" อยากไปภูกระดึงอ่ะ ไปด้วยกันมั้ย ? "
" ผู้หญิงสองคนเองนะ มันอันตรายไปป่าว "
" พี่ๆ หยุดปีใหม่ไปเที่ยวภูกระดึงกันมั้ย ? "
" ไปไม่ได้แล้วอ่ะ เพื่อนเพิ่งนัดทำงาน T_T "
" หยุดกีฬามหาลัย มีใครว่างป่าว หาเพื่อนร่วมทริปไปภูกระดึง ? "
" ติดค่ายครุอ่าาาา T_T "
"กลับบ้านอ่าา T_T "
นี่คือเหตุผลที่ทำไม จขทก. ตัดสินใจไปภูกระดึงคนเดียว ไม่ใช่อารมณ์ติสท์หรืออินดี้อะไรหรอก (จริงๆคือไม่มีเพื่อน + อาการเฮิร์ทบ้างเล็กน้อย)




แต่ความจริงก็ทำใจไว้ตั้งแต่ทริปล่มครั้งแรกแล้ว ว่ายังไงอาจจะต้องได้ไปคนเดียว ก็เลยต้องเตรียมตัวให้ดี ถึงจะเฟี้ยวหรือใจเด็ดขนาดไหน ยังไงก็อย่าลืมว่าเราเป็นผู้หญิง
ขั้นที่ 1 : เตรียมใจ
ขั้นนี้ต้องหาข้อมูลค่ะ แต่ปรากฎว่า ยังไม่เห็นกระทู้ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวภูกระดึงเลย (หรืออาจจะมีแต่เราไม่เห็น) ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่อยากไปเที่ยวคนเดียวและมาขอคำแนะนำ เราก็เลยอาศัยอ่านคอมเม้นที่คนอื่นเข้ามาตอบ ว่าไปแล้วจะเจออะไร และต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
นอกจากนี้เราก็หาอ่านพวกวิธีป้องกันตัวของผู้หญิงเวลาไปเที่ยวคนเดียว ( แนะนำให้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000126837&Html=1&TabID=2& )
อ่านถึงจุดนี้ อาจจะมีคนแอบคิดว่า จขกท. วิตกจริตเกินไปรึเปล่า 55555 แต่เราคิดว่าป้องกันไว้แหละดีที่สุดแล้ว อย่าลืมว่าบางอย่างถ้าเราเสียไปแล้วมันเอากลับคืนไม่ได้นะ
ขั้นที่ 2 : เตรียมตัว
ขั้นนี้ก็ต้องหาข้อมูล เช่น การจองที่พักทำยังไง สภาพอากาศ ไปตอนนี้จะมีตัวทากมั้ย T_T ฯลฯ ( ซึ่งถ้าใครมีอะไรสงสัย แนะนำให้เข้าไปในกลุ่ม รักภูกระดึง
https://www.facebook.com/groups/LovePhukradung/ แล้วสอบถามน่าจะชัวร์กว่าค่ะ เพราะจะมีคนที่เพิ่งไปมา หรือบางทีอาจจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตอบเองเลย )
ขั้นที่ 3 : เตรียมของ ( ขั้นนี้จะบอกเฉพาะของที่นอกเหนือจากของใช้ส่วนตัวนะคะ )
1. ไฟฉาย : ต้องสว่างในระดับนึงเลยนะ เพราะที่อุทยานเขาจะปิดไฟตอนสี่ทุ่ม เผื่อเอาไว้ส่องทางเวลาจะเดินไปทำธุระส่วนตัว และส่องทางเวลาเดินกลับมาจากดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
2. ยาคลายกล้ามเนื้อ : เพราะวันๆนึงต้องเดินเยอะมาก ทั้งตอนขึ้นภูที่ว่าโหดเเล้ว พอขึ้นไปแล้วถึงจะเจอทางราบแต่ระยะทางที่เดินก็ไกลอยู่ดี สรุปคือ ขึ้นไปแล้วต้องเดินเยอะมากอ่ะ
3. อุปกรณ์ป้องกันตัวค่ะ : อันนี้เป็นของจำเป็นสำหรับ จขกท. เอง -_- พกไว้ให้อุ่นใจค่ะ ( เราพกกรรไกรที่ใช้เล็มผมหน้าม้าไปด้วย )
พอศึกษาข้อมูล (อ่านกระทู้) + เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางได้ค่ะ ..
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
DAY 0 : 12/01/2016
เราเดินทางไปเลยโดยรถทัวร์ค่ะ ของบริษัทแอร์เมืองเลย ซื้อตั๋วได้ที่หมอชิตช่องที่ 6 ส่วนเวลาเดินทาง เราเลือกเวลา 21.30 เพราะไปถึงที่นั่นจะเกือบเช้าพอดี ( เวลาจองตั๋ว อย่าลืมบอกว่าไปลง " ผานกเค้า " นะคะ )

