คนที่เป็นผู้ป่วยทางจิต จนต้องวีนแตก เพียงเพราะได้รับใบสั่งจากการทำผิดกฎหมายของตัวเอง ทำให้ผมเกิดความว้าวุ่น สับสน งุนงงปนหวาดกลัวที่ต้องอยู่ร่วมสังคมกับคนประเภทนี้
ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่คนๆนี้เคยสร้างวีรกรรมอย่างนี้อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็ 3 ครั้งแล้ว และครั้งหนึ่งถึงกลับใช้ความรุนแรงทำให้รถผู้อื่นเสียหาย สำหรับครั้งนี้ก็มีพฤติกรรมของความก้าวร้าวที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันสักเท่าไรนัก แต่กลับยังได้รับโอกาสในการทำหน้าที่ต่อไป เพียงเพราะคุณเธอลืมกินยา?
ถึงแม้จะเป็นการโยกย้ายหน้าที่ๆไม่เกี่ยวกับการพิพากษาคดี แต่ผมเชื่อแน่ว่าคุณเธอคงไม่ได้ไปทำหน้าที่เกี่ยวกับการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหาร หรือเก็บกวาดสำนักงานอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้จะเป็นงานเกี่ยวกับเอกสารหรืออะไรก็แล้วแต่ คงต้องเกี่ยวกับความยุติธรรมเป็นแน่แท้ แล้วต่อไปนี้จะให้ผมมั่นใจได้อย่างไรกันครับว่า คนที่ถูกตัดสินลงโทษจะได้รับความผิดตามกระบวนการอย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ถ้าเป็นเพียงความผิดครั้งแรก ยังพอให้อภัย แต่ความผิดซ้ำสอง น่าจะต้องพิจารณากันให้ถ้วนถี่ แล้วนี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ทำาที่กันต่อไป และถ้าวันหนึ่ง อาการเกิดกำเริบ จนกระทำความผิดที่ร้ายแรงล่ะครับ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบกันล่ะครับ
และคนอื่นล่ะครับ ยังมีคนที่ป่วยทางจิต แต่ทานยาคงเส้นคงวา จนอาการยังไม่กำเริบ หรือ กำเริบแล้วแต่ไม่เป็นข่าว ยังมีอีกกี่มากน้อย นี่สิครับทำให้ผมหวาดกลัว
เพราะตำแหน่งนี้มันเป็นตำแหน่งที่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคน ที่อาจต้องถูกจำคุกหรือถูกประหารชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างความสูญเสียทั้งผู้ถูกตัดสินและครอบครัวของจำเลยคนนั้น เพียงเพราะเขาหรือเธอลืมกินยา อย่างนี้แล้วผมจะไม่หวาดระแวงได้อย่างไรกันครับ
ทำไมหน้าที่สำคัญๆอย่างนี้ จึงไม่มีการคัดกรองเป็นอย่างดี? ทำไมจึงยังปล่อยให้คนที่ป่วยทางจิตสามารถทำงานต่อไปได้? เหตุไฉนจึงไม่รอให้หายเป็นปกติเสียก่อน? คำถามเหล่านี้ ทั้งรบกวนจิตใจ ทั้งค้างคาใจผมเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
และเรื่องนี้ยิ่งทำให้ผมหวาดระแวงยิ่งขึ้น เมื่อสังคมไทยกำลังจะเปลี่ยนให้มีการคัดสรรกันเองในหมู่พวกเดียวกัน มารับตำแหน่งสำคัญๆที่สามารถให้คุณให้โทษ มีอำนาจถึงขั้นกำหนดทิศทางของประเทศ กำกับดูแลรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ คนเหล่านี้ได้รับการวินิจฉัยแน่นอนแล้วหรือยังครับ จะไม่มีผู้ป่วยทางจิต?
ไม่ใช่ ต้องรอให้ถนนดินลูกรังเสร็จก่อนนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ การขัดขวางการเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ การแก้รัฐธรรมนูญที่มาของ สว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ มีคนนำเงินจากการทุจริตออกนอกประเทศ 7 แสนล้านนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ การใช้เอกสารอันเป็นเท็จเข้ารับราชการ เพื่อหนีการเกณฑ์ทหารไม่ใช่การทุจริตนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
หรือจะเป็นเรื่องการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต นายกฯต้องรับผิดชอบ ตอนนั้นทานยาตามปกติ ส่วนเรื่องการปล่อยปละเลยให้มีการฆ่าประชาชน นายกฯไม่ต้องรับผิดชอบนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา เป็นต้น
ดังนั้นถ้าผมจะหายหวาดระแวงได้ ผมคิดว่า ก่อนการคัดสรร ควรจะมีใบรับรองแพทย์แสดงถึงจิตที่ปกติก่อนดีไหมครับ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายก็น่าจะดีนะครับ
แต่กรุณาอย่าแก้ปัญหาด้วยการจ้างผู้ช่วยอีกคนมาคอยดูแลให้ยาตามกำหนดก็แล้วกันนะครับ ผมว่ามันจะเปลืองงบประมาณไปโดยเปล่าๆปี้ๆนะครับ ขอบอก
สืบเนื่องจากผู้พิพากษาหญิงคนนั้น--------------------------ทวดเอง
ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่คนๆนี้เคยสร้างวีรกรรมอย่างนี้อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็ 3 ครั้งแล้ว และครั้งหนึ่งถึงกลับใช้ความรุนแรงทำให้รถผู้อื่นเสียหาย สำหรับครั้งนี้ก็มีพฤติกรรมของความก้าวร้าวที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันสักเท่าไรนัก แต่กลับยังได้รับโอกาสในการทำหน้าที่ต่อไป เพียงเพราะคุณเธอลืมกินยา?
