แชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก ที่มหาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผมจะมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผมได้ประสบพบเจอมา เพราะช่วงหลังผมเล่นเฟสบุ๊คเห็นคนแชร์กระทู้เล่าประสบการณ์สยองขวัญกันเพียบเลย เลยนึกถึงเรื่องของตัวเอง เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ผมและเพื่อนได้พบเจอและไม่มีวันลืมเลย
ก่อนอื่นผมขอสารภาพว่าก่อนหน้าที่ผมจะเจอสิ่งไม่คาดฝันเหล่านี้ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องผีๆสางๆเลยครับ ออกแนวลบหลู่ด้วยซ้ำ คิดว่าเป็นเรื่องที่คนโบราณสร้างขึ้นมาอธิบายต่อสังคมสมัยนั้นเพราะเทคโนโลยียังไม่เจริญ จึงเล่าและเชื่อต่อๆกันมา เข้าเรื่องเลยนะครับ สถานที่ผมศึกษาอยู่ผมขอไม่เอ่ยถึงชื่อแต่เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จัก ผมเรียนอยู่ในมหาลัยทางภาคเหนือของประเทศ ด้วยการที่มหาลัยผมอยู่ในป่า ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ภูเขา ดังนั้นสถานที่แบบนี้จึงมีความเชื่อเรื่องเจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขา ด้วยความที่ผมไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ วันที่ผมเข้าหอในวันแรก (หอที่ผมอยู่ขอใช้อักษรย่อ L1 ซึ่งแต่ล่ะห้องจะกำหนดให้อยู่กัน 4 คนต่อ 1 ห้อง) ผมได้พบกับเพื่อนร่วมห้องทั้ง 3 คน รวมผมด้วย 4 คน  โดย 2 คนนั้นเป็นคนเหนือ และมีผมกับอีกคนที่มาจากกรุงเทพ โดยปกติผมเป็นคนพูดเก่ง เข้ากับสังคมเก่ง เมื่อถึงห้องวันแรก รูมเมททั้งหมดยังไม่รู้จักกัน ผมจึงเป็นตัวนำในการให้ทุกคนแนะนำตัวเอง และชวนคุยไปเรื่อย จนมีคำถามหนึ่งผมจำได้ ผมได้ถามทุกคนว่าใครเคยเจอผีบ้าง ปรากฎว่าไม่มีเคยใครเจอ ยกเว้นคนหนึ่งที่มาจากเชียงใหม่ได้เตือนคนอื่นๆว่า เรื่องพวกนี้มีจริงๆนะ ไม่เชื่อก็อยู่นิ่งๆอย่าไปลบหลู่เลย ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะมหาลัยยังไม่เปิดเทอม แค่เข้ามาเตรียมตัว เพื่อนสองคนก็กลับบ้าน เหลือแต่ผมกับเพื่อนคนหนึ่งที่มาจากกรุงเทพเหมือนกันอยู่กันสองคนในคืนแรก โดยในคืนนั้นก่อนนอนผมก็ชวนเพื่อนคุยและคุยโวด้วยความท้าทาย ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเจ้าที่มีจริง ก็ให้มันออกมาให้เห็นเลย เรื่องพวกนี้เป็นแค่อุปทานหมู่ที่คนคิดกันขึ้นมา ไร้สาระ ซึ่งเพื่อนผมก็ด่าผมในตอนนั้น ว่าอย่าปากดีเลย ทำไมไม่พูดตอนอยู่คนเดียว พูดทำไมตอนมันอยู่ด้วย หลังจากนั้นก็นอนกัน
               แต่ผมก็ตื่นขึ้นในคืนนั้น เพราะอากาศหนาวมากสักตี 2 ได้ ยิ่งมานอนที่ใหม่ๆผมก็ไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว แต่ผมแปลกใจอย่างหนึ่งทำไมตอนกลางวันอากาศปกติแต่กลางคืนหนาวมาก แต่ไม่ได้สงสัยอะไรมาก ภาคเหนือคงเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ผมจึงลุกขึ้นไปปิดพัดลมและบานเกล็ดให้สนิท แต่ตอนนั้นเองผมกำลังปิดบานเกล็ด มองลงไปข้างล่างหอผมมันเป็นป่า (ผมอยู่ชั้น 4 หอมี 4ชั้น) มีคนยืนอยู่หลังต้นไม้เป็นเงาตะคุ่มๆส่วนสูงจะสูงกว่าคนปกติ เป็นคนร่างใหญ่ ตาสีแดงหันหน้ามาพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผม ผมตกใจมาก จึงตะโกนโวยวายเรียกเพื่อนอีกคนให้ตื่นทันที เพื่อนตื่นขึ้นมาผมก็เรียกให้มาดูสิ่งที่ผมเห็น เพื่อนก็เห็นเหมือนกัน เพื่อนก็กลัวมาก เพื่อนก็บอกนี่ไงอยากเจอไง เขามาหาแล้วด้วยน้ำเสียงสั่นๆไม่ต่างจากผม ผมกับเพื่อนตอนนั้นก็กลัวมาก ผมจึงไปเปิดไฟในห้องแล้วสวดมนต์พร้อมขอโทษที่ลบหลู่ แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูด ไม่ต้องสวดแล้ว! ทำเอาผมและเพื่อนขนลุกซู่ และหลอนไปเลย สรุปแล้วก็อยู่กับเพื่อนจนเช้าโดยคืนนั้นไม่ได้หลับกันเลย  หลังจากคืนนั้นทำให้ผมเชื่อเรื่องแบบนี้เลย เพราะที่ผมและเพื่อนเห็นไม่ได้ตาฝาดแน่ๆแล้วก็ดูยังไงก็ไม่ใช่คนไปแกล้งยืนที่ตรงนั้นตอนหนาวๆแล้วทำแบบนั้นและที่ชัดเจนคือเสียงที่ได้ยิน มันเป็นเสียงของผู้ชายแก่ๆหน่อย ซึ่งถ้าไม่ใช่ผีสางแล้วจะเป็นอะไร ไม่มีใครมาแกล้งตอนนั้นแน่นอน  
