงมอไซต์ไปส่งจนถึง โฮสเทล เราก็ได้นัดกับ Kor Bwor ว่าพรุ่งนี้มาเจอกันที่ร้านเดิม และเรากับไมค์ จะเป็นคนเลี้ยงคืน และก็ล่ำลากันไป เราได้นัดหมายกับไมค์ พรุ่งนี้ เวลา ตี3 จะไปดูพิธีล้างหน้าพระมหามัยมุณี
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 1