[SR] " แม่ซา " หมู่บ้านในความทรงจำ.

นี่ไม่ใช้กระทู้รีวิวท่องเที่ยวใสๆ โลกสวยนะคะ(และรูปบางส่วนก็หายไปเพราะไวรัส ขอโทษด้วยจริงๆ)
ความจริงก่อนที่จะไปแม่ซา ฉันคิดไว้ว่าจะสร้างกระทู้รีวิว ไปเชียงใหม่ด้วยงบ 1000 บาท
แต่เมื่อไปถึงความคิดฉันก็เปลี่ยนไป ( คิดไปคิดมาทำให้ทำกระทู้ไม่เสร็จซักที )

ฉันบอกตรงๆนะ ที่ตัดสินใจไปเพราะไม่รู้จัก หาข้อมูลก็ไม่ได้ ไม่รู้หรอกว่าพิกัดมันอยู่ตรงไหน และจะไปอย่างไร ดูแล้วน่าตื่นเต้นดี ฉันได้ติดต่อกับคนในหมู่บ้านผ่านเฟสบุ๊คไว้ พูดคุยกันถึงทริป วิธีการเดินทางและกิจกรรมคร่าวๆรวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด  

ว่าแต่คุณรู้จัก.. แม่ซา กันไหมคะ?
แม่ซาคือ หมู่บ้านหนึ่งใน ตำบลนาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่อันไกลโพ้นที่ต้องเวลาเข้าไปเกือบหนึ่งวัน หมู่บ้านเต็มไปด้วยชาวปากากะญอ เป็นหมู่บ้านที่ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มีเอกลักษณ์ มีวัฒนธรรมเฉพาะตน ผู้คนหาเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ทำนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์และทอผ้า เป็นอาชีพหลัก

เราเดินทางไปที่แม่ซา ด้วยการขึ้นรถไฟฟรี ออก 12.00 น  ถึงเชียงใหม่ก็ประมาณ 06.00 น ของอีกวัน จากนั้นเราก็นั่งรถแดง 20 บาท ไปลงประตูเชียงใหม่ ต่อรถเหลืองไปจอมทอง  35 บาท จากนั้นก็ไหว้พระ หาข้าวกิน 50 บาท เดินชมเมือง ไม่นาน รถกระบะจากแม่ซา มารับเราถึงที่ เขาก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เราก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ใจสั่นหวั่นไหว แต่ก็ก้าวท้าวขึ้นรถเขาไป รถแล่นไปทางดอยอินทนนท์ แต่ลึกกว่า ไกลกว่า เงียบสงบกว่า และห่างไกลผู้คนมากกว่า เรานั่งรถเข้าไปหลายชั่วโมง ระหว่างทางก็ได้แวะถ่ายรูปนาขั้นบันได ที่แม่กลางหลวง สวยนะแต่พี่เค้าบอกว่าในหมู่บ้านเด็ดกว่า  แต่กว่าจะถึงก็เย็นมาก และผ่านโค้งตัดเซียนอีกมหาศาล พอถึงฉันก็นั่งอวกอยู่พักใหญ่

เมื่อไปถึงมันค่อนข้างจะมืด ทำให้มองสภาพแวดล้อมไม่ค่อยชัดนัก แต่จะบอกไว้เลยว่ามันป่ามาก  และฉันก็ได้รู้จักกับ “พาตี้” อีกครั้งในโลกความเป็นจริง  พาตี้ในภาษาปากากะญอแปลว่าลุง แต่พาตี้คนนี้ค่อนข้างจะเหมือนพ่อ ดูแลต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ทั้งอาหาร ห้องน้ำ บ้านพัก ไฟฟ้า และอินเตอร์เน็ต เรียกได้ว่าครบปัจจัย ตอนแรกที่ฉันคิด ชาวปากกากะญอ ก็คือชาวเขา ชาวเขาในมุมมองของเราๆก็คงจะอยู่หลังเขา ติดดอย พูดไม่ค่อยชัด แต่แค่ได้พบกันความคิดฉันก็เปลี่ยนไปเลยคะ ชาวเขามีความรู้ และเต็มไปด้วยอุดมการณ์ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งได้พูดคุยด้วยแล้วรู้สึกว่า พวกเขานี่สุดยอด!

