นิทานกลางใจ......เรื่อง ธุลีในสายลม

กระทู้สนทนา
=================
นิทานกลางใจ
เรื่อง ธุลีในสายลม

=================
Psycho G.




กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว....

             เขาไม่ทราบไม่เคยสนใจว่าตนเองก่อเกิดขึ้นมาได้อย่างไรและทำไม แต่เขารับรู้ตัวเองได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวธุลีดินฝุ่นผงกลุ่มหนึ่งพัดพาไปตามสายลมอย่างไร้ค่าท่ามกลางสายธารของกาลเวลา

             เคยพัดผ่านผืนดินระอุร้อนวุ่นวายสับสน เคยไปเยือนโลกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเยือกเย็น  บางครั้งนอนสัมผัสความบันเทิงเริงรื่นจากบทเพลงธรรมชาติ บางครารับรู้สายลมโรยเพ้อพิไรเหงาเศร้าคร่ำครวญ  เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่องราวมากมายหลายหลากไว้ในลิ้นชักความทรงจำ วันใดไร้แรงลม เขาเพียงพักใจสงบนิ่งรอคอยอย่างเยือกเย็นไม่กังวลทุกข์ร้อน

             วันนี้เขาได้ยินเสียงกระซิบแผ่วแว่วมาจากสุดฟากฟ้าไกลในสายลมอ่อนล้า ราวเสียงครวญจากสิ่งกำลังจะแตกดับลับสลาย  เขาเคยได้ยินเสียงมากมายหลายหลาก แต่ไม่มีครั้งใดจะรู้สึกว่าถูกกระทบส่วนลึกล้ำบอบบางที่สุดของความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน

             เขาถามสายลมผู้พัดพามาเยือน วานสายลมหอบธุลีดินบินไปหา

             เธอเป็นกุหลาบต้นหนึ่ง

             กุหลาบเพียงต้นเดียวขึ้นอยู่ในดินแดนเงียบเหงาอ้างว้างเยือกเย็น ใครกันนะใจร้ายนำเธอมาทิ้งไว้กลางทุ่งหญ้ากว้างเปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง

             เธอกำลังอ่อนระโหยโรยแรงกับทุกสิ่งทุกอย่างกิ้งก้านกลีบดอกบอบบางไหวสั่นราวจะปลิดปลิวลิ่วหลุดลอย

             หรือกุหลาบจำเป็นต้องเกิดมาเพื่อมีคนดูแลเท่านั้น

             สายลมแสนดีหอบพัดพาเขามาหากุหลาบแสนเศร้าผู้อยู่กลางทุ่งกว้างอันแห้งแล้งอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีกุหลาบเกิดขึ้นได้ คำตอบเรื่องนี้คงวางอยู่กลางอากาศ

             “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ต้นเดียวล่ะ”

             เขาถามขณะลอยวนเวียนไปรอบตัวเธอตามสายลมหวนดูท่าทีพักหนึ่ง ก่อนโรยรายปรายโปรยตัวเองลงกับพื้นรอบต้นกุหลาบ

             “ไม่ทราบค่ะ” เธอร้องอย่างดีใจ

              “โอ...ฉันนึกว่าต้องอยู่ต้นเดียวตลอดไปไม่มีใครมาทักทายเสียอีก”

             “ความจริงมีผืนป่าเต็มไปด้วยดอกไม้มากมาย มีดินแดนสวยงามอุดมสมบูรณ์ไกลออกไปทางทิศตะวันออก” เขาบอก

             “แต่ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีสิ่งใดสามารถพัดพาไปได้แม้แต่สายลม”

             “อืม….”

             “และก็ไม่มีสิ่งใดอยากมาที่นี่….มันอ้างว้างเยือกเย็นเกินไปค่ะ”

             “น่าสงสารจัง….แต่เชื่อเถอะสักวันคุณต้องได้อยู่ในดินแดนสวยงามแน่นอน...บางทีโอกาสและเวลาก็รอจังหวะเหมาะสมของมันเหมือนกันนะ”

             กุหลาบต้นนี้โดดเดี่ยวจริงๆ อยู่ในดินแดนแสนอ้างว้าง สายฝนหมางเมินขาดหายไปนาน เพียงมีสายลมใจดีพยายามหอบไอน้ำมากลั่นตัวเป็นหยดน้ำค้างยามเช้าน้อยนิดพอประทังชีวิตไปในแต่ละวัน

