เป็นรีวิวแรกในชีวิต ภาพถ่ายก็มือสมัครเล่น ใช้มือถือบ้าง ใช้กล้อง DSLR บ้าง รีวิวไม่ถึงใจโปรดอภัยด้วยค่ะ
เรามาเริ่มเลยดีกว่า หลังจากปรึกษากับสามีว่าจะเที่ยวที่ไหนดีในปีนี้ เปิดดูหลายๆที่ มาสะดุดที่นี่เลย บ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ ที่บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี
เป็นหมู่บ้านไร้แผ่นดิน คือ ชอบเลย เอาๆๆๆ ไปที่แหละ สรุปโทรไปจอง วันที่ 15-16 มกราคม 59 โอนเงินครึ่งนึงไปก่อน อีกครึ่งไปจ่ายวันที่ไปถึง อ่อๆลืมบอก เราไปเป็นแบบแพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน อาหาร 3 มื้อ เติมได้ตลอด จนคุณอิ่ม ถ้าไป 2-4 คน คนละ 1,800 บาท ถ้าไปเป็นหมู่คณะ 4 คน ขึ้นไปคนละ 1,500 บาทนะจร้าา
https://www.facebook.com/BanThaleDawHomeStey/?fref=ts ตามไปชมรายละเอียดแบบเต็มๆ ได้ตามนี้เลยค่ะ
5.30 น. เราเริ่มการเดินทางออกจาก ลำลูกกา มุ่งหน้าสู่จันทบุรี ตามแผนที่นี้เลยจ้า สามีบอกดูแล้วเข้าใจง่ายดี เลยเอามาแบ่งปันจร้าา
คุณสามีขับรถไป อิภรรยามีหน้าที่เก็บบรรยากาศ
10.00 น.โดยประมาณ ถึงท่าเทียบเรือขลุง
แล้วเราก็หาที่ฝากรถโดยถามหากับรถวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ที่ท่าเรือเขาก็จะพาไปที่รับฝากและพาเรากลับมาที่ท่าเรือค่ะ ค่ารถวินมอไซค์คันละ 40 บาท ค่าฝากรถ คืนละ 70 บาท นี่คือรถวินมอไซค์ค่ะ
จากนั้นก็มานั่งรอเรือที่ท่าเรือค่ะ โดยเรือจะมี 2 ประเภท คือเรือโดยสารลำใหญ่ 60 บาทต่อคนนั่งได้ 30 คน และเรือเร็วหรือเรือแวนส์เป็นเรือเหมา ลำละ 500 บาท นั่งได้ 6 คน คนแถวนั้นบอกว่าถ้ามีผู้โดยสารท่านอื่นนั่งรอแล้วไปทางเดียวกัน หรือว่าโฮมสเตย์เดียวกัน ก็ชวนกันนั่งเรือเหมาได้เลย ช่วยกันหาร โดยไม่ต้องรอเรือโดยสาร เพราะเรือโดยสารจะออกเวลา 12.00 น. ตรงเป๊ะ นั่งรอสักครึ่งชั่วโมง มีชาวบ้านที่อยู่ที่บางชัน ชวนไปโฮมสเตย์เพราะว่าเป็นทางผ่าน เขาคิดคน ละ 100 บาท ก็เลยไป ขี้เกียจรอ เรื่องของเรื่องคือหิวแล้ว นี่คือเรือที่เราโดยสารมานะค่ะ
ข้างทางก็มีวิวของป่าโกงกาง มีวิถีชิวิตของชาวบ้าน ทำการประมงแบบธรรมชาติ นั่งเรือเพลินเลยค่ะ คนข้างๆอย่าชวนคุยนะคะ ไม่ได้ยินอะไรเลย เครื่องของเรือดังมาก การสัญจรของที่นี่ใช้เรือค่ะ วิ่งสวนกันไปมา โต้คลื่นกันสนุกสนานเลยค่ะ
นั่งเรือมา 15 นาทีก็ถึงบ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ หน้าชาหูดับไปเลยทีเดียว เครื่องของเรือดังมาก สมกับที่เขาเรียกเรือแวนส์จริงๆเลยค่ะ