คืนนั้นฉันได้ร่วมเป็นลูกมือในการทำขนมจีนน้ำเงี้ยวสูตรต้นตำรับ ทำเองปรุงเองทุกขั้นตอน กินเสร็จ ก็อาบน้ำนอน เตรียมพร้อมผจญภัยในวันรุ่งขึ้นความจริงนอนไม่ค่อยหลับ ตุ๊กแกร้องทั้งคืน เช้าตรู่ยังมีไก่ขัน ห้องน้ำก็ไม่กล้าไปเข้า หนาวก็หนาว รู้สึกอยากกลับบ้าน แต่เดี๋ยวจะมาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เช้าก็เตรียมเดินป่า ทำข้าวห่อใบตองไว้ไปกินด้วย จากนั้นก็เดินสำรวจหมู่บ้าน คนที่นี่ทุกคนรู้จักกัน เอื้อเฟื้อกัน และมีความรักความเมตาแก่กัน พาตี้เล่าให้ฟังว่าแม้จะเป็นคนแปลกหน้า แค่เดินผ่านหน้าบ้านเนี่ย เขาก็พร้อมจะเชิญมากินข้าวในบ้าน อยู่นี่ไม่อดตายแน่!


ก่อนที่จะไปลุย พาตี้ก็แนะนำให้รู้จักกับ โฟว์วินดอย นี่ไม่ใชรถนะ นี่ชื่อรองเท้า รองเท้าที่ใช้ในการเดินป่า ปีนเขาโดยเฉพาะ

รองเท้านี้ผลิดจากยางพารา พื้นผิวใต้รองเท้านี่ออกแบบมาอย่างดี เพื่อกันลื่นและการยึดเกาะโดยเฉพาะ ราคาไม่แพงคู่ละ 80 บาท คือทุกคนต้องมีเมื่อสวมใส่โฟว์วินดอยแล้ว เราก็ถูกพาตัวเข้าไปในซอกหลืบของภูเขา พบกับนาขั้นบันได ที่สวยงามและเขียวขจีเกินคำบรรยาย ลมเย็นๆอากาศดีมาก และพี่ก็ชี้ให้ลองทำดู ก็เลยลองทำตั้งแต่ดำนา ปลูกข้าวไปทีละกำๆ การเก็บต้นกล้า ไปจนถึงการไถ ..

เมื่อได้ลองก็เลยรู้ การปลูกข้าวที่เห็นว่าง่ายๆนี่ไม่ง่ายเลย เล่นเอาหน้ามืดทรงตัวลำบากกันเลยนะ จากนั้นก็หิว ฉันหิวมาก ทุกคนพักการทำนาแล้วขึ้นไปรวมตัวกันในกระท่อมปลายนา บรรยากาศโครตคันทรี แต่พอเห็นอาหารเท่านั้น คำแรกอะไร.. มันคืออะไร กินได้จริงหรอ สภาพมันเหมือนข้าวต้ม แล้วก็มีเศษผักปนๆ กับผักต้มและน้ำพริกที่หน้าตาแปลกๆ ฉันหยิบข้าวห่อใบตองมากินกับมัน น้ำตาจะไหล ไม่ได้อร่อยแต่มันต้องกินไง

จากนั้นก็นั่งรถเขาไปถึงเชิงเขา ป่าแถวนี้ค่อนข้างดิบชื้น แม้ช่วงแรกๆป่าจะโดนบุกรุกทำให้ภูเขาโล่งเตียนไปบ้าง กลายเป็นไร่ข้าวโพดไปบ้าง ชาวปากากะญอส่วนใหญ่จะมีอุดมการณ์ มีความรู้และค่อนข้างจะคัดค้านการปลูกข้าวโพด แต่ก็มีบางส่วนที่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะทำกว่าเพราะรัฐให้การสนับสนุน ทั้งพืชพันธ์ ปุ๋ย ที่รับผลผลิต ไปจนถึงที่แปรรูป (มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ่ง พอๆกับการต่อต้านเขื่อน) และที่นี่ก็เคยรณรงค์ต่อต้านการสร้างเขื่อนผาริ่งจู้ ซึ่งหากการต่อต้านไม่สำเร็จหมู่บ้านในหุบเขาถึงสามหมู่บ้านและครับเรือนหลายร้อยครัวเรือนคงจะจมอยู่ในน้ำ..