ค่าโดยสาร 340 ค่ะ (ใช้บัตรนิสิตเป็นส่วนลดไม่ได้นะ 5555 ) แต่ถ้าเทียบกับบริการเราว่าคุ้มนะ เราขอแยกรีวิวส่วนของรถทัวร์ไว้ต่างหาก เพราะขากลับเรากลับของภูกระดึงทัวร์ จะได้เปรียบเทียบให้เห็นได้สะดวกค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
DAY 1 : 13/01/2016
รถทัวร์จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงค่ะ พอถึงจุดลงรถผานกเค้า รถจะจอดตรงข้ามร้านเจ้กิม หมายความว่า พอเราลงจากรถแล้ว ให้ข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อรอรถสองแถวสีแดงแล้วนั่งต่อไปที่ภูกระดึงค่ะ
* สองรูปนี้ เราถ่ายไว้วันจะกลับซึ่งเป็นตอนเย็น เพราะถ้าถ่ายตอนลงรถวันแรกจะมืดมากค่ะ
รถสีแดงจะออกประมาณตีห้ากว่าๆเกือบหกโมงนะคะ เราสามารถขึ้นไปนั่งรอบนรถจนกว่าผู้โดยสารจะเต็มได้เลย หรือจะเหมารอบละสามร้อยก็ได้ หมายความว่า เขาคิดเที่ยวละสามร้อยค่ะ
ขึ้น 1 คนก็คิด 300
ขึ้น 2 คนก็คนละ 150
ขึ้น 3 คนก็คนละ 100
แต่ถ้าขึ้น 4 คนก็จะคิดคนละ 75 ค่ะ ( ไม่มีไร เราอยากหารเลขโชว์เฉยๆค่ะ :3 )
แต่ส่วนมาก ขึ้นได้มากสุด 10 คนค่ะ ตกคนละ 30 บาท
*** สำหรับใครที่ยังไม่ได้จองตั๋วรถขากลับ สามารถจองได้ที่ตรงข้ามร้านเจ้กิมค่ะ (ลงรถแล้วอย่าเพิ่งข้ามมา หรือ จะข้ามมาก่อนแล้วค่อยข้ามกลับไปจองตั๋วรถก็ได้ค่ะ)

ตั๋วของภูกระดึงทัวร์จะแพงกว่าแอร์เมืองเลย 10 บาทค่ะ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่กี่คืนก็สามารถจองในวันที่เดินทางกลับได้ แต่ต้องยอมเสี่ยงหน่อยเพราะอาจจะไม่มีที่นั่ง ทางที่ดีเราว่าจองไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มีรถกลับเนาะ
@ร้านเจ้กิม

- ใครที่ลงรถมาแล้ว สามารถแวะรับประทานอาหารที่ร้านได้ แล้วทางร้านก็มีของฝากขายด้วยนะ แต่ค่อยซื้อตอนขากลับก็ได้แล้วแต่สะดวกค่ะ
- หลังร้านเจ้กิม มีห้องน้ำไว้บริการค่ะ ลงจากรถแล้วสามารถเข้าไปอาบน้ำแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า แต่งหน้า ทำผม ฯลฯ ได้
- ทางร้านมีบริการให้ชาร์จแบตเตอร์รี่ด้วยนะ ให้ชาร์จได้ประมาณสองชั่วโมงค่ะ ค่าบริการ 20 บาท

ทางร้านจะให้บัตรหมายเลขมาค่ะ เวลาไปติดต่อรับก็ให้นำบัตรกลับไปคืน เพราะฉะนั้นต้องเก็บไว้ดีๆ ห้ามทำหายนะ
@สถานีตำรวจ
ข้างร้านเจ้กิมจะเป็นสถานีตำรวจค่ะ สามารถใช้บริการห้องน้ำได้เช่นกัน

