ทำไมมันช่างต่างกับเกษตกรไทย ราวฟ้ากับเหวแบบนี้นะ สรุปคร่าวๆ
- เกษตรกรที่นั่น ไม่ใช่ไก่กา จบสูงทุกคน อย่างคนที่เป็นกรณีศึกษาจบ ป. ตรี เศรษฐศาสตร์ มาทำไร่ ถือว่าไม่ตรงสายด้วย
- คนที่สารคดีนำเสนอ เค้าปลูก สตอเบอรี่ แน่นอนย่อมมีบางช่วง ของล้นตลาด ราคาตก ภัยธรรมชาติ บลาๆ ไม่ต่างกับผลผลิตทางการเกษตรของไทย (แต่คงไม่บ่อย ทุกปี แบบไทยแน่ๆ)
- สตอเบอรี่ที่ไม่ได้คุณภาพ คัดทิ้ง ขายไม่ได้มีเยอะมากหรือช่วงราคาตก เค้าก็เอาไปทำ แยม ทำไอศครีมแทน
- จริงจังมาก ค้นหาวิธีที่จะทำให้แยม ไอศครีม ออกมารสชาติดีที่สุด ลงทุนกู้เงินมา ซื้อเครื่องจักรมาทำแยม ซื้อเครื่องบรรจุภัณฑ์มาเลย ทำแล้วแล้วเอาไปฝากขายที่โชว์ห่วยในท้องถิ่น
- ปรากฎว่า อร่อย ขายดี มีชื่อเสียง คนแห่มากิน รวยและได้ชื่อเสียงกันทั้งไร่ และร้านโชว์ห่วย
- เค้าบอกว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษอะไร ใครๆก็ทำกัน เค้าแค่โชคดีที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
- ตอนมีปัญหา ราคาผลผลิตตกต่ำ ถามว่าได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือไม่? เค้าตอบหน้าตาเฉย ว่า “ไม่” พ่อสอนว่าอย่างทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราต้องสู้ด้วยตัวเองก่อน
- ความช่วยเหลือเดียวจากรัฐที่พอจะมี คือ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับคนด้อยโอกาส แต่คุณต้องมีแผนชัดเจนนะว่าจะกู้ไปทำอะไร? ส่งให้หน่วยงานของรัฐไปพิจารณา แต่ไม่ค่อยมีคนใช้หรอก มันยุ่งยาก กู้ธนาคารธรรมดาก็เหลือแหล่
- เค้าไม่ขายแยมและไอศรีมของเค้า ให้เซเว่น หรือซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ เพราะต้องทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ เค้าเป็นเกษตรกรปลูกสตอเบอรี่ ไม่ใช่โรงงานทำแยม ทำไอศรีม ทำเยอะๆมาขายไม่ไหวแน่ เค้าพอใจในโรงงานเล็กๆ ในไร่เท่านั้น มากกว่านั้น ทำไม่ไหว
- ปัจจุบันเอาแค่โชว์ห่วยไม่กี่ร้านในเมืองก็รวย จะตายห่าล่ะ เว้นแต่ห้างเหล่านั้น จะเปิดแผนกของฝาก เอาเอาแยม+ไอศรีม ไปขายเล็กๆน้อยๆ อันนั้นก็ OK
- ร้านโชว์ห่วยที่ญี่ปุ่นมักขายของ ที่ไม่มีในเซเว่น หรือห้างทั่วไป ขายของที่เป็นลักษณะเฉพาะ และมีชื่อเสียงของท้องถิ่น เลยอยู่ได้สบายๆ ยิ่งมีสินค้าที่มีชื่อเสียงและหาที่อื่นไม่ได้มาขายได้มากเท่าไหร่ ยิ่งรวย
- ยิ่งสตอเบอรี่ แยม ไอศครีม จากไร่เค้า มีชื่อเสียง มีสตอรี่ รักษาคุณภาพไว้ได้เสมอๆ ยิ่งมีคนสนใจ ยิ่งมีความต้องการมาก แต่เค้าไม่ผลิตเยอะจากเหตุผลดังกล่าว ทำให้สินค้าจากไร่ของเค้า ยิ่งแพงเข้าไปอีก
- ขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกของเค้าคนเดียว เรื่องแบบนี้ เกษตรกรในญี่ปุ่น ใครๆ ก็ทำกัน เป็นเรื่องปกติ
- เกษตรกรบางแห่งก็รวมกลุ่มกัน ช่วยเหลือกัน คนเดียวทำไม่ได้ ก็ลงขันรวมกลุ่มกัน ตั้งองค์กรขึ้นมา จะซื้อเครื่องจักรใช้ร่วมกัน จะช่วยเหลืออะไรกันแบบไหนก็ว่ากันไป ภาครัฐก็มีส่วนช่วยนิดๆหน่อย ส่วนใหญ่ภาครัฐจะออกแนวประชาสัมพันธุ์ให้คนต่างถิ่นเข้ามาซื้อของมากกว่า การที่ชื่อเสียงของสตอเบอรี่ไร่เค้า ขจรขจายไปทั่วประเทศแบบนี้ ต้องขอบคุณทางจังหวัดที่มีส่วนช่วยอย่ามาก