             “อยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ อย่าเพิ่งหนีไปไหน”

             “ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอดไป”

             เขาเพียรเฝ้าปลอบใจคอยพูดคุยกุหลาบให้อดทนรอวันฟ้ากระจ่างสดใสที่มีสายลมเฉื่อยฉิวมวลหมู่พฤกษานานาพันธุ์งอกงามขึ้นมาร่ายรำกระซิบสายลมโชยพัดสะบัดกิ่งใบท่ามกลางหมู่ภมรโบยบิน

             แต่กุหลาบดูอ่อนล้าลงทุกวัน

             กิ่งก้านและใบของเธอนับวันดูซีดเซียวลงทุกที แม้สายลมพยายามพัดหยอกเย้าเธอยังซึมเซาเหงาหงอย แม้ว่าเขาพยายามให้กำลังใจ

             “เธอเป็นอะไร” เขาแอบถามสายลมในวันหนึ่ง

             “เธอกำลังจะตายเพราะขาดปุ๋ย...ดินแดนแห่งนี้ไม่เพียงเหงาเหงาอ้างว้างเท่านั้น พื้นกินยังขาดธาตุอาหารเพราะขาดน้ำ”

             เขาใจหายวาบ

             มันน่าเศร้าเหลือเกินเมื่อรับรู้ความจริงว่ากุหลาบสวยต้นหนึ่งกำลังจะตาย ยิ่งเป็นการตายอันเงียบเหงาเพียงลำพังยิ่งกระทบกระเทือนจิตใจมากเป็นพิเศษ อย่าว่าแต่สายใยแห่งมิตรภาพสวยงามกำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างแช่มช้ามั่นคงทำให้ความอ่อนไหวรุนแรงมากขึ้น

             เขาวานวอนอ้อนสายลมว่าพรุ่งนี้เช้าช่วยพาไอน้ำมาให้มากเป็นพิเศษ ตัดสินใจทำให้ตัวเองมีประโยชน์มีคุณค่าสักครั้งในชีวิตของการเป็นธุลีในสายลม

             สนธยามาเยือน กุหลาบกำลังจะหลับใหลเช่นทุกคืน เพราะเธอเป็นกุหลาบยามขาดแสงจำเป็นต้องพักผ่อนหลับนอน

             “คืนนี้ผมจะไปไกลแสนไกล จะไม่ได้มาคุยกับคุณอีกแล้ว”

             เขาบอกต้นกุหลาบ พยายามบังคับจิตใจไม่ให้อารมณ์ร้าวรานออกมาจากการสะกดกลั้น

             “ทำไมล่ะคะ”

             “มันเป็นความจำเป็นของเศษธุลีกองหนึ่ง บางครั้งไม่ว่าใครก็ต้องมีเรื่องจำเป็นของตนเอง”

             “คุณผิดสัญญา...ไหนบอกจะอยู่คุยกับฉันตลอดไป”

             กุหลาบคล้ายกำลังหลั่งน้ำตา แต่เพราะเป็นกุหลาบจึงไม่สามารถมีน้ำตา แต่บางครั้งการไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากลับดูเจ็บช้ำขมขื่นมากกว่าหลั่งธารน้ำตาเสียอีก

             “สัญญาไม่เป็นสัญญา”

             “สายลมบอกว่าอีกไม่นานฤดูกาลอันอุดมสมบูรณ์จะมาเยือนที่นี่ ผมสัมผัสได้ถึงจิตวิญญานของบรรพบุรุษของคุณฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน เพียงคุณรอไปอีกสักระยะรับรองดินแดนในฝันจะมาเยือนแน่นอนรับรอง”

             “แต่คุณผิดสัญญา” ต้นกุหลาบเฝ้าตัดพ้อต่อว่ากระทั่งเหนื่อยหมดแรงหลับไปในที่สุด

             “ผมไม่ได้ผิดสัญญาหรอก”

              เขากระซิบด้วยความหม่นเศร้าแต่ต้นกุหลาบไม่ได้รับรู้ประโยคสุดท้ายอันสะท้านไปด้วยความรู้สึก