ปล.เรามีโอกาสได้ใช้ห้องน้ำตอนรอรถขากลับ เนื่องจากร้านเจ้กิมปิดก่อน ขอบอกว่าที่นี่สะอาดมากกกกกจริงๆค่ะ พื้นห้องน้ำแห้งสนิท ถ้ามีเสื่อกับหมอนนี่จะปูนอนตรงนั้นเลย
@ร้านขายหมวก + อุปกรณ์กันหนาว

ร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามร้านเจ้กิมนะคะ ถ้าลงรถมาจะเห็นเลย อยู่ข้างที่จองตั๋วรถของภูกระดึงทัวร์ค่ะ
จะมีสองร้านใหญ่ๆด้วยกัน ส่วนมากจะขายพวกหมวกไหมพรม ผ้าพันคอ อุปกรณ์กันหนาว
สำหรับใครที่ไม่ได้เตรียมมา แนะนำให้ซื้อขึ้นไปก็ดีนะคะ เพราะข้างบนนั้นหนาวมากๆ และราคาก็แพงกว่าด้วย
อันนี้สำหรับกรณีที่เดินทางไปภูช่วงหน้าหนาวหรือต้นปีค่ะ
.................................. ปฎิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็นั่งรถสองแถวขึ้นภูเลยค่ะ เย่ๆ :3 ....................................................
___________________________________________________________________________________________
@อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

รถแดงจะจอดตรงหน้าอุทยาน พอลงไปถึงก็นั่งพักรอที่ทำการเปิดเพื่อจองเต๊นท์และซื้อบัตรเข้าอุทยานค่ะ
ส่วนของเครื่องนอน ถุงนอน ผ้ารองนอน หมอน ผ้าห่ม ต้องขึ้นไปจองข้างบนภูนะ

เราจองเต๊นท์หนึ่งหลังสำหรับนอนสามคนค่ะ (แต่นอนคนเดียวนะ :3) ราคาคืนละ 225 บาท
เราพักอยู่บนนั้นสองคืน คือวันที่ 13,14 รวมราคาทั้งหมดก็ 450 ค่ะ
* ถ้านำเต๊นท์มาเองต้องเสียค่าพื้นที่เช่าเต๊นท์ 30 บาทต่อคนต่อคืนนะ
* ใบเสร็จต้องเก็บไว้ดีดี เพราะต้องนำไปเป็นหลักฐานยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ข้างบนเมื่อเดินไปถึงค่ะ

จองเต๊นท์เสร็จ ก็ไปต่ออีกแถวเพื่อซื้อตั๋วค่ะ ราคาตั๋วก็อยู่ที่ 40 บาทต่อคน (ถูกมาก)
ก่อนขึ้นภูต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว และลงชื่อ ข้อมูลส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ ลงในสมุดค่ะ (จะได้ตรวจสอบได้สะดวกกรณีมีคนหาย)
แต่ก่อนจะขึ้นภู ใครมีสัมภาระหนักก็สามารถจ้างลูกหาบได้ ราคากิโลกรัมละ 30 บาท
พอชั่งน้ำหนัก+ติดแท็กชื่อ เขียนชื่อ เบอร์โทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ก็เก็บหางตั๋วไว้ชำระราคาและรอรับกระเป๋าข้างบนที่พักได้เลยค่ะ
_____________________________________________________________________________________________
@ขึ้นภูกระดึง

ต่อไปนี้ จะเริ่มมีการเล่าประสบการณ์แทรกเข้ามารวมกับการรีวิวเรื่อยๆนะคะ อาจมีการพาดพิงถึงคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ซึ่งเราขออนุญาตเจ้าตัวเรียบร้อยแล้วค่าา :3

นี่คือป้ายตรงทางขึ้นค่ะ อาจบั่นทอนกำลังใจใครหลายๆคนได้มากทีเดียว 55555 มาถึงจุดนี้ ใครจะกลับก็ยังไม่สายนะคะ รถสีแดงยังมีบริการเรื่อยๆจนถึงประมาณหกโมงเย็นค่ะ