พอมาถึงเจ้าของบ้านมาต้อนรับอย่างดี พูดคุยเหมือนเราเป็นลูกหลานมาเที่ยวหาญาติเลยค่ะ กันเองเหมือนรู้จักกันมานานเลย แล้วก็ถามเราว่า หิวข้าวมั้ย กินข้าวเลยมั้ย รึจะนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน กว่าเราจะจับใจความได้ หะๆๆๆๆ หลายรอบเลย เนื่องจากเพิ่งลงเรือมา แทบไม่ได้ยินอะไรเลย ก็เลยขอเอาของไปเก็บที่ห้องพักก่อน นี่ห้องพักเรานะคะ
อ่อๆ ที่นี่ไม่มีผ้าเช็ดตัวนะคะ นำมาเองค่ะ ภายในห้องมีแอร์ค่ะ เย็นสบายดี ชอบๆ ห้องน้ำมีสบู่เหลวให้ค่ะ ไม่ได้ถ่ายห้องน้ำมา ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะคะ
แล้วคุณป้าแป๋วเจ้าของบ้าน ก็พาเราเดินชมภายในโฮมสเตย์ค่ะ เปิดห้องโน้นห้องนี้ให้ดู นี่เป็นห้องใหญ่ นอนได้ถึง 15 คน มีชั้นบนชั้นล่าง ชั้นบนไม่ได้ขึ้นไปถ่ายนะคะ
บรรยากาศโดยรอบๆ
ถึงจะทำโฮมสเตย์ ก็ไม่ทำลายธรรมชาตินะคะ
เดินไปเดินมา เข้าครัวเฉยเลย ไปเจอปู ตัวหยายยยยยมากกก เป็นปูเนื้อ ที่ชาวบ้านแถวนี้จับได้ แล้วเอามาขายให้ทางโฮมสเตย์ แล้วนี่ก็เป็นอีก1 เมนู ในมื้อเย็นของเราด้วยเหมือนกัน
ดูก้ามสิค่ะ เป็นมัดๆเลย หืมมมมมม น่ากินแท้
สามีอิฉันชอบกินปูสด สดไปมั้ยอ่าาา
12.20 น.หลังจากเดินเล่นสักพัก ชำระค่าใช้จ่ายที่เหลือ ต่อจากนั้น ก็มากินอาหารกลางวันกันค่ะ
หลนมันปู เพิ่งเคยกินครั้งแรก อร่อยมากค่ะ
ปลากะบอกเค็มทอด
แกงส้มปลาดุกทะเล
ผัดกะหล่ำใส่กุ้ง
เส้นจันท์ผัดปู ตัวเล็กไปหน่อย แต่รสชาติดีใช้ได้เลยค่ะ
แล้วก็ข้าวสวย อาหารที่เห็นนี่ สำหรับ 2 คนนะคะ เยอะมวากกก มีการบอกอีกนะคะ ว่าไม่พอขอเพิ่มได้เลยไม่ต้องเกรงใจ กินให้อิ่มนะลูก คือคุณป้าแป๋วค่ะ ที่ให้มานี่ทาน 2 คนก็แทบจะไม่หมดนะคะ แล้วเครื่องดื่มบริการตัวเองเลยค่ะ ดื่มมากดื่มน้อยบริการตัวเองเลย โซดาน้ำแข็งขอบอกเลยว่าคุณป้าจัดเต็มค่ะ ไม่อั้น เครื่องดื่มมึนเมา จะเตรียมมาเองหรือจะมาซื้อที่นี่ตามสะดวกเลยค่ะ ราคาเท่าบนฝั่งเลย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องหิ้วให้หนักจริงมั้ยคะ
12.45 น. หลังจากกินข้าวอิ่มเรือโดยสารที่มาจากท่าเรือขลุงเพิ่งมาถึงค่ะ
หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาสัย เรา 2 คนไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้านค่ะ ไปเรื่อยๆ เดินชมกุ้ง หอย ปู ปลา การใช้ชีวิตของชาวบ้านแถวนี้ สดชื่นค่ะ ไม่มีรถติดวุ่นวาย ควันรถ ตึกสูงๆ ถนนหลากหลายเส้นทาง มองแล้วไม่สบายตา แต่ที่นี่ตรงข้ามเลยค่ะ ถนนมีเส้นเดียว ใช้การเดินทางโดยเรือ ชาวบ้านที่นี่อัธยาสัยดีมาก ระหว่างทางเดินไป ชาวบ้านทักทายเกือบทุกคนที่เจอ มาจากไหนหนู พักที่ไหนหรอ สอบถามอะไรตอบหมด ทุกคนที่นี่กันเองมากๆ เห็นแล้วนึกอิจฉาวิถีชีวิตแบบนี้ ไม่ต้องเร่งรีบ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ดูภาพเลยและกันนะคะว่าสดชื่นแค่ไหน
กุ้งตากไว้มาทำกุ้งแห้งค่ะ
หอยแมลงภู่ค่ะ
วิถีชีวิตของชาวบ้านค่ะ
ที่นี่มีร้านค้าชุมชนด้วยนะคะ ราคาเท่าบนฝั่งเลย ขายได้ยังไง ไม่คิดค่าเรือขนส่งเลยหรอคะ
กับบ้านนอนพักเอาแรงดีกว่าค่ะ เย็นมีล่องแพเปียกด้วย
16.00 น. โฮมสเตย์ข้างๆเริ่มเตรียมตัวออกแล้วค่ะ
แพของเรามาแล้ว ลูกเรือพร้อม
มีเรือคายัคพ่วงท้ายไปด้วย
อ่อๆๆๆ นั่นๆๆๆ ไฮไลท์ของที่นี่ มีเหยี่ยวแดง ค่ะ เริ่มมาเยอะแล้ว เค้าให้มันหมูลอยไปตามน้ำ แล้วเหยี่ยวก็มาโชบกินค่ะ มีอีกามาผสมด้วย
แล้วเราก็มาถึงจุดทะเลแหวก แต่วันนี้ที่เราไปไม่แหวกค่ะ ปรกติถ้ามีทะเลแหวก เราสามารถเห็นเนินดินโผล่ขึ้นมาเลยค่ะ แต่วันนี้เราไม่เห็นค่ะ เลยพายเรือเล่นแทน
มีเรือสปีทโบทลากด้วยนะคะ หัวละ 100 บาท แต่เราไม่ได้เล่นค่ะ พายเรือคายัคเล่นไปเรื่อยๆดีกว่า ประหยัดงบ
ขากลับเหยี่ยวก็ยังมาบินรอบๆอยู่เรื่อยๆนะคะ
18.00 น. แล้วก็มาถึงที่พักใครไม่สะใจเล่นน้ำต่อหน้าโฮมสเตย์ได้ ใครใคร่อยากอาบน้ำก็อาบ แล้วมาเตรียมตัวจัดหนักกับมื้อเย็นเลยค่ะ
ปลาตัวโตๆค่ะ จัดเตรียมรอไว้แล้วค่ะ
ปูเนื้อแน่นๆ ก้ามโตๆก็พร้อมค่ะ
ข้าวผัดปู
หอยนางรมสดๆ
ตบท้ายด้วยแตงโมหวานๆ
อาหารทุกอย่างไม่ใช่บุฟเฟ่ จะจัดไว้เป็นจานๆ ตามจำนวนปริมาณคนที่พอจะกินอิ่ม แต่เติมให้ตลอดเวลาเท่าที่เราจะกินได้หมด ไม่ให้เหลือ ทิ้งๆขว้างๆ ที่แรกเรากลัวเขาไม่เติมให้ เตรียมบอกเขาเลย เดี๋ยวอาจจะต้องขอปูเพิ่มนะคะ ป้าแป๋วบอกได้เลยลูกกินเต็มที่เลย พอเอาเข้าจริง ที่จัดมาให้ก็เกือบกินไม่หมด เพราะเนื้อปูแน่นมาก แน่นแบบไม่เคยเจอเพราะปูเป็นปูที่สดมากจริงๆ ไม่มีแช่น้ำแข็งไว้รอ ที่เรากินที่ผ่านๆมาคือปูที่ตายแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไหร่ แล้วราคาก็สูงมากถ้าเป็นตามท้องตลาด จานนี้ที่เห็น เกือบ 2 โลได้ คือกินกันอย่างสนุกสนานมาก ข้างๆโต๊ะทุกโต๊ะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ปูสดมาก เนื้อแน่น กุ้งเนื้อหวานมากเด้งดึ๋งๆ เลย คือของทุกอย่างเขารับซื้อมาจากชาวบ้านที่หามาส่งทุกวันของ ของเขาจึงสด เรากินกันไปเรื่อยๆ มีเสียงเพลง คาราโอเกะ เพราะบ้างไม่เพราะบ้างก็ฟังกันไป เสียงเพลงเงียบลงในเวลา 10.30 น.แต่เรา 2 คน ยังนั่งไปเรื่อยๆสัมพัสบรรยากาศที่สดชื่น หอมกลิ่นไอทะเล ที่นานๆทีจะได้เจอ นอนเกือบ เที่ยงคืน
