จากกระทู้นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/34644573
ขออธิบายตรงนี้เลยนะคะว่าดิฉันจขกท และ น้องผู้เสียหายคนละคนกันค่ะ
เราเป็นแค่ผู้ส่งสารและเป็นคนเอาเรื่องของน้องมาลงในพันทิพ(ซึ่งโอเค น้องยินยอมและตัดสินใจให้ลง)
จากที่รู้เรื่องมาน้องมีอะไรก็บอกหมด ส่วนเรื่องที่น้องไปเคลียร์กับทางเจ้าของแบรนตอนไหนอันนี้เราไม่ทราบ
มีแค่ข้อความมาให้และบอกว่าเคลียร์กันแล้ว ซึ่งตัวเราไม่รู้ในจุดนั้น แต่เรื่องการฟ้องร้องเรายืนยันได้ว่าน้องได้เข้า
ไปแจ้งตำรวจและจะทำการฟ้องร้องแล้วจริงๆ แต่ทางตำรวจได้บอกกับน้องว่าน้องเองก็ผิดกฎหมายไปข้อนึง
เหมือนกันที่เอาสินค้าไปขาย ทางตำรวจบอกให้ไปตรวจนั่นนี่มากมายเพื่อจะได้รู้ว่าสินค้าและเจ้าของแบรน
ได้จดลิขสิทธิ์ไว้หรือเปล่า เพราะถ้ามีลิขสิทธิ์ น้องจะผิดกฎหมาย ตอนนั้นเราเองรู้สึกแปลกๆงงๆกับกฎหมายข้อนี้
อยากจะตั้งคำถามเพื่อถามคนในพันทิพ แต่ก็กลัวว่าฝั่งโน้นจะมาอ่านและรู้ว่าเรากังวลเรื่องนี้อยู่
เราเองไม่รู้เรื่องกฎหมาย ตำรวจบอกมาแบบนี้กับน้อง น้องก็ทำตามที่ตำรวจบอกหมด
แต่ยังไม่ทันไร คุณแม่ของน้องก็ล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลซึ่งน้องได้ส่งรูปภาพที่โรงพยาบาลมาให้เราดูด้วยเหมือนกัน
ตอนนั้นน้องก็เลยพักเรื่องคดีความไปสักพัก แต่สุดท้ายแม่ของน้องขอร้องให้น้องไม่เอาเรื่องฝ่ายนู้น น้องเลยรอว่าจะให้ฝ่ายนู้น
โทรมาขอโทษ เราทราบแค่นี้ หลังจากนั้นน้องก็มาบอกว่าเคลียร์กันแล้ว จบแล้ว
เราเข้าใจที่น้องตัดสินใจไม่ต่อเรื่องคดีความ เพราะคุณแม่ของน้องเองก็ไม่อยากให้น้องต้องมาขึ้นโรงขึ้นศาลอะไร
เรื่องค่าใช้จ่ายทางบ้านน้องก็ไม่ค่อยจะมีมากมาย เวลาก็ไม่ค่อยจะมี น้องยังเรียนอยู่เลยค่ะ
อยากให้เข้าใจตรงนี้ด้วยนะคะ เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องหรือทางฝ่ายเจ้าของแบรนมากกว่านี้ไหม
แต่เราเชื่อว่าน้องไม่ทำอะไรไม่ดีหรอกค่ะ ส่วนเงื่อนงำไรนั่นคงไม่มีหรอก
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะฟ้องให้ถึงที่สุดค่ะ เพราะจนป่านนี้ดูเหมือนความคิดที่ว่า "ฉันไม่ผิด" ยังคงอยู่ในสมอง
คนแบบนี้ไม่เหมาะกับการที่จะมีใครยื่นมือเข้าไปช่วย
ที่ทำได้มาตลอดก็แค่ให้กำลังใจน้อง เพราะมันเป็นเรื่องของน้อง และไหนจะครอบครัวอีก อยากให้เคารพในการตัดสินใจของน้องนิดนึงค่ะ
ส่วนเรื่องที่เอาลงพันทิพเพื่อใช้กระแสสังคมบีบฝ่ายโน้นจะโทษมาโทษที่เราค่ะ คนต้นเรื่องที่ยุยงให้น้องตกลงเพื่อเอา
มาลงในพันทิพคือเราเอง ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบหรอกค่ะว่าจุดจบมันจะเป็นยังไง
