ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น กลุ่มคาราวานเพื่อนร่วมใจ
หากใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานประจำคงเข้าใจถึงความรู้สึกโหยหาและรอคอยช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันได้เป็นอย่างดี เพราะนั่นหมายถึงวันที่จะได้รับอิสรภาพทางเวลาอย่างเที่ยงธรรม สามารถทำกิจกรรมที่อยากทำได้เต็มที่โดยไม่มีกฎระเบียบของบริษัทมาครอบงำ ซึ่งวันหยุดในปี 2558 ที่ป้าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ คือ ช่วงวันที่ 5 และ 10 ธันวาคม เพราะเป็นวันที่จะได้เดินทางออกจากภูเก็ตเพื่อไปบริจาคของกับกลุ่มเพื่อนๆ ให้กับชาวเขาที่โรงเรียนบ้านใหม่ห้วยหวาย และหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยปูแกงในจังหวัดแม่ฮ่อง แดนดินอันไกลโพ้นทางภาคเหนือของสยามประเทศ
แต่ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง ป้าขอกล่าวถึงที่มาที่ไปของการเริ่มต้นไปบริจาคของ รวมถึงแนะนำเพื่อนบางคนให้ได้รู้จักบ้างพอสังเขป เพื่อที่เวลาพูดถึงแล้วท่านจะได้พอนึกภาพออก เริ่มจากหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบกลางๆ คนหนึ่ง ที่เพื่อนฝูงเรียกว่า "ทูน หรือ ป๋าทูน หรือ พี่ทูน หรือ คุณไพฑูรย์" ขึ้นอยู่กับลำดับความสนิทและช่องห่างระหว่างวัย สำหรับป้าแล้ว ป้าจะเรียกแกว่า "ป๋าทูน" เป็นการเรียกตาม "พัช" ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของป้าและเป็นคนแนะนำป้าให้รู้จักกับป๋าทูนนั่นเอง
ป๋าทูนแกทำมาหากินด้านรับเหมาก่อสร้าง โดยเริ่มต้นจากการรับงานเล็กๆ จนขยายบริษัทรับงานใหญ่โต มีรายได้ดีและฐานะจนมั่นคง กระทั่งวันหนึ่ง ที่แกรู้สึกอิ่มตัวกับธุรกิจของแกอย่างมาก และอยากจะทำสิ่งดีงามให้กับเพื่อนมนุษย์บ้าง แต่ก็ยังไม่สบโอกาสได้ลงมือเสียที จนเมื่อความปราถนานั้นสุกงอมเต็มที่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2546 แกจึงชักชวนเพื่อนฝูงที่สนิทไม่กี่คนช่วยกันนำสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้าทั้งใหม่และเก่าที่ยังสภาพดีใส่รถกระบะสองคัน ขับจากบ้านที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน "บ้านน้ำเพียงดิน" หมู่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญของจังหวัดน่าน ที่นั่นมีจำนวนประชากรไม่มากแต่ทว่ายากจนได้ใจ ไม่มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาเข้าไม่ถึง หน้าหนาวก็หนาวแทบขาดใจ หน้าร้อนก็ร้อนแสนสาหัส
เมื่อการไปบริจาคของในครั้งนั้นประสบผลสำเร็จด้วยดี สร้างความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ป๋าทูนจึงตั้งมั่นทำกิจกรรมนี้ปีละครั้ง แต่ก่อนที่จะนำสิ่งของและเงินไปบริจาคในแต่ละครั้ง ป๋าทูนจะต้องค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมให้ได้ก่อน โดยการหาข้อมูลทางสื่อออนไลน์บ้าง อ่านจากหนังสือบ้าง ดูข่าวเอาบ้าง หรือไม่ก็ได้รับการบอกเล่าต่อมาจากคนรู้จักบ้าง และเมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว แกจะโทรไปสอบถามพูดคุยเบื้องต้นถึงวัตถุประสงค์ในการนำของไปมอบให้ จากนั้นจึงนัดหมายวันที่จะขอเดินทางไปดูสถานที่จริงก่อนถึงวันที่จะนำของไปบริจาค หากไปดูแล้วไม่เป็นดังที่ตั้งใจไว้แกก็จะเปลี่ยนหาสถานที่ใหม่ แกอยากมั่นใจว่าผู้คนหรือชาวบ้านที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น มีความเป็นอยู่ที่ลำบากยากแค้นและขาดแคลนอย่างแท้จริง