8.00 น.ตื่นมาสัมพัสบรรยากาศตอนสาย 5555 เพราะคนที่นี่เค้าตื่น กัน แต่เช้า 6 โมงก็ตื่นทำมาหากินกันแล้ว แต่เรามาพักผ่อนนี่นะเออ จะตื่นเช้าทำไมเนอะ ตื่นมาก็มีข้าวต้มไว้รอเลย ไม่อิ่มก็เติมได้ แต่เรา 2 คนคนละถ้วยก็พอแล้ว
หลังจากกินอิ่มก็ไปเดินเล่นต่อ เจอร้านของฝาก จัดเสื้อคู่มา 1 คู่
อีกร้านค่ะ
ของฝากที่ชาวบ้านทำเองขายเองก็มีนะคะ
แล้วเราก็กลับมาเก็บของเตรียมกลับขึ้นฝั่ง ไม่อยากไปเลย
[CR] กินปู ดูเหยี่ยว ณ บางชัน อ.ขลุง จันทบุรี @ บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์
เรามาเริ่มเลยดีกว่า หลังจากปรึกษากับสามีว่าจะเที่ยวที่ไหนดีในปีนี้ เปิดดูหลายๆที่ มาสะดุดที่นี่เลย บ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ ที่บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี
เป็นหมู่บ้านไร้แผ่นดิน คือ ชอบเลย เอาๆๆๆ ไปที่แหละ สรุปโทรไปจอง วันที่ 15-16 มกราคม 59 โอนเงินครึ่งนึงไปก่อน อีกครึ่งไปจ่ายวันที่ไปถึง อ่อๆลืมบอก เราไปเป็นแบบแพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน อาหาร 3 มื้อ เติมได้ตลอด จนคุณอิ่ม ถ้าไป 2-4 คน คนละ 1,800 บาท ถ้าไปเป็นหมู่คณะ 4 คน ขึ้นไปคนละ 1,500 บาทนะจร้าา
https://www.facebook.com/BanThaleDawHomeStey/?fref=ts ตามไปชมรายละเอียดแบบเต็มๆ ได้ตามนี้เลยค่ะ
5.30 น. เราเริ่มการเดินทางออกจาก ลำลูกกา มุ่งหน้าสู่จันทบุรี ตามแผนที่นี้เลยจ้า สามีบอกดูแล้วเข้าใจง่ายดี เลยเอามาแบ่งปันจร้าา
คุณสามีขับรถไป อิภรรยามีหน้าที่เก็บบรรยากาศ
10.00 น.โดยประมาณ ถึงท่าเทียบเรือขลุง
แล้วเราก็หาที่ฝากรถโดยถามหากับรถวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ที่ท่าเรือเขาก็จะพาไปที่รับฝากและพาเรากลับมาที่ท่าเรือค่ะ ค่ารถวินมอไซค์คันละ 40 บาท ค่าฝากรถ คืนละ 70 บาท นี่คือรถวินมอไซค์ค่ะ
จากนั้นก็มานั่งรอเรือที่ท่าเรือค่ะ โดยเรือจะมี 2 ประเภท คือเรือโดยสารลำใหญ่ 60 บาทต่อคนนั่งได้ 30 คน และเรือเร็วหรือเรือแวนส์เป็นเรือเหมา ลำละ 500 บาท นั่งได้ 6 คน คนแถวนั้นบอกว่าถ้ามีผู้โดยสารท่านอื่นนั่งรอแล้วไปทางเดียวกัน หรือว่าโฮมสเตย์เดียวกัน ก็ชวนกันนั่งเรือเหมาได้เลย ช่วยกันหาร โดยไม่ต้องรอเรือโดยสาร เพราะเรือโดยสารจะออกเวลา 12.00 น. ตรงเป๊ะ นั่งรอสักครึ่งชั่วโมง มีชาวบ้านที่อยู่ที่บางชัน ชวนไปโฮมสเตย์เพราะว่าเป็นทางผ่าน เขาคิดคน ละ 100 บาท ก็เลยไป ขี้เกียจรอ เรื่องของเรื่องคือหิวแล้ว นี่คือเรือที่เราโดยสารมานะค่ะ