จากกระทู้มหากาพย์สบู่ก้อนเดียวค่ะ
ขออธิบายตรงนี้เลยนะคะว่าดิฉันจขกท และ น้องผู้เสียหายคนละคนกันค่ะ
เราเป็นแค่ผู้ส่งสารและเป็นคนเอาเรื่องของน้องมาลงในพันทิพ(ซึ่งโอเค น้องยินยอมและตัดสินใจให้ลง)
จากที่รู้เรื่องมาน้องมีอะไรก็บอกหมด ส่วนเรื่องที่น้องไปเคลียร์กับทางเจ้าของแบรนตอนไหนอันนี้เราไม่ทราบ
มีแค่ข้อความมาให้และบอกว่าเคลียร์กันแล้ว ซึ่งตัวเราไม่รู้ในจุดนั้น แต่เรื่องการฟ้องร้องเรายืนยันได้ว่าน้องได้เข้า
ไปแจ้งตำรวจและจะทำการฟ้องร้องแล้วจริงๆ แต่ทางตำรวจได้บอกกับน้องว่าน้องเองก็ผิดกฎหมายไปข้อนึง
เหมือนกันที่เอาสินค้าไปขาย ทางตำรวจบอกให้ไปตรวจนั่นนี่มากมายเพื่อจะได้รู้ว่าสินค้าและเจ้าของแบรน
ได้จดลิขสิทธิ์ไว้หรือเปล่า เพราะถ้ามีลิขสิทธิ์ น้องจะผิดกฎหมาย ตอนนั้นเราเองรู้สึกแปลกๆงงๆกับกฎหมายข้อนี้
อยากจะตั้งคำถามเพื่อถามคนในพันทิพ แต่ก็กลัวว่าฝั่งโน้นจะมาอ่านและรู้ว่าเรากังวลเรื่องนี้อยู่
เราเองไม่รู้เรื่องกฎหมาย ตำรวจบอกมาแบบนี้กับน้อง น้องก็ทำตามที่ตำรวจบอกหมด
แต่ยังไม่ทันไร คุณแม่ของน้องก็ล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลซึ่งน้องได้ส่งรูปภาพที่โรงพยาบาลมาให้เราดูด้วยเหมือนกัน
ตอนนั้นน้องก็เลยพักเรื่องคดีความไปสักพัก แต่สุดท้ายแม่ของน้องขอร้องให้น้องไม่เอาเรื่องฝ่ายนู้น น้องเลยรอว่าจะให้ฝ่ายนู้น
โทรมาขอโทษ เราทราบแค่นี้ หลังจากนั้นน้องก็มาบอกว่าเคลียร์กันแล้ว จบแล้ว
เราเข้าใจที่น้องตัดสินใจไม่ต่อเรื่องคดีความ เพราะคุณแม่ของน้องเองก็ไม่อยากให้น้องต้องมาขึ้นโรงขึ้นศาลอะไร
เรื่องค่าใช้จ่ายทางบ้านน้องก็ไม่ค่อยจะมีมากมาย เวลาก็ไม่ค่อยจะมี น้องยังเรียนอยู่เลยค่ะ
อยากให้เข้าใจตรงนี้ด้วยนะคะ เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องหรือทางฝ่ายเจ้าของแบรนมากกว่านี้ไหม
แต่เราเชื่อว่าน้องไม่ทำอะไรไม่ดีหรอกค่ะ ส่วนเงื่อนงำไรนั่นคงไม่มีหรอก
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะฟ้องให้ถึงที่สุดค่ะ เพราะจนป่านนี้ดูเหมือนความคิดที่ว่า "ฉันไม่ผิด" ยังคงอยู่ในสมอง
คนแบบนี้ไม่เหมาะกับการที่จะมีใครยื่นมือเข้าไปช่วย
ที่ทำได้มาตลอดก็แค่ให้กำลังใจน้อง เพราะมันเป็นเรื่องของน้อง และไหนจะครอบครัวอีก อยากให้เคารพในการตัดสินใจของน้องนิดนึงค่ะ
ส่วนเรื่องที่เอาลงพันทิพเพื่อใช้กระแสสังคมบีบฝ่ายโน้นจะโทษมาโทษที่เราค่ะ คนต้นเรื่องที่ยุยงให้น้องตกลงเพื่อเอา
มาลงในพันทิพคือเราเอง ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบหรอกค่ะว่าจุดจบมันจะเป็นยังไง