ยึด 200 ล้าน! แก๊งแชร์ลูกโซ่ ดีเอสไอบุกทลายตุ๋นเติมเงินมือถือ
ข่าวสด Issued date 13 January 2016
ดีเอสไอทลายแชร์ลูกโซ่เคาน์เตอร์เซอร์วิสผ่านมือถือย่านปทุมธานี หลังมีเหยื่อจำนวนมากร้องเรียนว่าถูกตุ๋นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท กรรมการบริษัทอ้างขออนุญาตถูกต้อง แต่ระบบมีปัญหาจนสมาชิกกว่า 4 หมื่นรายไม่ได้เงินปันผลให้เลยต้องปิดตัว แต่เปิดบริษัทใหม่โอนย้ายสมาชิกไปดำเนินการต่อ ขณะที่ดีเอสไอยันหลักฐานชัดเน้นหาสมาชิกระดมเงินทุนเข้าข่ายพ.ร.บ.เงินกู้ ออกหมายจับผู้บริหารรวม 4 คน อายัดรีสอร์ตและรถเก๋งหรูรวมกว่า 200 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวน คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เลขที่ 19/68-69 ม.7 ต.คลอง 3 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าอาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งของบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ซึ่งเปิดเป็นบริษัทให้ร่วมลงทุนซื้อโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสและซื้อหน่วยลงทุน เข้าข่ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ ทั้งนี้ จากการตรวจค้นอาคารพาณิชย์ดังกล่าวพบนายมนตรี หรือจอมพงษ์ มณีวงศ์ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ
สอบสวนนายมนตรีให้การอ้างว่า บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด เป็นบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นการขายของเติมเงินมือถือผ่านระบบออนไลน์ โดยให้ผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกแบบเฟรนไชส์ รายละตั้งแต่ 1,500-12,500 บาท มีผลตอบแทนให้อัตราร้อยละ 10 และยังสามารถชำระบิลค่าน้ำและค่าไฟผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสตรงนี้ได้อีกด้วย
นายมนตรีให้การอีกว่า ภายหลังบริษัทมีปัญหาภายในเกี่ยวกับระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส ทำให้ผู้บริหารที่มีอำนาจได้ปิดระบบโปรแกรม ดังกล่าว ส่งผลให้สมาชิกกว่า 40,000 คน ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้และเกิดความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท จากนั้นผู้บริหารเปิดบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อชดเชยและเยียวยาระบบเดิม ยืนยันว่าธุรกิจของบริษัท ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เนื่องจากมีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ถูกต้อง อีกทั้งบริษัทใหม่ปรับปรุงและแก้ไขระบบจึงยังสามารถดำเนินกิจการได้
ด้านพ.ต.ต.สุริยาเผยว่า ก่อนการเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 3 เดือน สืบสวนจนมีหลักฐานชัดเจนว่าบริษัทแห่งนี้เป็นลักษณะของการโฆษณาระดมทุน จัดหาสมาชิก ซึ่งเข้าข่ายพ.ร.บ.กู้เงิน ฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนออกหมายจับ ผู้ต้องหา 4 รายคือ นายมนตรีซึ่งถูกจับกุมในวันนี้ นายสิทธิไกร ตลับนาค, นายไตรทศ สื่อจินดาภรณ์ และนายธรรมรัตน์ มงคลบวรรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า พร้อมยึดอายัดที่ดิน รีสอร์ต สิ่งปลูกสร้างที่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว, รีสอร์ตที่ อ.วังม่วง จ.ลพบุรี เงินในบัญชี และรถยนต์หรู รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนยังพบว่า บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด เปิดมานานกว่า 2 ปี มีสมาชิกกว่า 40,000 คน ในจำนวนนี้ 30,000 คน ได้ย้ายมาอยู่กับบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด แล้ว
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนจำนวนมาก ซึ่งถูกหลอกลวงจากบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ให้ร่วมลงทุนซื้อโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส และซื้อหน่วยลงทุน(อาร์พี) โดยได้กำหนดจำนวนอาร์พีขึ้น เมื่อมีสมาชิกคนอื่นซื้ออาร์พี จะทำให้จำนวนอาร์พี บนกระดานที่กำหนดขึ้นลดลง
เมื่อลดลงมีค่าเท่ากับศูนย์ ผู้ลงทุนคนเก่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2558 มีกระดานแตกรวม 43 รอบ ทำให้เป็นมูลเหตุจูงใจให้สมาชิกเก่าและใหม่นำเงินมาลงทุนเพิ่มขึ้น ต่อมาเมื่อแม่ทีมไม่สามารถชักชวนให้ประชาชนทั่วไปให้ลงทุนเพิ่มได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกับผู้ลงทุนประมาณ 2,000 คน รวมมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอจึงได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำผิดต่อไป
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 13 มกราคม 2559 (หน้า 1, 16)