ถึงแม้จะเป็นการโยกย้ายหน้าที่ๆไม่เกี่ยวกับการพิพากษาคดี แต่ผมเชื่อแน่ว่าคุณเธอคงไม่ได้ไปทำหน้าที่เกี่ยวกับการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหาร หรือเก็บกวาดสำนักงานอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้จะเป็นงานเกี่ยวกับเอกสารหรืออะไรก็แล้วแต่ คงต้องเกี่ยวกับความยุติธรรมเป็นแน่แท้ แล้วต่อไปนี้จะให้ผมมั่นใจได้อย่างไรกันครับว่า คนที่ถูกตัดสินลงโทษจะได้รับความผิดตามกระบวนการอย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ถ้าเป็นเพียงความผิดครั้งแรก ยังพอให้อภัย แต่ความผิดซ้ำสอง น่าจะต้องพิจารณากันให้ถ้วนถี่ แล้วนี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ทำาที่กันต่อไป และถ้าวันหนึ่ง อาการเกิดกำเริบ จนกระทำความผิดที่ร้ายแรงล่ะครับ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบกันล่ะครับ
และคนอื่นล่ะครับ ยังมีคนที่ป่วยทางจิต แต่ทานยาคงเส้นคงวา จนอาการยังไม่กำเริบ หรือ กำเริบแล้วแต่ไม่เป็นข่าว ยังมีอีกกี่มากน้อย นี่สิครับทำให้ผมหวาดกลัว
เพราะตำแหน่งนี้มันเป็นตำแหน่งที่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคน ที่อาจต้องถูกจำคุกหรือถูกประหารชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างความสูญเสียทั้งผู้ถูกตัดสินและครอบครัวของจำเลยคนนั้น เพียงเพราะเขาหรือเธอลืมกินยา อย่างนี้แล้วผมจะไม่หวาดระแวงได้อย่างไรกันครับ
ทำไมหน้าที่สำคัญๆอย่างนี้ จึงไม่มีการคัดกรองเป็นอย่างดี? ทำไมจึงยังปล่อยให้คนที่ป่วยทางจิตสามารถทำงานต่อไปได้? เหตุไฉนจึงไม่รอให้หายเป็นปกติเสียก่อน? คำถามเหล่านี้ ทั้งรบกวนจิตใจ ทั้งค้างคาใจผมเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
และเรื่องนี้ยิ่งทำให้ผมหวาดระแวงยิ่งขึ้น เมื่อสังคมไทยกำลังจะเปลี่ยนให้มีการคัดสรรกันเองในหมู่พวกเดียวกัน มารับตำแหน่งสำคัญๆที่สามารถให้คุณให้โทษ มีอำนาจถึงขั้นกำหนดทิศทางของประเทศ กำกับดูแลรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ คนเหล่านี้ได้รับการวินิจฉัยแน่นอนแล้วหรือยังครับ จะไม่มีผู้ป่วยทางจิต?
ไม่ใช่ ต้องรอให้ถนนดินลูกรังเสร็จก่อนนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ การขัดขวางการเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ การแก้รัฐธรรมนูญที่มาของ สว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ มีคนนำเงินจากการทุจริตออกนอกประเทศ 7 แสนล้านนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
ไม่ใช่ การใช้เอกสารอันเป็นเท็จเข้ารับราชการ เพื่อหนีการเกณฑ์ทหารไม่ใช่การทุจริตนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา
หรือจะเป็นเรื่องการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต นายกฯต้องรับผิดชอบ ตอนนั้นทานยาตามปกติ ส่วนเรื่องการปล่อยปละเลยให้มีการฆ่าประชาชน นายกฯไม่ต้องรับผิดชอบนั้น เป็นเพราะตอนนั้นลืมกินยา เป็นต้น
ดังนั้นถ้าผมจะหายหวาดระแวงได้ ผมคิดว่า ก่อนการคัดสรร ควรจะมีใบรับรองแพทย์แสดงถึงจิตที่ปกติก่อนดีไหมครับ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายก็น่าจะดีนะครับ
แต่กรุณาอย่าแก้ปัญหาด้วยการจ้างผู้ช่วยอีกคนมาคอยดูแลให้ยาตามกำหนดก็แล้วกันนะครับ ผมว่ามันจะเปลืองงบประมาณไปโดยเปล่าๆปี้ๆนะครับ ขอบอก