พอเห็นทางขึ้นก็เริ่มเตรียมใจได้เลยค่ะ เหนื่อยมากๆแน่นอน แต่การเดินขึ้นครั้งนี้ เราไม่ได้เดินคนเดียวนะ ต้องขอเล่าย้อนไปถึงตอนลงรถโดยสารตรงข้ามร้านเจ้กิม คือเราได้มีโอกาสรู้จักพี่คนนึงค่ะ มากับแฟนสองคน ซึ่งพี่เขาดูเหมือนจะแปลกใจว่าทำไมเราถึงมาคนเดียว 5555 จากนั้นมาเราก็มีเพื่อนเดินทางค่ะ ตั้งแต่ร้านเจ้กิม ขึ้นรถสองแถว จองที่พัก ซื้อบัตร จ้างลูกหาบ จนถึงตอนเดินขึ้นภู เอาเป็นว่าตอนนี้มีเพื่อนแล้วค่ะ แต่เพราะว่าพี่เขามากับแฟนเนาะ บางทีเราก็มีความรู้สึกเกรงใจ แล้วก็อยากให้เขามีเวลาส่วนตัวบ้าง เราเลยทำชิล ถ่ายรูปวิวข้างทางไปเรื่อยๆ และรอให้พี่เขาเดินนำหน้าไปในระยะหนึ่งค่ะ (ดูเป็นคนดีเนาะ 5555)

ระหว่างที่ยังไม่เหนื่อย ก็ทำชิลถ่ายรูปไปเรื่อยๆค่ะ ก่อนที่จะเจอทางขึ้นที่โหดกว่านี้

ขนาดเดินตัวเปล่า ไม่มีสัมภาระติดตัวยังเหนื่อยขนาดนี้ พอเห็นลูกหาบเท่านั้นแหละค่ะ อยากจะตรงเข้าไปกราบ 5555 นี่คือซอร์ฟๆแล้วนะ บางคนแบกน้ำหลายลิตร ถังแก๊ส ฯลฯ ไม่แปลกใจที่อาหารบนนั้นจะแพงกว่าปกติ