เพิ่งได้ดูสารคดีเกี่ยวกับเกษตรกรที่ญี่ปุ่นมา ดูแล้วถอนหายใจเฮือกๆ
- เกษตรกรที่นั่น ไม่ใช่ไก่กา จบสูงทุกคน อย่างคนที่เป็นกรณีศึกษาจบ ป. ตรี เศรษฐศาสตร์ มาทำไร่ ถือว่าไม่ตรงสายด้วย
- คนที่สารคดีนำเสนอ เค้าปลูก สตอเบอรี่ แน่นอนย่อมมีบางช่วง ของล้นตลาด ราคาตก ภัยธรรมชาติ บลาๆ ไม่ต่างกับผลผลิตทางการเกษตรของไทย (แต่คงไม่บ่อย ทุกปี แบบไทยแน่ๆ)
- สตอเบอรี่ที่ไม่ได้คุณภาพ คัดทิ้ง ขายไม่ได้มีเยอะมากหรือช่วงราคาตก เค้าก็เอาไปทำ แยม ทำไอศครีมแทน
- จริงจังมาก ค้นหาวิธีที่จะทำให้แยม ไอศครีม ออกมารสชาติดีที่สุด ลงทุนกู้เงินมา ซื้อเครื่องจักรมาทำแยม ซื้อเครื่องบรรจุภัณฑ์มาเลย ทำแล้วแล้วเอาไปฝากขายที่โชว์ห่วยในท้องถิ่น
- ปรากฎว่า อร่อย ขายดี มีชื่อเสียง คนแห่มากิน รวยและได้ชื่อเสียงกันทั้งไร่ และร้านโชว์ห่วย
- เค้าบอกว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษอะไร ใครๆก็ทำกัน เค้าแค่โชคดีที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
- ตอนมีปัญหา ราคาผลผลิตตกต่ำ ถามว่าได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือไม่? เค้าตอบหน้าตาเฉย ว่า “ไม่” พ่อสอนว่าอย่างทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราต้องสู้ด้วยตัวเองก่อน
- ความช่วยเหลือเดียวจากรัฐที่พอจะมี คือ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับคนด้อยโอกาส แต่คุณต้องมีแผนชัดเจนนะว่าจะกู้ไปทำอะไร? ส่งให้หน่วยงานของรัฐไปพิจารณา แต่ไม่ค่อยมีคนใช้หรอก มันยุ่งยาก กู้ธนาคารธรรมดาก็เหลือแหล่
- เค้าไม่ขายแยมและไอศรีมของเค้า ให้เซเว่น หรือซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ เพราะต้องทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ เค้าเป็นเกษตรกรปลูกสตอเบอรี่ ไม่ใช่โรงงานทำแยม ทำไอศรีม ทำเยอะๆมาขายไม่ไหวแน่ เค้าพอใจในโรงงานเล็กๆ ในไร่เท่านั้น มากกว่านั้น ทำไม่ไหว
- ปัจจุบันเอาแค่โชว์ห่วยไม่กี่ร้านในเมืองก็รวย จะตายห่าล่ะ เว้นแต่ห้างเหล่านั้น จะเปิดแผนกของฝาก เอาเอาแยม+ไอศรีม ไปขายเล็กๆน้อยๆ อันนั้นก็ OK
- ร้านโชว์ห่วยที่ญี่ปุ่นมักขายของ ที่ไม่มีในเซเว่น หรือห้างทั่วไป ขายของที่เป็นลักษณะเฉพาะ และมีชื่อเสียงของท้องถิ่น เลยอยู่ได้สบายๆ ยิ่งมีสินค้าที่มีชื่อเสียงและหาที่อื่นไม่ได้มาขายได้มากเท่าไหร่ ยิ่งรวย
- ยิ่งสตอเบอรี่ แยม ไอศครีม จากไร่เค้า มีชื่อเสียง มีสตอรี่ รักษาคุณภาพไว้ได้เสมอๆ ยิ่งมีคนสนใจ ยิ่งมีความต้องการมาก แต่เค้าไม่ผลิตเยอะจากเหตุผลดังกล่าว ทำให้สินค้าจากไร่ของเค้า ยิ่งแพงเข้าไปอีก
- ขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกของเค้าคนเดียว เรื่องแบบนี้ เกษตรกรในญี่ปุ่น ใครๆ ก็ทำกัน เป็นเรื่องปกติ
- เกษตรกรบางแห่งก็รวมกลุ่มกัน ช่วยเหลือกัน คนเดียวทำไม่ได้ ก็ลงขันรวมกลุ่มกัน ตั้งองค์กรขึ้นมา จะซื้อเครื่องจักรใช้ร่วมกัน จะช่วยเหลืออะไรกันแบบไหนก็ว่ากันไป ภาครัฐก็มีส่วนช่วยนิดๆหน่อย ส่วนใหญ่ภาครัฐจะออกแนวประชาสัมพันธุ์ให้คนต่างถิ่นเข้ามาซื้อของมากกว่า การที่ชื่อเสียงของสตอเบอรี่ไร่เค้า ขจรขจายไปทั่วประเทศแบบนี้ ต้องขอบคุณทางจังหวัดที่มีส่วนช่วยอย่ามาก