[SR] ชีวิตเบื่อสอบ เลยหอบกระเป๋าไปเที่ยว ภูห้วยอีสันใครว่ามีดีแค่ทะเลหมอก

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป ขอพูดแบบคนอื่นพูดละกัน นี่เป็นกระทู้แรกของชีวิต ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ  อย่างที่บอกไปว่าชีวิตเบื่อสอบ คือช่วงนี้สอบเยอะมากๆๆ สอบๆๆๆๆแล้วก็สอบ  คงรู้กันใช่มั้ยคะว่าอยู่มอไหนแล้ว5555 วิธีคลายเครียดก็คือเที่ยวสิคะ จขกท.ก็เลยพูดกับเพื่อนว่าเห้ยแกเราจัดทริปสักทริปมั้ย ไปหาที่ปลดปล่อยกัน แล้วพอดีว่ามีครูที่รู้จักเอารูปภูห้วยอีสัน บ้านม่วง  อ.สังคม จ.หนองคาย มาให้ดู ดูครั้งแรกแล้วแบบ....เฮ้ยยสวยมากกก ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเลย เพื่อนก็โอเคกันหมด เอาล่ะทีนี้เรามีที่เที่ยวแล้ว หาที่พักกันแกกกก  นั่งหาไปหามาเลยบังเอิญมาเจอโฮมสเตย์หลังนึง ชื่อว่า “เขาเคียงโขงโฮมสเตย์”  ดูสภาพรวมๆแล้วก็โอเคเลย ก็เลยตกลงปลงใจกันเอาที่นี่แหละ ราคาบ้านคืนละ 2000 บาท/คืน พักได้ 10 คนค่ะ  และเราต้องจ่ายค่ามัดจำไปก่อน 1000 บาท เอาล่ะ กายพร้อม ใจพร้อม แต่เงินไม่ค่อยพร้อม ลุยเลยยยยย

9/01/2559
พอถึงวันเดินทางจขกท.กับเพื่อนก็นัดกันมาที่บขส.หนองคายเพื่อที่จะขึ้นรถ ขอบอกก่อนนะคะว่าเราเป็นคนหนองคายกันหมด การเดินทางเลยไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ รถที่จะผ่านอ.สังคม คือรถหนองคาย-เลย หรือรถเมล์เขียว ค่ารถคนละ 65 บาท รอบที่เราออกเดินทางคือ 11.00 น. พอถึงเวลาเราก็นั่งทำตัวสบายๆ พร้อมกับมองเงินในกระเป๋าว่า ต่อไปนี้เราจะไม่ได้เจอกันแล้วนะTT

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ช็อคมั้ยล่ะ! จริงๆถ้าเราขับรถไปเองก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ รถเมล์แวะรับหลายที่แล้วแต่ละที่ก็นาน! มาก! ด้วย! หลับอีกหลายตื่นค่ะ




วิวข้างทางของอ.สังคม ส่วนมากจะเป็นพวกพืชผักสวนครัวของชาวบ้านที่ปลูกไว้ สีเขียวๆของผักดูไปเรื่อยๆก็สบายตาไปอีกกก

พอใกล้จะถึงบ้านม่วงแล้วเราก็เอารูปโฮมสเตย์ให้คนขับดู แล้วพอดีที่พักติดถนนพอดีเลยแวะลงได้ไม่ต้องต่อรถไปอีก และนี่คือ เขาเคียงโขงโฮมสเตย์ เห็นครั้งแรกนี่วิ่งใส่เลยค่ะ รีบไปตรวจดูทันที



ข้างในตัวบ้านจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนข้างหน้าจะเป็นเคาท์เตอร์ทำครัว อิฐสีส้มๆตัดกับผิวปูนเปลือย ดูอบอุ่นมาก ตรงเคาท์เตอร์ก็จะมีเครื่องครัว ตู้เย็น ซิงค์ล้างจานไว้ให้เราทำอาหารกันเองค่ะ แต่พอดีว่าเราไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยก็เลยซื้อเอาดีกว่า5555