ฉันเดินข้ามเขาไปหลายลูกมาก พี่ที่ไปด้วยก็สอนไว้ว่า “การเดินขึ้นเขาเนี่ย มันก็เหมือนกับชีวิตเรา เราเลือกเองได้ว่าจะเดินหน้าหรือจะถอยหลัง จะพักหรือจะหยุด จะประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่หัวใจของเรา”.. ทางเปียกแฉะ ในใจก็กลัว ถ้าตกเขาตายไปจะทำอย่างไร เหนื่อยนะ แต่ไม่ท้อหรอก ในที่สุดก็ถึงจุดที่สูงที่สุดในแถบนี้ .. คุ้มค่านะที่ได้มา อากาศดี ลมเย็น วิวสวยๆ จากนั้นก็ลง ที่ขึ้นมาได้ได้ขึ้นมาเล่นๆ ระหว่างทางก็แวะเก็บเห็ดไปทำอาหารด้วย  ได้อีกทั้งยังได้ออกกำลังกาย และได้ความภาคภูมิใจด้วย กว่าจะลงมาถึงพื้นราบขานี่แข็งเกร็งไปหมด ทำเอาความภูมิใจจะหมดลงไป แต่ตอนนั้นกำลังใจดี อุดมการณ์นี่เต็มเปี่ยมเลย ไม่บ่นซักคำ

วันนี้ตื่นแต่เช้า พาตี้ชวนไปเข้าโบสถ์ ระหว่างทางเจอคุณครูอาสา มาสอนเด็กๆ ก็เดินเข้าไปนั่งเรียนด้วย ดูฉันประหลาด แต่งตัวประหลาด เด็กๆงง และให้ความสนใจ เด็กไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาปากกากะญอที่ฉันก็ฟังไม่รู้เรื่อง น่ารักดี เล่นกันคุยกัน และไปเรียนภาษาปากกากะญอมา ตอนนี้จำได้แค่ “  โอพรึโชปรือ สวัสดี”  “ตาพรึ ขอบคุณ”


จากนั้นพาตี้ก็เรียกมากินข้าว และแต่งตัวไปโบสถ์ ได้ใส่เสื้อผ้าที่เข้ากับท้องถิ่นด้วยชอบจัง ได้แสดงความชอบออกไปอย่างชัดเจน คนในหมู่บ้านเลยส่งเสื้อมาให้ตัวหนึ่งหลังจากกลับมา

จากนั้นก็ได้เข้าโบสถ์ อารมณ์เดียวกับโบสถ์คริสทั่วไป แต่ติดตรงที่ ไม่สามารถฟังอะไรรู้เรื่องเลย ผู้คนทั่งหมู่บ้านจะมารวมตัวกันที่นี่ในเช้าวันอาทิตย์ มันดูศักดิ์สิทธ์นะ ผู้คนสวดมนต์งึมงำดังทั่วไปหมด และเสียงขับร้องบทเพลงด้วยทำนองที่คุ้นเคยแต่ภาษาร้องมันต่างออกไป จากนั้นก็มีการเทศน์ ฟังไม่ออกอีกเช่นกัน ฉันอยู่ที่นี่ดังมากนะ เพราะเป็นคนต่างถิ่น โดนถ่ายรูปและถูกเชิญออกไปพูดหน้าเวทีเพื่อพูดแนะนำตัวกับทุกคนและเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้เข้ามาที่นี่  “ทุกคนที่ได้เจอกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” มีคนบอกกับฉันไว้ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ในโลกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก นี่ได้อย่างไร


จากนั้นก็ไปลุยกันต่อ คราวนี้เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เพื่อนเป็นลมระหว่างทางขึ้นด้วย คือแย่แล้ว แย่แน่ๆ ทางขึ้นที่ลาดชัน มีต้นไม้พอจะกันเราไว้ไม่ให้เราไหลตกระหว่างทาง แต่โชคดี พี่ที่พาเดินเขาหันมาเห็นพอดีก็สามารถจับตัวเพื่อนและพามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ เอาต้นไม้มาพัดๆ เอายามาให้ดม ก็พอไปต่อได้

คราวนี้ได้ลงถ้ำ ถ้ำที่ยังไม่มีใครลงไป อารมณ์ประมาณนักสำรวจมาสำรวจปากถ้ำ แล้วก็ส่งผู้กล้าอย่างเราเข้าไปดู ทางเข้าแคบมากและกลัวว่าจะติดถ้ำมาก ก็ปีนๆลอดๆเข้าไป อย่างที่บอกที่นี่คือแม่ซา ดินแดนอันห่างไกล ธรรมชาติที่นี่ยังไม่ถูกสำรวจและค้นพบ มีสัตว์แปลกๆและสิ่งลึกลับอีกมากมาย ทั้งหนอน ค้างคา แมลง และตัวอะไรอีกไม่รู้บอกไม่ถูกบรรยายไม่ได้

