จากที่ผมลองเล่นหุ้นมาเป็นระยะเวลาปีกว่า ผมพบว่าบางครั้งเราจะกำไร-ขาดทุนนั้นห่างกันแค่ไม่กี่นาที
ซึ่งมี 4 ช่วงเวลาที่ผมสังเกตแล้วว่ามักเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของ SET ดังนั้นขอให้จับตามมองตลาดกันเป็นพิเศษนะครับ
1) "ตื่นข่าว" (10.00 - 10.15 น.)
เป็นช่วงเวลาเปิดตลาดที่มักเกิดความโกลาหลได้เสมอจากข่าวดี-ร้ายที่ได้รับทราบไปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดย SET มักจะโดดขึ้นหรือลงตามระดับของข่าวนั้นๆ ซึ่งผมขอเสนอว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะกับการซื้อขายมากเท่าไหร่นัก เพราะหลัง 10.15 น. ไปท่านอาจอยู่ดอยแล้วเป็นได้ แนะนำว่า
"อยู่เฉยๆ" รอให้ฝุ่นจาง แล้วจะเห็นความจริงได้ชัดขึ้น จากนั้นจึงค่อยเริ่มลงมือ
2) "ก่อนกินข้าว" (12.00 - 12.30 น.)
เป็นช่วงก่อนปิดตลาดภาคเช้า ซึ่งผมสังเกตว่าเป็นช่วงที่มักจะเริ่มมีแนวโน้มการเปลี่ยนทิศทางของตลาด โดยอาจมาในรูปแบบวอลุ่มที่พุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งพร้อมจะไปเปิดโดดในช่วงบ่าย แต่ลักษณะนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วสิ่งแรกที่มีผลกับตลาดภาคบ่ายคือ
"ตลาดเพื่อนบ้าน" เช่น จีน
3) "หรั่งตื่น!!" (15.00 - 15.30 น.)
หลายคนไม่เคยสนใจช่วงเวลานี้มาก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ตลาดยุโรปเริ่มเปิด แต่ผมสังเกตเห็นแล้วว่ามักจะเกิดการกลับทิศ หรือพุ่งขึ้น/เทลง ตามตลาดยุโรปอย่างมีนัยสำคัญตลอด ดังนั้นจึงขอแนะนำเลยว่า
"เดินตามหรั่งหมาไม่กัด"
"แก๊ง 4 โมง" (16.00 - 16.30 น.)
ช่วงเวลานี้คืทุกคนน่าจะร็จักกันดี โดยส่วนตัวผมสังเกตดูพฤกติกรรมในช่วงเวลานี้แล้วพบว่า มักเกิดการ "เฮตามกัน" คือหากช่วงเวลาก่อน 4 โมง SET กำลังพุ่งขึ้น พอเข้าช่วงเวลานี้จะมีอัตราเร่งให้พุ่งสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ตรงข้ามหาก SET กำลังดิ่งลง พอเข้าช่วงเวลานี้จะเหมือนมีการเทขายเข้ามาอยู่อีกตลอดลักษณะเหมือนซ้ำเติมกันไป ทำให้ช่วงเวลานี้ SET อาจจะ + / - เพิ่มไปอีกประมาณ 5 จุด ดังนั้นช่วงนี้คำแนะนำคือ
"แล้วแต่คน" เพราะไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าการ "เฮตามกัน" นี้เป็นสิ่งถูกต้องแค่ไหน ซึ่งการถือข้ามวันก็มีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นก็ควรวิเคราะห์มาก่อนซื้อขายนะครับ
ถ้าท่านลองสังเกตดีๆ จะพบว่าความรู้สึกที่ว่า "ตกรถแล้ว" "ติดดอยเลย" มักจะเริ่มต้นมาจากในช่วงเวลาพวกนี้ เพราะช่วงเวลาทั้ง 4 นี้สรุปง่ายๆเลยคือ
เป็นช่วงเวลาที่ SET มีความผันผวนมาก ดังนั้นเหล่าเม่าทั้งหลายมักจุติกันในช่วงเวลานี้นี่เอง
สุดทายนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเพียงการสังเกตของผมคนเดียว หวังว่าอาจจะมีประโยชน์กับบางท่านไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ขอให้ทุกท่านได้ลองวิเคราะห์และลงทุนอย่างมีสตินะครับ


4 ช่วงเวลาอันตราย!! อย่าเพิ่งรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ
ซึ่งมี 4 ช่วงเวลาที่ผมสังเกตแล้วว่ามักเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของ SET ดังนั้นขอให้จับตามมองตลาดกันเป็นพิเศษนะครับ
1) "ตื่นข่าว" (10.00 - 10.15 น.)