ยึด 200 ล้าน! แก๊งแชร์ลูกโซ่ ดีเอสไอบุกทลายตุ๋นเติมเงินมือถือ
ยึด 200 ล้าน! แก๊งแชร์ลูกโซ่ ดีเอสไอบุกทลายตุ๋นเติมเงินมือถือ
ข่าวสด Issued date 13 January 2016
ดีเอสไอทลายแชร์ลูกโซ่เคาน์เตอร์เซอร์วิสผ่านมือถือย่านปทุมธานี หลังมีเหยื่อจำนวนมากร้องเรียนว่าถูกตุ๋นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท กรรมการบริษัทอ้างขออนุญาตถูกต้อง แต่ระบบมีปัญหาจนสมาชิกกว่า 4 หมื่นรายไม่ได้เงินปันผลให้เลยต้องปิดตัว แต่เปิดบริษัทใหม่โอนย้ายสมาชิกไปดำเนินการต่อ ขณะที่ดีเอสไอยันหลักฐานชัดเน้นหาสมาชิกระดมเงินทุนเข้าข่ายพ.ร.บ.เงินกู้ ออกหมายจับผู้บริหารรวม 4 คน อายัดรีสอร์ตและรถเก๋งหรูรวมกว่า 200 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวน คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เลขที่ 19/68-69 ม.7 ต.คลอง 3 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าอาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งของบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ซึ่งเปิดเป็นบริษัทให้ร่วมลงทุนซื้อโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสและซื้อหน่วยลงทุน เข้าข่ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ ทั้งนี้ จากการตรวจค้นอาคารพาณิชย์ดังกล่าวพบนายมนตรี หรือจอมพงษ์ มณีวงศ์ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ
สอบสวนนายมนตรีให้การอ้างว่า บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด เป็นบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นการขายของเติมเงินมือถือผ่านระบบออนไลน์ โดยให้ผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกแบบเฟรนไชส์ รายละตั้งแต่ 1,500-12,500 บาท มีผลตอบแทนให้อัตราร้อยละ 10 และยังสามารถชำระบิลค่าน้ำและค่าไฟผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสตรงนี้ได้อีกด้วย
นายมนตรีให้การอีกว่า ภายหลังบริษัทมีปัญหาภายในเกี่ยวกับระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส ทำให้ผู้บริหารที่มีอำนาจได้ปิดระบบโปรแกรม ดังกล่าว ส่งผลให้สมาชิกกว่า 40,000 คน ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้และเกิดความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท จากนั้นผู้บริหารเปิดบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อชดเชยและเยียวยาระบบเดิม ยืนยันว่าธุรกิจของบริษัท ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เนื่องจากมีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ถูกต้อง อีกทั้งบริษัทใหม่ปรับปรุงและแก้ไขระบบจึงยังสามารถดำเนินกิจการได้
ด้านพ.ต.ต.สุริยาเผยว่า ก่อนการเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 3 เดือน สืบสวนจนมีหลักฐานชัดเจนว่าบริษัทแห่งนี้เป็นลักษณะของการโฆษณาระดมทุน จัดหาสมาชิก ซึ่งเข้าข่ายพ.ร.บ.กู้เงิน ฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนออกหมายจับ ผู้ต้องหา 4 รายคือ นายมนตรีซึ่งถูกจับกุมในวันนี้ นายสิทธิไกร ตลับนาค, นายไตรทศ สื่อจินดาภรณ์ และนายธรรมรัตน์ มงคลบวรรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า พร้อมยึดอายัดที่ดิน รีสอร์ต สิ่งปลูกสร้างที่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว, รีสอร์ตที่ อ.วังม่วง จ.ลพบุรี เงินในบัญชี และรถยนต์หรู รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนยังพบว่า บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด เปิดมานานกว่า 2 ปี มีสมาชิกกว่า 40,000 คน ในจำนวนนี้ 30,000 คน ได้ย้ายมาอยู่กับบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด แล้ว
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนจำนวนมาก ซึ่งถูกหลอกลวงจากบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ให้ร่วมลงทุนซื้อโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส และซื้อหน่วยลงทุน(อาร์พี) โดยได้กำหนดจำนวนอาร์พีขึ้น เมื่อมีสมาชิกคนอื่นซื้ออาร์พี จะทำให้จำนวนอาร์พี บนกระดานที่กำหนดขึ้นลดลง
เมื่อลดลงมีค่าเท่ากับศูนย์ ผู้ลงทุนคนเก่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2558 มีกระดานแตกรวม 43 รอบ ทำให้เป็นมูลเหตุจูงใจให้สมาชิกเก่าและใหม่นำเงินมาลงทุนเพิ่มขึ้น ต่อมาเมื่อแม่ทีมไม่สามารถชักชวนให้ประชาชนทั่วไปให้ลงทุนเพิ่มได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกับผู้ลงทุนประมาณ 2,000 คน รวมมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอจึงได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำผิดต่อไป
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 13 มกราคม 2559 (หน้า 1, 16)