ส่วนตรงกลางจะเป็นห้องนอนค่ะ จะมีคุณป้ามาปูที่นอนไว้ให้ตอนที่เรามาถึง ห้องพักจะเป็นห้องพัดลมค่ะ มีพัดลมเสียงดังๆอยู่2ตัว ตัวนึงเสียงแกร็กๆ ตัวนึงเสียงเอี๊ยดๆ


ส่วนสุดท้ายจะเป็นห้องน้ำกับที่โล่งๆ ข้างหน้าห้องน้ำยังมีเตาแก๊สแล้วก็เครื่องครัวอีกด้วย ทำครัวหน้าน้ำเก๋ไปอีก

หลังจากที่เราสำรวจที่พักเสร็จ ก็ถึงเวลาออกหากินแล้ววว ใกล้ๆกับที่พักจะมีร้านอาหารร้านหนึ่งชื่อว่า "ครัวไม้น้ำ" เป็นร้านอาหาตามสั่ง เราก็รีบเดินเข้าไปทันที แต่ทันใดนั้นก็เหลือไปเห็นป้าย "ปิด" จ้าาาาา ทำไมต้องมาปิดตอนนี้ด้วยTT ด้วยความขี้ยิ้มเราก็เดินเข้าไปถามข้างในร้านว่าทำไมถึงปิด ป้าแกบอกว่าเมื่อกี้เพิ่งมีทัวร์ลง ของเลยหมด เตรียมของไม่ทัน แต่ตอนเย็นจะเปิดอีกที ตอนนี้พักก่อน อ๋ออออออ งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยมาก็ได้โน๊ะ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเพราะหน้าครัวไม้น้ำมีร้านส้มตำไก่ย่างเล็กๆพอให้เราได้ประทังชีวิต โอเคตอนนี้มีอะไรกินหมดค่ะ

ส้มตำป้าแกแซ่บมาก ไก่ก็อร่อย หรือว่าเราหิวก็ไม่รู้5555

หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็ไปเดินให้ท้องย่อยบริเวณครัวไม้น้ำ ถ้าเดินลงไปข้างล่างจะมีลานกางเต๊นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว แถมยังติดแม่น้ำโขงอีก ว้าววว ลุงที่ครัวไม้น้ำบอกกับเราว่าที่นี่มีบริการนั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ตกด้วย เหยแกก อยากไปป เราก็รับปากกับลุงไว้ว่าเดี๋ยวเราจะไปลุงบอกเรือออก 4 โมงเย็นนะมาให้ทัน เราก็โอเคๆ

ลานกางเต๊นท์ที่ครัวไม้น้ำ บรรยากาศดีมากก

ขากลับเราแวะร้านกาแฟเล็กๆหน้าครัวไม้น้ำ(มีทุกอย่างจริงๆ) สภาพเหมือนเพิ่งทำใหม่ เข้าไปลองชิมกันก่อนมั้ยแกกก