นั่งเรือมา 15 นาทีก็ถึงบ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ หน้าชาหูดับไปเลยทีเดียว เครื่องของเรือดังมาก สมกับที่เขาเรียกเรือแวนส์จริงๆเลยค่ะ
พอมาถึงเจ้าของบ้านมาต้อนรับอย่างดี พูดคุยเหมือนเราเป็นลูกหลานมาเที่ยวหาญาติเลยค่ะ กันเองเหมือนรู้จักกันมานานเลย แล้วก็ถามเราว่า หิวข้าวมั้ย กินข้าวเลยมั้ย รึจะนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน กว่าเราจะจับใจความได้ หะๆๆๆๆ หลายรอบเลย เนื่องจากเพิ่งลงเรือมา แทบไม่ได้ยินอะไรเลย ก็เลยขอเอาของไปเก็บที่ห้องพักก่อน นี่ห้องพักเรานะคะ
หลนมันปู เพิ่งเคยกินครั้งแรก อร่อยมากค่ะ
12.45 น. หลังจากกินข้าวอิ่มเรือโดยสารที่มาจากท่าเรือขลุงเพิ่งมาถึงค่ะ
กุ้งตากไว้มาทำกุ้งแห้งค่ะ
กับบ้านนอนพักเอาแรงดีกว่าค่ะ เย็นมีล่องแพเปียกด้วย
ปลาตัวโตๆค่ะ จัดเตรียมรอไว้แล้วค่ะ
อาหารทุกอย่างไม่ใช่บุฟเฟ่ จะจัดไว้เป็นจานๆ ตามจำนวนปริมาณคนที่พอจะกินอิ่ม แต่เติมให้ตลอดเวลาเท่าที่เราจะกินได้หมด ไม่ให้เหลือ ทิ้งๆขว้างๆ ที่แรกเรากลัวเขาไม่เติมให้ เตรียมบอกเขาเลย เดี๋ยวอาจจะต้องขอปูเพิ่มนะคะ ป้าแป๋วบอกได้เลยลูกกินเต็มที่เลย พอเอาเข้าจริง ที่จัดมาให้ก็เกือบกินไม่หมด เพราะเนื้อปูแน่นมาก แน่นแบบไม่เคยเจอเพราะปูเป็นปูที่สดมากจริงๆ ไม่มีแช่น้ำแข็งไว้รอ ที่เรากินที่ผ่านๆมาคือปูที่ตายแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไหร่ แล้วราคาก็สูงมากถ้าเป็นตามท้องตลาด จานนี้ที่เห็น เกือบ 2 โลได้ คือกินกันอย่างสนุกสนานมาก ข้างๆโต๊ะทุกโต๊ะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ปูสดมาก เนื้อแน่น กุ้งเนื้อหวานมากเด้งดึ๋งๆ เลย คือของทุกอย่างเขารับซื้อมาจากชาวบ้านที่หามาส่งทุกวันของ ของเขาจึงสด เรากินกันไปเรื่อยๆ มีเสียงเพลง คาราโอเกะ เพราะบ้างไม่เพราะบ้างก็ฟังกันไป เสียงเพลงเงียบลงในเวลา 10.30 น.แต่เรา 2 คน ยังนั่งไปเรื่อยๆสัมพัสบรรยากาศที่สดชื่น หอมกลิ่นไอทะเล ที่นานๆทีจะได้เจอ นอนเกือบ เที่ยงคืน
8.00 น.ตื่นมาสัมพัสบรรยากาศตอนสาย 5555 เพราะคนที่นี่เค้าตื่น กัน แต่เช้า 6 โมงก็ตื่นทำมาหากินกันแล้ว แต่เรามาพักผ่อนนี่นะเออ จะตื่นเช้าทำไมเนอะ ตื่นมาก็มีข้าวต้มไว้รอเลย ไม่อิ่มก็เติมได้ แต่เรา 2 คนคนละถ้วยก็พอแล้ว