พร้อมทั้งผู้ให้และผู้รับ...สุขใจกันทั่วหน้า

วันเวลาผ่านไป จำนวนสมาชิกก็เพิ่มตามทวี จากเพื่อนเพียงไม่กี่คนมาจนถึง ณ ตอนนี้มีมากกว่าหนึ่งร้อยคน มีตั้งแต่พนักงานบริษัทอย่างป้าไปจนถึงเจ้าของบริษัทที่มีธุรกิจใหญ่โตอย่างป๋าทูน, เจ๊อุไร, พี่เล็ก, และเจ๊รา เป็นต้น และจากของบริจาคที่เอาไปในสองปีแรกที่มีเพียงของใช้ เสื้อผ้าและอาหารอย่างละเล็กละน้อยก็ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น หลากหลายชนิดมากขึ้น รวมถึงเริ่มมีการบริจาคทุนการศึกษา เงินสร้างห้องเรียน เงินซ่อมแซมอาคารเรียน และแม้แต่เงินสร้างฝายกันน้ำ
จากที่ป๋าทูนได้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจรวมพลังมุ่งมั่นทำในสิ่งๆ เดียวกันของเหล่าเพื่อนพ้อง นั่นคือ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากยากจน อาศัยอยู่ในแดนดินที่ห่างไกลทุรกันดารบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ แกเลยตั้งชื่อกลุ่มขึ้นมาว่า "คาราวานเพื่อนร่วมใจ" (ออกแนวลูกทุ่ง แต่เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำใจ)

กระทู้ก่อนหน้า >> เรื่อง "ทิ้งชีวิตในเมืองกรุง ไปอยู่เกาะดีกว่า" (
http://pantip.com/topic/34702638)

กระทู้ถัดไป >> เรื่อง "บันทึกการเดินทางไปบริจาคของ...เสียตังค์ เหนี่อย สนุก สุขใจ" (
http://pantip.com/topic/34721318)
ป้าอยากเล่า : เรื่อง "ตามรอยเส้นทางความดี...บริจาค"
หากใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานประจำคงเข้าใจถึงความรู้สึกโหยหาและรอคอยช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันได้เป็นอย่างดี เพราะนั่นหมายถึงวันที่จะได้รับอิสรภาพทางเวลาอย่างเที่ยงธรรม สามารถทำกิจกรรมที่อยากทำได้เต็มที่โดยไม่มีกฎระเบียบของบริษัทมาครอบงำ ซึ่งวันหยุดในปี 2558 ที่ป้าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ คือ ช่วงวันที่ 5 และ 10 ธันวาคม เพราะเป็นวันที่จะได้เดินทางออกจากภูเก็ตเพื่อไปบริจาคของกับกลุ่มเพื่อนๆ ให้กับชาวเขาที่โรงเรียนบ้านใหม่ห้วยหวาย และหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยปูแกงในจังหวัดแม่ฮ่อง แดนดินอันไกลโพ้นทางภาคเหนือของสยามประเทศ
แต่ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง ป้าขอกล่าวถึงที่มาที่ไปของการเริ่มต้นไปบริจาคของ รวมถึงแนะนำเพื่อนบางคนให้ได้รู้จักบ้างพอสังเขป เพื่อที่เวลาพูดถึงแล้วท่านจะได้พอนึกภาพออก เริ่มจากหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบกลางๆ คนหนึ่ง ที่เพื่อนฝูงเรียกว่า "ทูน หรือ ป๋าทูน หรือ พี่ทูน หรือ คุณไพฑูรย์" ขึ้นอยู่กับลำดับความสนิทและช่องห่างระหว่างวัย สำหรับป้าแล้ว ป้าจะเรียกแกว่า "ป๋าทูน" เป็นการเรียกตาม "พัช" ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของป้าและเป็นคนแนะนำป้าให้รู้จักกับป๋าทูนนั่นเอง