ราคาเครื่องดื่มที่นี่ประมาณ 40-60 บาท รสชาติก็ใช้ได้เลย

พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน กลับมาที่พักบางคนก็สลบบ้าง นับเลขบ้าง เล่นอูคูบ้าง เพลินเลยยยยย เพลินจนลืมดูเวลา พอหยิบนาฬิกามาดูเท่านั้นแหละ เห้ยยยย สี่โมงครึ่งแล้ววว เรือออกแล้วแน่ๆเลย เราเลยวิ่งไปที่ครัวไม้น้ำแล้วถามป้าว่าทันมั้ย ป้าบอกว่าไม่ทันแล้วเรือออกแล้ว ฮือออออ เสียดายอ่ะ อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไป แต่แล้วก็เหมือนมีแสงสว่างมาหาเรา เพราะลุงครัวไม้น้ำเดินมาพอดีเราเลยขอลุงว่าไปตอนนี้ก็ได้ลุง มันอาจจะทัน ลุงแกสงสารพวกผิดเวลาอย่างเราเลยโทรให้คนขับเรือมารับ เย้เย้ ในที่สุดก็ได้ไปปปป ค่าเรือลำละ 350บาท/ลำ นั่งได้ 4 คน เรามานั่งเรือ 8 คนพอดี จขกท.กับเพื่อนเลยแบ่งกันไปคนละลำ พอนั่งเรือมาได้สักพักความขี้ยิ้มก็ทำงาน เลยถามลุงขับเรือว่าต้นที่มันขึ้นกับโขดหินเยอะๆ คือต้นอะไรหรอลุง ลุงแกบอกว่ามันคือต้นไคร้ หรือปะการังน้ำโขง ลักษณะมันก็เหมือนปะการังจริงๆแหละ

นี่ไงต้นไคร้หรือปะการังน้ำโขง

มองดูไกลๆคิดว่าดอกไม้ ที่ไหนได้มันเป็นนก

บริเวณรอบข้างจะเป็นโขดหินที่ขึ้นกลางแม่น้ำโขง ซึ่งถ้าแม่น้ำโขงที่หนองคายจะเป็นโล่งๆ แต่ที่นี่มีพร็อบขึ้นตรงกลาง เก๋ๆ

ถึงแล้วววววว จุดชมพระอาทิตย์ตก เรามาทันเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกพอดี อยากจะร้องไห้ มันทันแกมันทันนนนน



พอถึงปุ๊บเราก็รีบลงปั๊บ ตรงจุดชมวิวจะเป็นลานทรายขาวๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย



ทรายขาวมากเลยจริงๆมานี่เหมือนได้มาทะเล แต่เป็นทะเลจืด5555

ในขณะที่ลุงขับเรือรอเรา ลุงแกก็นั่งเล่นเอ็มวีรอไปปปป





อีกจุดหนึ่งที่เพื่อนอีกลำไปลง จะไม่ใช่ลานทราย แต่จะเป็นโขดหินคล้ายสามพันโบกของอุบลเลยค่ะ แต่จะอยู่ใกล้ๆกับลานทราย ตะโกนหากันได้ด้วย555 พอพระอาทิตย์ลับไปเราก็นั่งเรือกลับ ลุงบอกว่าระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร อึ้งมั้ยล่ะ แต่ระยะทางไกลๆแบบนี้ล่ะที่ทำให้เราได้นั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ยิ่งตอนเย็นๆก็จะเห็นภาพนกบินกลับรัง เห้อมมม อยากหยุดเวลาไว้จริงๆ

กลับมาถึงที่ครัวไม้น้ำเราก็ขึ้นฝั่งมาสั่งกับข้าว คนที่นี่เยอะมากกกก คิวยาวไปอีก ในขณะที่นั่งรอเราก็คิดขึ้นมาได้ว่า เห้ยแก เราจ่ายค่าเรือลุงยัง? ทุกคนนิ่ง....ยิ้มละยังไม่จ่ายค่าเรือ! จขกท.กับเพื่อนก็เลยรีบวิ่งไปหาลุงขับเรือแล้วเอาเงินให้ คือแกก็เหมือนจะยืนรอเรานะ แต่ทำไมตอนขึ้นเรือลุงแกไม่ทวงตังค์เลย นี่ก็งง55555 ใครที่จะไปก็จ่ายตังค์ไว้ก่อนนะเดี๋ยวลืมแบบจขกท. จ่ายตังค์เสร็จก็มารอข้าวต่อ จขกท.ขอแนะนำว่าให้สั่งเป็นข้าวกล่องกลับที่พักจะดีกว่าค่ะ เพราะคนเยอะมากจริงๆ ราคากับข้าวที่นี่ก็ประมาณ 40-50 บาท ได้ข้าวแล้วเราก็กลับกันเลยย กินข้าว อาบน้ำ คุยกันเรื่องพรุ่งนี้ว่าจะไปขึ้นภูกี่โมง ตอนนั่งเรือจขกท.ก็ถามลุงขับเรือว่ารถอีแต๊กรอบเช้าสุดกี่โมง(นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นภูต้องนั่งรถอีแต๊กเท่านั้นนะคะ)ลุงแกบอกว่าตี4 แล้วแกก็แนะนำให้ไปตอนตี4 เพราะถ้าประมาณตี5 นักท่องเที่ยวจะมารอรถอีแต๊กเยอะมาก มันวุ่นวาย เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่างั้นพรุ่งนี้เราไปตี4กันนนนน

10/01/2559
แกๆตื่นๆ จะถึงตี4แล้ว จขกท.กับเพื่อนก็รีบตื่นอาบน้ำไปรอรถอีแต๊กที่จุดรอ เราไปรอที่ครัวไม้น้ำ(อีกแล้ว) และเหมือนว่าเราจะเป็นกลุ่มแรกที่มารอ ดีนะที่ยังมีป้าร้านส้มตำแกตื่นแต่เช้ามาทำข้าวจี่ขาย เลยมีแกเป็นเพื่อน รอสักพักรถอีแต๊กก็มาถึง ค่ารถอีแต๊กคนละ 60 บาท ไป-กลับ จะมีคนมาขายตั๋วให้เรา แล้วขากลับเราก็นั่งมากับคันไหนก็ได้เพราะเราซื้อตั๋วแล้ว รถอีแต๊กนั่งได้ไม่เกิน 10 คน ซึ่ง...เป๊ะอีกแล้วจขกท.กับเพื่อนมีกัน 10 คนพอดี พอจ่ายตั๋วเสร็จเราก็รีบขึ้นภูกันเลยยยย ระหว่างทางคือมืดมาก ทางชันมาก แล้วก็ขรุขระมากด้วย ข้างทางก็จะเป็นสวนยางของชาวบ้าน จะเห็นชาวบ้านบางส่วนมากรีดยางด้วย และด้วยความที่มันมืดมากเราเลยส่องไฟฉายเพิ่มให้ลุงขับรถอีก เพื่อความปลอดภัยของชีวิตเรา รอประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงจุดชมวิวภูห้วยอีสัน และข้างบนนั้นก็มีป้าสองคนมาเตรียมของขาย โชคดีที่ยังมีไฟดวงเล็กๆอยู่ และโชคดีที่มีป้าร้านขายของเป็นเพื่อน เพราะข้างบนมีแค่กลุ่มเราค่ะท่านผู้ชมมม เราก็นั่งรอ นอนรอ ถ่ายรูปรอ จนประมาณตี5 คนเริ่มทยอยกันขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าใครต้องการจะเข้าห้องน้ำที่นี่ก็มีให้นะ และต้องเสียค่าบริการด้วย วันที่เราไปไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ค่ะ เย็นนิดนึง เรารอจนถึง6โมงครึ่งค่อยเริ่มเห็นพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมา แต่ไม่ค่อยเห็นหมอกเท่าไหร่ ป้าร้ายขายของบอกว่าประมาณ10-11 โมงถึงจะเห็นหมอกได้ชัด พระเจ้า! แล้วเราขึ้นมาทำไมตั้งตีสี่เนี่ยยยย


รอตั้งแต่ตีสี่ หกโมงครึ่งแสงก็เริ่มมาาาา







7 โมงเช้าหมอกก็เริ่มทำงานมากขึ้น จขกท.ขอแนะนำว่าถ้าใครจะมาก็มาตอนสายๆได้ค่ะ ไม่ต้องตื่นเช้าเหมือนจขกท.TT เพราะยิ่งสายหมอกก็ยิ่งมา
ชื่อสินค้า:   ภูห้วยอีสัน หนองคาย
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่