ถ้าถามว่า ตรงไหนเหนื่อยที่สุด เราคิดว่าทางขึ้นซำแฮกค่ะ เหนื่อยสุดๆๆละ แต่ระหว่างทางเราก็ได้เพื่อนอีกแล้วนะ 5555 มาคนเดียวไม่เหงาเสมอไปหรอกค่ะ มิตรภาพไม่ได้เริ่มจากสระบุรี แล้วสิ้นสุดที่หนองคาย แต่หาได้ง่ายที่ภูกระดึง ( เนี่ยยยยย -_- ) เพราะระหว่างทางที่เดินขึ้นภู เราจะเจอผู้คนที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ถ้าอยากมีเพื่อนใหม่ก็ต้องเปิดใจค่ะ ยิ้ม ชวนคุยก็ได้ ดีกว่าเดินเงียบๆเหงาๆคนเดียวนะ
[CR] [ รีวิว + เล่าประสบการณ์ ] " ผู้หญิงคนเดียว backpack เที่ยวภูกระดึง "
นี่คือเหตุผลที่ทำไม จขทก. ตัดสินใจไปภูกระดึงคนเดียว ไม่ใช่อารมณ์ติสท์หรืออินดี้อะไรหรอก (จริงๆคือไม่มีเพื่อน + อาการเฮิร์ทบ้างเล็กน้อย)
แต่ความจริงก็ทำใจไว้ตั้งแต่ทริปล่มครั้งแรกแล้ว ว่ายังไงอาจจะต้องได้ไปคนเดียว ก็เลยต้องเตรียมตัวให้ดี ถึงจะเฟี้ยวหรือใจเด็ดขนาดไหน ยังไงก็อย่าลืมว่าเราเป็นผู้หญิง
ขั้นที่ 1 : เตรียมใจ
ขั้นนี้ต้องหาข้อมูลค่ะ แต่ปรากฎว่า ยังไม่เห็นกระทู้ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวภูกระดึงเลย (หรืออาจจะมีแต่เราไม่เห็น) ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่อยากไปเที่ยวคนเดียวและมาขอคำแนะนำ เราก็เลยอาศัยอ่านคอมเม้นที่คนอื่นเข้ามาตอบ ว่าไปแล้วจะเจออะไร และต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
นอกจากนี้เราก็หาอ่านพวกวิธีป้องกันตัวของผู้หญิงเวลาไปเที่ยวคนเดียว ( แนะนำให้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000126837&Html=1&TabID=2& )
อ่านถึงจุดนี้ อาจจะมีคนแอบคิดว่า จขกท. วิตกจริตเกินไปรึเปล่า 55555 แต่เราคิดว่าป้องกันไว้แหละดีที่สุดแล้ว อย่าลืมว่าบางอย่างถ้าเราเสียไปแล้วมันเอากลับคืนไม่ได้นะ
ขั้นที่ 2 : เตรียมตัว
ขั้นนี้ก็ต้องหาข้อมูล เช่น การจองที่พักทำยังไง สภาพอากาศ ไปตอนนี้จะมีตัวทากมั้ย T_T ฯลฯ ( ซึ่งถ้าใครมีอะไรสงสัย แนะนำให้เข้าไปในกลุ่ม รักภูกระดึง https://www.facebook.com/groups/LovePhukradung/ แล้วสอบถามน่าจะชัวร์กว่าค่ะ เพราะจะมีคนที่เพิ่งไปมา หรือบางทีอาจจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตอบเองเลย )
ขั้นที่ 3 : เตรียมของ ( ขั้นนี้จะบอกเฉพาะของที่นอกเหนือจากของใช้ส่วนตัวนะคะ )
1. ไฟฉาย : ต้องสว่างในระดับนึงเลยนะ เพราะที่อุทยานเขาจะปิดไฟตอนสี่ทุ่ม เผื่อเอาไว้ส่องทางเวลาจะเดินไปทำธุระส่วนตัว และส่องทางเวลาเดินกลับมาจากดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
2. ยาคลายกล้ามเนื้อ : เพราะวันๆนึงต้องเดินเยอะมาก ทั้งตอนขึ้นภูที่ว่าโหดเเล้ว พอขึ้นไปแล้วถึงจะเจอทางราบแต่ระยะทางที่เดินก็ไกลอยู่ดี สรุปคือ ขึ้นไปแล้วต้องเดินเยอะมากอ่ะ
3. อุปกรณ์ป้องกันตัวค่ะ : อันนี้เป็นของจำเป็นสำหรับ จขกท. เอง -_- พกไว้ให้อุ่นใจค่ะ ( เราพกกรรไกรที่ใช้เล็มผมหน้าม้าไปด้วย )
พอศึกษาข้อมูล (อ่านกระทู้) + เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางได้ค่ะ ..
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
DAY 0 : 12/01/2016
เราเดินทางไปเลยโดยรถทัวร์ค่ะ ของบริษัทแอร์เมืองเลย ซื้อตั๋วได้ที่หมอชิตช่องที่ 6 ส่วนเวลาเดินทาง เราเลือกเวลา 21.30 เพราะไปถึงที่นั่นจะเกือบเช้าพอดี ( เวลาจองตั๋ว อย่าลืมบอกว่าไปลง " ผานกเค้า " นะคะ )