ป๋าทูนแกทำมาหากินด้านรับเหมาก่อสร้าง โดยเริ่มต้นจากการรับงานเล็กๆ จนขยายบริษัทรับงานใหญ่โต มีรายได้ดีและฐานะจนมั่นคง กระทั่งวันหนึ่ง ที่แกรู้สึกอิ่มตัวกับธุรกิจของแกอย่างมาก และอยากจะทำสิ่งดีงามให้กับเพื่อนมนุษย์บ้าง แต่ก็ยังไม่สบโอกาสได้ลงมือเสียที จนเมื่อความปราถนานั้นสุกงอมเต็มที่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2546 แกจึงชักชวนเพื่อนฝูงที่สนิทไม่กี่คนช่วยกันนำสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้าทั้งใหม่และเก่าที่ยังสภาพดีใส่รถกระบะสองคัน ขับจากบ้านที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน "บ้านน้ำเพียงดิน" หมู่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญของจังหวัดน่าน ที่นั่นมีจำนวนประชากรไม่มากแต่ทว่ายากจนได้ใจ ไม่มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาเข้าไม่ถึง หน้าหนาวก็หนาวแทบขาดใจ หน้าร้อนก็ร้อนแสนสาหัส
เมื่อการไปบริจาคของในครั้งนั้นประสบผลสำเร็จด้วยดี สร้างความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ป๋าทูนจึงตั้งมั่นทำกิจกรรมนี้ปีละครั้ง แต่ก่อนที่จะนำสิ่งของและเงินไปบริจาคในแต่ละครั้ง ป๋าทูนจะต้องค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมให้ได้ก่อน โดยการหาข้อมูลทางสื่อออนไลน์บ้าง อ่านจากหนังสือบ้าง ดูข่าวเอาบ้าง หรือไม่ก็ได้รับการบอกเล่าต่อมาจากคนรู้จักบ้าง และเมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว แกจะโทรไปสอบถามพูดคุยเบื้องต้นถึงวัตถุประสงค์ในการนำของไปมอบให้ จากนั้นจึงนัดหมายวันที่จะขอเดินทางไปดูสถานที่จริงก่อนถึงวันที่จะนำของไปบริจาค หากไปดูแล้วไม่เป็นดังที่ตั้งใจไว้แกก็จะเปลี่ยนหาสถานที่ใหม่ แกอยากมั่นใจว่าผู้คนหรือชาวบ้านที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น มีความเป็นอยู่ที่ลำบากยากแค้นและขาดแคลนอย่างแท้จริง
พร้อมทั้งผู้ให้และผู้รับ...สุขใจกันทั่วหน้า
วันเวลาผ่านไป จำนวนสมาชิกก็เพิ่มตามทวี จากเพื่อนเพียงไม่กี่คนมาจนถึง ณ ตอนนี้มีมากกว่าหนึ่งร้อยคน มีตั้งแต่พนักงานบริษัทอย่างป้าไปจนถึงเจ้าของบริษัทที่มีธุรกิจใหญ่โตอย่างป๋าทูน, เจ๊อุไร, พี่เล็ก, และเจ๊รา เป็นต้น และจากของบริจาคที่เอาไปในสองปีแรกที่มีเพียงของใช้ เสื้อผ้าและอาหารอย่างละเล็กละน้อยก็ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น หลากหลายชนิดมากขึ้น รวมถึงเริ่มมีการบริจาคทุนการศึกษา เงินสร้างห้องเรียน เงินซ่อมแซมอาคารเรียน และแม้แต่เงินสร้างฝายกันน้ำ
จากที่ป๋าทูนได้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจรวมพลังมุ่งมั่นทำในสิ่งๆ เดียวกันของเหล่าเพื่อนพ้อง นั่นคือ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากยากจน อาศัยอยู่ในแดนดินที่ห่างไกลทุรกันดารบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ แกเลยตั้งชื่อกลุ่มขึ้นมาว่า "คาราวานเพื่อนร่วมใจ" (ออกแนวลูกทุ่ง แต่เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำใจ)