เนื่องในวันที่รฦก วันยุทธหัตถี
ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ขออัญเชิญ วรรณคดีเทอดพระเกียรติ
ลิลิตตะเลงพ่าย
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ทรงตรากตรำ ศึกสงคราม
เพื่อกู้เอกราชชาติไทย
ให้ไทย คงเป็นไทย
ตราบจนปัจจุบัน.
ลิลิตตะเลงพ่าย
เป็นบทประพันธ์ประเภทลิลิต
ประพันธ์ขึ้นโดย
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
และ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์
เพื่อสดุดีวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช.
ดังนี้ ครับ.
๏ นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนา ยกแฮ
ผายสิหนาทกถา ท่านพร้อง
ไพเราะราชสุภา- ษิตสื่อ สารนา
เสนอบ่มีข้อข้อง ขุ่นแค้นคำไข ฯ
๏ อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ
เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว
สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา
ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี ฯ
๏ พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต- ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธิ์ เผยยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้ สุดสิ้นฤๅมี ฯ
๏ หัสดีรณเรศอ้าง อวสาน นี้นา
นับอนาคตกาล ห่อนพ้อง
ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ
คงแต่เผือพี่น้อง ตราบฟ้าดินกษัย ฯ
๏ ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศานติ์
สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง
บำเทิงหฤทัยบาน ประดิยุทธ์ นั้นนา
เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง ฯ
๏ ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมมาน
เชิญประชุมในสถาน ที่นี้
ชมชื่นคชบำราญ ตูต่อ กันแฮ
ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม ฯ
๏ หวันเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ ฯ
๏ ดำเนินพจน์พากย์พร้อง พรรณนา
องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา- นะนึก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล ฯ
๏ หัสดินปิ่นธเรศไท้ โททรง
คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งอ้าง
หนึ่งคือศิริเมขล์มง- คลอาสน์ มารเอย
เศียรส่ายหงายงาคว้าง ไขว่แคว้งแทงโถม ฯ
๏ สองโจมสองจู่จ้วง บำรู
สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม ฯ
๏ งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม ฯ
๏ ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุศ ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร ฯ
๏ คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์
โถมปะทะไป่ทัน เหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู่ค้ำคางเขิน ฯ
๏ ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด
หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
เสด็จวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามมินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง ฯ
๏ บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย ฯ
๏ พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข้อน ขาดด้าวโดยขวา ฯ
๏ อุระรานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ
สิบแปดมกราคม วันยุทธหัตถี
ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ขออัญเชิญ วรรณคดีเทอดพระเกียรติ
ลิลิตตะเลงพ่าย
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ทรงตรากตรำ ศึกสงคราม
เพื่อกู้เอกราชชาติไทย
ให้ไทย คงเป็นไทย
ตราบจนปัจจุบัน.
ลิลิตตะเลงพ่าย
เป็นบทประพันธ์ประเภทลิลิต
ประพันธ์ขึ้นโดย
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
และ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์
เพื่อสดุดีวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช.
ดังนี้ ครับ.
๏ นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนา ยกแฮ
ผายสิหนาทกถา ท่านพร้อง
ไพเราะราชสุภา- ษิตสื่อ สารนา
เสนอบ่มีข้อข้อง ขุ่นแค้นคำไข ฯ
๏ อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ
เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว
สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา
ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี ฯ
๏ พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต- ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธิ์ เผยยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้ สุดสิ้นฤๅมี ฯ
๏ หัสดีรณเรศอ้าง อวสาน นี้นา
นับอนาคตกาล ห่อนพ้อง
ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ
คงแต่เผือพี่น้อง ตราบฟ้าดินกษัย ฯ
๏ ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศานติ์
สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง
บำเทิงหฤทัยบาน ประดิยุทธ์ นั้นนา
เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง ฯ
๏ ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมมาน
เชิญประชุมในสถาน ที่นี้
ชมชื่นคชบำราญ ตูต่อ กันแฮ
ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม ฯ
๏ หวันเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ ฯ
๏ ดำเนินพจน์พากย์พร้อง พรรณนา
องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา- นะนึก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล ฯ
๏ หัสดินปิ่นธเรศไท้ โททรง
คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งอ้าง
หนึ่งคือศิริเมขล์มง- คลอาสน์ มารเอย
เศียรส่ายหงายงาคว้าง ไขว่แคว้งแทงโถม ฯ
๏ สองโจมสองจู่จ้วง บำรู
สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม ฯ
๏ งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม ฯ
๏ ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุศ ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร ฯ
๏ คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์
โถมปะทะไป่ทัน เหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู่ค้ำคางเขิน ฯ
๏ ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด
หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
เสด็จวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามมินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง ฯ
๏ บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย ฯ
๏ พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข้อน ขาดด้าวโดยขวา ฯ
๏ อุระรานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