ค่าโดยสาร 340 ค่ะ (ใช้บัตรนิสิตเป็นส่วนลดไม่ได้นะ 5555 ) แต่ถ้าเทียบกับบริการเราว่าคุ้มนะ เราขอแยกรีวิวส่วนของรถทัวร์ไว้ต่างหาก เพราะขากลับเรากลับของภูกระดึงทัวร์ จะได้เปรียบเทียบให้เห็นได้สะดวกค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
DAY 1 : 13/01/2016
รถทัวร์จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงค่ะ พอถึงจุดลงรถผานกเค้า รถจะจอดตรงข้ามร้านเจ้กิม หมายความว่า พอเราลงจากรถแล้ว ให้ข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อรอรถสองแถวสีแดงแล้วนั่งต่อไปที่ภูกระดึงค่ะ
* สองรูปนี้ เราถ่ายไว้วันจะกลับซึ่งเป็นตอนเย็น เพราะถ้าถ่ายตอนลงรถวันแรกจะมืดมากค่ะ
รถสีแดงจะออกประมาณตีห้ากว่าๆเกือบหกโมงนะคะ เราสามารถขึ้นไปนั่งรอบนรถจนกว่าผู้โดยสารจะเต็มได้เลย หรือจะเหมารอบละสามร้อยก็ได้ หมายความว่า เขาคิดเที่ยวละสามร้อยค่ะ
ขึ้น 1 คนก็คิด 300
ขึ้น 2 คนก็คนละ 150
ขึ้น 3 คนก็คนละ 100
แต่ถ้าขึ้น 4 คนก็จะคิดคนละ 75 ค่ะ ( ไม่มีไร เราอยากหารเลขโชว์เฉยๆค่ะ :3 )
แต่ส่วนมาก ขึ้นได้มากสุด 10 คนค่ะ ตกคนละ 30 บาท
*** สำหรับใครที่ยังไม่ได้จองตั๋วรถขากลับ สามารถจองได้ที่ตรงข้ามร้านเจ้กิมค่ะ (ลงรถแล้วอย่าเพิ่งข้ามมา หรือ จะข้ามมาก่อนแล้วค่อยข้ามกลับไปจองตั๋วรถก็ได้ค่ะ)
ตั๋วของภูกระดึงทัวร์จะแพงกว่าแอร์เมืองเลย 10 บาทค่ะ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่กี่คืนก็สามารถจองในวันที่เดินทางกลับได้ แต่ต้องยอมเสี่ยงหน่อยเพราะอาจจะไม่มีที่นั่ง ทางที่ดีเราว่าจองไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มีรถกลับเนาะ
@ร้านเจ้กิม
- ใครที่ลงรถมาแล้ว สามารถแวะรับประทานอาหารที่ร้านได้ แล้วทางร้านก็มีของฝากขายด้วยนะ แต่ค่อยซื้อตอนขากลับก็ได้แล้วแต่สะดวกค่ะ
- หลังร้านเจ้กิม มีห้องน้ำไว้บริการค่ะ ลงจากรถแล้วสามารถเข้าไปอาบน้ำแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า แต่งหน้า ทำผม ฯลฯ ได้
- ทางร้านมีบริการให้ชาร์จแบตเตอร์รี่ด้วยนะ ให้ชาร์จได้ประมาณสองชั่วโมงค่ะ ค่าบริการ 20 บาท
ทางร้านจะให้บัตรหมายเลขมาค่ะ เวลาไปติดต่อรับก็ให้นำบัตรกลับไปคืน เพราะฉะนั้นต้องเก็บไว้ดีๆ ห้ามทำหายนะ
@สถานีตำรวจ
ข้างร้านเจ้กิมจะเป็นสถานีตำรวจค่ะ สามารถใช้บริการห้องน้ำได้เช่นกัน
ปล.เรามีโอกาสได้ใช้ห้องน้ำตอนรอรถขากลับ เนื่องจากร้านเจ้กิมปิดก่อน ขอบอกว่าที่นี่สะอาดมากกกกกจริงๆค่ะ พื้นห้องน้ำแห้งสนิท ถ้ามีเสื่อกับหมอนนี่จะปูนอนตรงนั้นเลย
@ร้านขายหมวก + อุปกรณ์กันหนาว
ร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามร้านเจ้กิมนะคะ ถ้าลงรถมาจะเห็นเลย อยู่ข้างที่จองตั๋วรถของภูกระดึงทัวร์ค่ะ
จะมีสองร้านใหญ่ๆด้วยกัน ส่วนมากจะขายพวกหมวกไหมพรม ผ้าพันคอ อุปกรณ์กันหนาว
สำหรับใครที่ไม่ได้เตรียมมา แนะนำให้ซื้อขึ้นไปก็ดีนะคะ เพราะข้างบนนั้นหนาวมากๆ และราคาก็แพงกว่าด้วย
อันนี้สำหรับกรณีที่เดินทางไปภูช่วงหน้าหนาวหรือต้นปีค่ะ
.................................. ปฎิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็นั่งรถสองแถวขึ้นภูเลยค่ะ เย่ๆ :3 ....................................................
___________________________________________________________________________________________
@อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