              เหตุการณ์หลังจากวันนั้นทำให้ผมไม่กล้าปากดี และเชื่อเรื่องแบบนี้สนิทใจเลย เพราะโดนมากลับตัว จึงเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มันก็มีเหตุผลในตัวมันอยู่แม้วิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ไม่ได้ และทำให้ผมไม่กล้าอยู่หอในเลย ทนอยู่อีก 2 เดือนหลังจากเปิดเทอมรีบย้ายไปอยู่ หอนอกคนเดียวเลยทั้งที่กฎมหาลัยให้ปี1อยู่หอในทุกคนแต่ผมก็หลอนไม่หายเลย

               และเมื่อตอนผมปี 2 เป็นอีกครั้งที่ผมมีความจดจำเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำอีก แต่ก็จำไม่ลืมเลย คืนวันนั้นในมหาลัยมีงานขันโตก คือประเพณีอย่างหนึ่งของภาคเหนือ ซึ่งผมก็เข้าร่วมด้วยหลังจากเสร็จผมและเพื่อนนัดกันไปกินเหล้า ร้านเหล้าแถวหน้าม. ไปด้วยกัน 3 คน ซึ่งผมก็ไม่ได้เป็นคนชอบกินเหล้าให้เมาขาดสติ แค่กินให้สนุกๆ กรึ่มๆก็โอเคแล้ว หลังจากกินเสร็จร้านก็ปิดตอนนั้นสักเวลาเที่ยงคืนกว่าๆเกือบตี1แล้ว ผมก็นั่งต่อกับเพื่อนเพื่อกินให้หมดกลม โต๊ะอื่นๆกลับกันแล้ว บรรยากาศยามค่ำคืนเริ่มเงียบสงบ  ผมก็แยกย้ายกับเพื่อน เพื่อนอีก2คนยังอยู่หอในกลับเวลานี้จึงต้องปีนเข้าทางด้านหลังหอ ไม่งั้นเข้าด้านหน้าโดนชั่วโมงจากผู้คุมหอแน่ ส่วนผมกลับหอนอกคนเดียว ซึ่งผมชอบอยู่คนเดียวเพราะรักความเป็นส่วนตัวมาก ทางที่ผมขับรถกลับนั้น ถือได้ว่าเปลี่ยวพอสมควรเป็นทางเข้ามหาลัยแต่ไม่ใช่ถนนสายหลัก ตอนกลางคืนไม่มีรถใดๆผ่านอีกแล้ว ผมก็ขับมอไซต์ด้วยความเร็วนิดหน่อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ พอขับไปสักพักสายตาผมเหมือนเหลือบเห็นคนยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของผม ซึ่งผมกำลังขับออกนอก ม  ตอนนั้นผมคิดทันทีว่าคงไม่ใช่คนแล้ว ตาผมของไม่ฝาดอีกแน่เพราะยังไม่ได้เมาเท่าไหร่ จึงมองกระจกข้างไป ชัดเจนเลย! มีคนยืนอยู่นิ่งๆตรงที่ผมผ่านมา ผมบิดไม่คิดชีวิตจากที่กำลังจะกลับหอไปนอนคนเดียวคืนนั้น ผมรีบขับเข้ามหาลัยไปอยู่รวมกับเพื่อนที่หอในดีกว่า และทางใน มหาลัยผมมันเป็นทางคดเคี้ยว ผมก็บิดเต็มที่ แต่พอถึงจุดๆนึงตรงทางโค้งอันตาย ผมเห็นอีกแล้ว เหมือนเดิมเลยยืนอยู่ทางซ้ายมือริมทางเหมือนเดิม ผมยอมขับอีกเลนส์เลยเพราะตอนนั้นในมหาลัยไม่มีรถวิ่งเท่าไหร่แล้ว พอถึงหอเพื่อนปีนเข้าด้านหลัง ห้องเพื่อนที่รู้จักกัน เล่าให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันทุกจุดที่ผมเล่าให้ฟัง คือสถานที่เคยเกิดอุบัติเหตุนักศึกษาเสียชีวิตทั้ง2จุดเลย จุดแรกที่ผมเจอ นอก ม จุดนั้นคือเมาแล้วขับไม่พ้นโค้งเสียชีวิต อีกจุดใน ม ที่ผมเห็น นักศึกษาเสียชีวิตเพราะขับด้วยความเร็วชนเสาหลักกิโลเสียชีวิต และที่ผมเห็นทั้งสองจุดในคืนขันโตก จึงคิดว่าดวงวิญญาณทั้งสองน่าจะออกมาเพื่อขอส่วนบุญ ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงตื่นเช้าไปตักบาตรหน้า ม. ซึ่งมีพระมาบิณฑบาตรก่อนไปเรียน หลังจากวันนั้นถ้าไม่จำเป็น ผมจะไม่ออกจากหอดึกๆอีกเลย เพราะไม่อยากเจอดวงวิญญาณใดๆอีกแล้วครับ

ใครทราบสถานที่และเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเล่าสู่กันฟังได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่