เป็นช่วงเวลาเปิดตลาดที่มักเกิดความโกลาหลได้เสมอจากข่าวดี-ร้ายที่ได้รับทราบไปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดย SET มักจะโดดขึ้นหรือลงตามระดับของข่าวนั้นๆ ซึ่งผมขอเสนอว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะกับการซื้อขายมากเท่าไหร่นัก เพราะหลัง 10.15 น. ไปท่านอาจอยู่ดอยแล้วเป็นได้ แนะนำว่า "อยู่เฉยๆ" รอให้ฝุ่นจาง แล้วจะเห็นความจริงได้ชัดขึ้น จากนั้นจึงค่อยเริ่มลงมือ
2) "ก่อนกินข้าว" (12.00 - 12.30 น.)
เป็นช่วงก่อนปิดตลาดภาคเช้า ซึ่งผมสังเกตว่าเป็นช่วงที่มักจะเริ่มมีแนวโน้มการเปลี่ยนทิศทางของตลาด โดยอาจมาในรูปแบบวอลุ่มที่พุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งพร้อมจะไปเปิดโดดในช่วงบ่าย แต่ลักษณะนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วสิ่งแรกที่มีผลกับตลาดภาคบ่ายคือ "ตลาดเพื่อนบ้าน" เช่น จีน
3) "หรั่งตื่น!!" (15.00 - 15.30 น.)
หลายคนไม่เคยสนใจช่วงเวลานี้มาก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ตลาดยุโรปเริ่มเปิด แต่ผมสังเกตเห็นแล้วว่ามักจะเกิดการกลับทิศ หรือพุ่งขึ้น/เทลง ตามตลาดยุโรปอย่างมีนัยสำคัญตลอด ดังนั้นจึงขอแนะนำเลยว่า "เดินตามหรั่งหมาไม่กัด"
"แก๊ง 4 โมง" (16.00 - 16.30 น.)
ช่วงเวลานี้คืทุกคนน่าจะร็จักกันดี โดยส่วนตัวผมสังเกตดูพฤกติกรรมในช่วงเวลานี้แล้วพบว่า มักเกิดการ "เฮตามกัน" คือหากช่วงเวลาก่อน 4 โมง SET กำลังพุ่งขึ้น พอเข้าช่วงเวลานี้จะมีอัตราเร่งให้พุ่งสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ตรงข้ามหาก SET กำลังดิ่งลง พอเข้าช่วงเวลานี้จะเหมือนมีการเทขายเข้ามาอยู่อีกตลอดลักษณะเหมือนซ้ำเติมกันไป ทำให้ช่วงเวลานี้ SET อาจจะ + / - เพิ่มไปอีกประมาณ 5 จุด ดังนั้นช่วงนี้คำแนะนำคือ "แล้วแต่คน" เพราะไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าการ "เฮตามกัน" นี้เป็นสิ่งถูกต้องแค่ไหน ซึ่งการถือข้ามวันก็มีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นก็ควรวิเคราะห์มาก่อนซื้อขายนะครับ
ถ้าท่านลองสังเกตดีๆ จะพบว่าความรู้สึกที่ว่า "ตกรถแล้ว" "ติดดอยเลย" มักจะเริ่มต้นมาจากในช่วงเวลาพวกนี้ เพราะช่วงเวลาทั้ง 4 นี้สรุปง่ายๆเลยคือ เป็นช่วงเวลาที่ SET มีความผันผวนมาก ดังนั้นเหล่าเม่าทั้งหลายมักจุติกันในช่วงเวลานี้นี่เอง
สุดทายนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเพียงการสังเกตของผมคนเดียว หวังว่าอาจจะมีประโยชน์กับบางท่านไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ขอให้ทุกท่านได้ลองวิเคราะห์และลงทุนอย่างมีสตินะครับ