จากนั้นก็กลับบ้านอย่างเหนื่อย วันนี้เป็นวันที่โครตสกปรกที่สุดในชีวิตแล้ว ทั้ง ฝุ่น ทั้งดิน ขี้ค้างคาวเหม็นตัวเองมากแต่วันนี้น้ำไม่มี อากาศก็ค่อนข้างหนาว ทำใจยอมรับนั่งยิ้ม เดินไปกินข้าวอย่างเศร้าๆ เพราะชีวิตคือชีวิต ไม่มีอะไรได้ดั่งใจหรอกนะ อาบน้ำและเข้านอนอย่างสงบ
เช้าวันนี้ก็เตรียมตัวกลับ แอบดีใจที่จะได้กลับ แต่ก็รู้สึกเศร้าอยู่เพราะชอบทุกคนที่นี่ และบรรยากาศแบบนี้มาก  ก่อนกลับก็ลาทุกคน ทุกคนอนุญาตให้มาอีกได้ เพราะเราก็เหมือนลูกเหมือนหลานกัน ระหว่างทางที่ออกจากหมู่บ้าน มีรถคันหนึ่งเสียระหว่างทาง พี่ที่ไปส่งก็จอดรถอย่างทันทีและลงไปช่วย ฉันก็ได้ไปช่วยเข็นด้วย น้ำใจคนที่นี่นี่มหาศาล!

และพี่ก็พาไปสานฝัน ไปล่องแพริมน้ำที่แม่แจ่ม ร้านฮอทคอฟฟี่ เพราะที่หมู่บ้านยังไม่สามารถล่องได้ น้ำมันแรง อาจทำให้แพแตกและเกิดอันตรายได้  ล่องประมาณครึ่งชั่วโมง  200 บาท ครั้งแรก ตื่นเต้น รู้สึกเหมือนเป็นทาซาน สนุกมาก ต้องลอง

พี่พาเรามาส่งที่ท่ารถแม่แจ่ม – ตัวเมือง ราคา 60 บาท  เหมารถไปอาเขต 40 บาท ค่ารถกลับของ99(แนะนำให้ไปกับสมบัติทัวร์) 630บาท และพี่ก็ได้มาส่งพวกเราที่ท่ารถก่อนกลับพร้อมกับเลี้ยงข้าวและขนมอีกมากมาย  “กลับมาอีกนะ พวกเรามีชาวปากกากะญอเป็นของตัวเองกันแล้ว ห้ามลืมกัน”พี่กล่าวไปก่อนที่เราจะแยกจากกัน รถออกตอน 21.00น  ถึง 06.30 น. เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันจบลงตรงนี้.. ยังไม่มีโอกาสได้กลับไป แต่หากหัวใจมันเรียกร้อง ไว้เจอกันนะ แม่ซา......

สิ่งที่ฉันคาดหวังจากการทำกระทู้นี้.. ฉันหวังว่า ทุกคนจะรู้จักแม่ซามากขึ้น และมองชาวเขาในมุมมองที่เปลี่ยนไป
แม่ซายังไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว.. ยังไม่เป็นที่รู้จัก ถ้าอยากรู้จักสถานที่นี้มากขึ้น ลองมาเห็นเอง และสัมผัสกันด้วยตัวเองดีกว่านะคะ.. จะได้รู้ว่าแม่ซามีอะไร ใครสนใจหลังไมค์มาได้
ปล.รถไฟฟรีขากลับกรุงเทพ มีตอน 06.00น นะคะ

ค่าใช้จ่ายค่า
ค่ากิน         200                   200
ล่องแพ       200                200
ค่ารถไป ( 20 + 35 )           55
ค่ารถกลับ ( 60 + 40 +630 )    730
______________________________________________________
จ่ายไปทั้งหมด                    1185
#เกินงบที่ตั้งไปนิดหน่อย
ชื่อสินค้า:   เเม่ซา ต.นาจร อ.เเม่เเจ่ม จ.เชียงใหม่
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่