รถแดงจะจอดตรงหน้าอุทยาน พอลงไปถึงก็นั่งพักรอที่ทำการเปิดเพื่อจองเต๊นท์และซื้อบัตรเข้าอุทยานค่ะ
ส่วนของเครื่องนอน ถุงนอน ผ้ารองนอน หมอน ผ้าห่ม ต้องขึ้นไปจองข้างบนภูนะ
เราจองเต๊นท์หนึ่งหลังสำหรับนอนสามคนค่ะ (แต่นอนคนเดียวนะ :3) ราคาคืนละ 225 บาท
เราพักอยู่บนนั้นสองคืน คือวันที่ 13,14 รวมราคาทั้งหมดก็ 450 ค่ะ
* ถ้านำเต๊นท์มาเองต้องเสียค่าพื้นที่เช่าเต๊นท์ 30 บาทต่อคนต่อคืนนะ
* ใบเสร็จต้องเก็บไว้ดีดี เพราะต้องนำไปเป็นหลักฐานยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ข้างบนเมื่อเดินไปถึงค่ะ
จองเต๊นท์เสร็จ ก็ไปต่ออีกแถวเพื่อซื้อตั๋วค่ะ ราคาตั๋วก็อยู่ที่ 40 บาทต่อคน (ถูกมาก)
ก่อนขึ้นภูต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว และลงชื่อ ข้อมูลส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ ลงในสมุดค่ะ (จะได้ตรวจสอบได้สะดวกกรณีมีคนหาย)
แต่ก่อนจะขึ้นภู ใครมีสัมภาระหนักก็สามารถจ้างลูกหาบได้ ราคากิโลกรัมละ 30 บาท
พอชั่งน้ำหนัก+ติดแท็กชื่อ เขียนชื่อ เบอร์โทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ก็เก็บหางตั๋วไว้ชำระราคาและรอรับกระเป๋าข้างบนที่พักได้เลยค่ะ
_____________________________________________________________________________________________
@ขึ้นภูกระดึง
ต่อไปนี้ จะเริ่มมีการเล่าประสบการณ์แทรกเข้ามารวมกับการรีวิวเรื่อยๆนะคะ อาจมีการพาดพิงถึงคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ซึ่งเราขออนุญาตเจ้าตัวเรียบร้อยแล้วค่าา :3
นี่คือป้ายตรงทางขึ้นค่ะ อาจบั่นทอนกำลังใจใครหลายๆคนได้มากทีเดียว 55555 มาถึงจุดนี้ ใครจะกลับก็ยังไม่สายนะคะ รถสีแดงยังมีบริการเรื่อยๆจนถึงประมาณหกโมงเย็นค่ะ
พอเห็นทางขึ้นก็เริ่มเตรียมใจได้เลยค่ะ เหนื่อยมากๆแน่นอน แต่การเดินขึ้นครั้งนี้ เราไม่ได้เดินคนเดียวนะ ต้องขอเล่าย้อนไปถึงตอนลงรถโดยสารตรงข้ามร้านเจ้กิม คือเราได้มีโอกาสรู้จักพี่คนนึงค่ะ มากับแฟนสองคน ซึ่งพี่เขาดูเหมือนจะแปลกใจว่าทำไมเราถึงมาคนเดียว 5555 จากนั้นมาเราก็มีเพื่อนเดินทางค่ะ ตั้งแต่ร้านเจ้กิม ขึ้นรถสองแถว จองที่พัก ซื้อบัตร จ้างลูกหาบ จนถึงตอนเดินขึ้นภู เอาเป็นว่าตอนนี้มีเพื่อนแล้วค่ะ แต่เพราะว่าพี่เขามากับแฟนเนาะ บางทีเราก็มีความรู้สึกเกรงใจ แล้วก็อยากให้เขามีเวลาส่วนตัวบ้าง เราเลยทำชิล ถ่ายรูปวิวข้างทางไปเรื่อยๆ และรอให้พี่เขาเดินนำหน้าไปในระยะหนึ่งค่ะ (ดูเป็นคนดีเนาะ 5555)
ระหว่างที่ยังไม่เหนื่อย ก็ทำชิลถ่ายรูปไปเรื่อยๆค่ะ ก่อนที่จะเจอทางขึ้นที่โหดกว่านี้
ขนาดเดินตัวเปล่า ไม่มีสัมภาระติดตัวยังเหนื่อยขนาดนี้ พอเห็นลูกหาบเท่านั้นแหละค่ะ อยากจะตรงเข้าไปกราบ 5555 นี่คือซอร์ฟๆแล้วนะ บางคนแบกน้ำหลายลิตร ถังแก๊ส ฯลฯ ไม่แปลกใจที่อาหารบนนั้นจะแพงกว่าปกติ
ถ้าถามว่า ตรงไหนเหนื่อยที่สุด เราคิดว่าทางขึ้นซำแฮกค่ะ เหนื่อยสุดๆๆละ แต่ระหว่างทางเราก็ได้เพื่อนอีกแล้วนะ 5555 มาคนเดียวไม่เหงาเสมอไปหรอกค่ะ มิตรภาพไม่ได้เริ่มจากสระบุรี แล้วสิ้นสุดที่หนองคาย แต่หาได้ง่ายที่ภูกระดึง ( เนี่ยยยยย -_- ) เพราะระหว่างทางที่เดินขึ้นภู เราจะเจอผู้คนที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ถ้าอยากมีเพื่อนใหม่ก็ต้องเปิดใจค่ะ ยิ้ม ชวนคุยก็ได้ ดีกว่าเดินเงียบๆเหงาๆคนเดียวนะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น