             รุ่งขึ้นกุหลาบตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้สัมผัสความคุ้นเคยของธุลีดินอีกแล้ว หรือว่าธุลีในสายลมพัดพาลาหายไป ณ ดินแดนแสนไกล

             “ทำไมไม่รักษาสัญญา ทิ้งฉันอยู่เดียวดาย”  เธอคร่ำครวญกับสายลมอย่างเศร้าสร้อยหดหู่ สายลมเพียงปลอบใจให้เธอรอคอย

             ดังนั้นกุหลาบจึงเฝ้ารอ หวังว่าจะได้สัมผัสความรู้สึกคุ้นเคยปลอบประโลมของธุลีในสายลม หวังว่าตื่นเช้ามาจะได้รับรู้การทักทายอย่างที่เคยผ่านมา

             วันเวลาผ่านไป ข่าวของธุลีในสายลมยังว่างเปล่า

             กุหลาบยังไม่ตาย หรือเป็นเพราะการตั้งใจรอคอย  บางทีมีสายลมเท่านั้นที่รู้

             ในที่สุดฤดูกาลอันอุดมสมบูรณ์ก็มาถึง สายลมพัดพาเมฆฝนสร้างสายน้ำใสไหลเย็นฉ่ำมาฝาก สายฝนพร่างพรมยาวนานช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุกลับคืนมาให้มวลพฤกษานานาพันธ์ที่เริ่มพลิกฟื้นขึ้นมาจากพื้นดิน…ไม่นานทุ่งกว้างก็กลับกลายเป็นดินแดนในฝันของต้นกุหลาบ มีเพื่อนใหม่มากมายหลายหลาก มีเรื่องพูดคุยกันไม่รู้จักจบสิ้นความสดใสมีชีวิตชีวากระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่

             แต่ธุลีในสายลมไปไหนแล้ว

             …….


             ธุลีดินไม่ได้ผิดสัญญา

             วันนั้นเขาวานให้ลมหอบเขาไปกองฝุ่นธุลีดินบริเวณโคนต้นของกุหลาบ ย่อยสลายตัวเองลงเป็นองค์ประกอบพื้นฐานแห่งความเป็นธุลีดินกลายเป็นปุ๋ยผสมน้ำค้างยามเช้าหล่อเลี้ยงเติมต่อชีวิตของต้นกุหลาบให้ยืนยงต่อไปจนถึงวันเวลาดินแดนในฝันมาเยือน

             เขาอยู่กับเธอจนวาระสุดท้ายของความเป็นธุลีในสายลม การการสละตนเองอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ไม่เรียกร้องความถูกต้อง ไม่อธิบาย ยอมให้ถูกเข้าใจผิดว่าไม่รักษาสัญญา โดยไม่จำเป็นต้องแก้ตัว


             สายลมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับต้นกุหลาบ ไม่ว่าช่วงใดก็ไม่เหมาะไม่ควรจะบอกความจริง...ความจริงบางครั้งโหดร้ายเกินไป และบางครั้งก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะผ่านไป

             เป็นเวลาเช้างดงาม

             ทะเลบุปผาไหวเอนเริงร่าร่ายระบำ หมู่ผีเสื้อโบยบินท่ามกลางกลิ่นจรุงปรุงแต่งจากธรรมชาติ วิหคขับขานเจื้อยแจ้วแว่วบทเพลงธรรมชาติขับกล่อม  สรรพสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่มีทุกข์สุขใดจีรังยั่งยืน สายลมพัดพาผ่านทะเลบุปผาวันนั้นคล้ายการสั่งลาแต่กุหลาบได้ยินหรือไม่

             ไม่ทราบว่าเธอยังคงคิดถึงธุลีในสายลมหรือไม่ แต่ไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป โลกใหม่ของกุหลาบสวยงามเกินกว่าจะหวนย้อนคิดถึงความหลังอันแสนเศร้าให้เสียเวลา

             เช้าวันนั้น...น้ำค้างลงจับพื้นที่ในทุ่งสวยมากเป็นพิเศษ หรือว่าเป็นน้ำตาของสายลมผู้รับเอาสุขทุกข์มวลหมู่สรรพสิ่งตลอดมา

             และวันนั้นเอง สายลมพัดพาลาจากทุ่งกว้างสวยงาม...ออกไปยังดินแดนสุดสายปลายฝันอันแสนไกล




จบนิทานเรื่องที่ 1
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่