เมื่อเราผาสองฤดูในวันที่ไม่มีหมอก(รูปเพียบ)


สวัสดีครับ อันนี้เป็นกระทู้เเรกที่ผมเขียนอาจจะมีคำหยาบคายหรือคำผิดบ้าง อยากให้เป็นกันเองนะครับ ผิดประการใดขอความเห็นใจด้วยครับ 55555
เริ่มเลยละกันครับ ผมกับเพื่อนๆน้องๆรวมกันทั้งหมด 11 คน จัดทริปไปเขาช้างเผือก จ.กาญจนบุรีกันครับ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นเดินป่าในวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์เเละราคาเบากระเป๋า แต่แล้วโชคก็ไม่ช่วยครับ เขาช้างเผือกปิด!!!!! ผมก็เลยหาแพลนบี เลยว่าจะไปเขาหินกูบ(จ.จันทบุรี) ปิด!!!! อีกโอเคผมกับเเฟนเลยตกลงกันว่าขึ้นเหนือเลยละกัน ลังเล ว่าจะไปดอยหลวงเชียงดาวดีหรือผาเเง่ม(ผาสองฤดู)เออ ออ กันไปมาก็เลยเลือกที่ผาเเง่มครับ ข้อมูลอีกนิดคนที่ อยากไปนะครับ ผาเเง่มตั้งอยู่ ในดอยอินทนนท์ สถานีวิจัยเกษตรหลวงขุนวางครับ ที่นี่ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการนะครับ ไกด์ที่จะพาเราไปก็คือไกด์ท้องที่ครับ พวกผมออกเดินทางกันวันที่ 21 ธ.ค. เดินทางโดยรถโดยสารบขส หมอชิต-จอมทองครับ 482บาท

นั่งกันยาวๆ รถออก 21.20น. ถึงจอมทอง 8.30 น. ครับลงหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง โดยก่อนหน้านี้ ผมได้โทรจองไกด์ไว้ก่อนแล้วเค้ามารอรับหน้าพระธาตุเลย พี่คนนี้ชื่อพี่ฮือครับ (087-788-0707) นี้เบอร์ครับเผื่อใครสะดวกอยากไปเที่ยวดู
พี่ฮือมารอรับเรา เเละก็เตรียมตัวไปซื้ออาหารทานกันบนเขา *บนเขาไม่มีไฟฟ้าน้ำหรือห้องน้ำ เราต้องเตรียมกันไปเองทั้งหมด
เตรียมอะไรเสร็จก็ถึงเวลาขึ้นเขาแล้วครับ พวกผมเสีย ค่ารถขึ้นมาที่ศูนย์วิจัยเกษตร 1000 บาท ค่าไกด์ท้องที่ 1200 ราคานี้ยังไม่ได้หาร 11 คนนะครับ แล้วก็มีค่าลูกหาบ คิดเป็น กก. 50 บาท จ่ายตังอะไรเสร็จเวลาเเห่งความเหนื่อยก็เริ่มขึ้นครับ

ทางเดินขึ้นจะเป็นไร่ของชาวเขา มีปลูกผัก สตอเบอรี่เต็มไปหมด

ไกด์ท้องถิ่นบอกกับพวกเราว่าจะมีสองกลุ่มที่ขึ้นไปกับเรา กลุ่มนึงเป็นชาวต่างชาติขึ้นไปแล้วลงมาเลยไม่ได้ค้าง เท่ากับว่า มีแค่พวกเราที่จะได้นอนบนนั้นกลุ่มเดียว ตอนนั้นรู้สึกเหมือนกับเข้าเซเว่นแล้วมีพรมแดงปูเข้าร้านเลยครับ

ทางขึ้นเขาเป้นทางชันทั้งหมด ระยะทั้งหมด 4กม.เองครับ แค่4กม.!!! เเรกๆก็กระจอกครับ 4กม. พอเดินไปได้สักพักร้องกันทั้งคณะ


เดินไปแบกน้ำไป เหนื่อยครับ

โดยกลุ่มชาวต่างชาติเค้าเดินนำไปก่อนครับ

แต่แล้วเรื่องที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้นครับ พี่ไกด์เราบอกว่าทางเดินปกติจะไม่ค้อยถางป่าเข้าไปจะคงสภาพป่าให้สมบูรณ์มากที่สุด แต่แล้วก็มีไกด์มือบอนตัดต้นไม้ ยางยังสดๆอยู่เลย น่าจะเป็นไกด์กลุ่มก่อนหน้า

มาเที่ยวก็ควรจะรักษาป่าให้คนรุ่นหลังได้มาชมธรรมชาติกันต่อด้วยนะครับ เดินมาได้ครึ่งทางก็พักถ่ายรูปหมูกันหน่อย (จริงๆก็พักกันทุก 5 นาทีเเหละครับ)

พวกเราก็ตัดสินใจงัดแรงใจเดินกันต่อโดยเดินไปบ่นไป 555555

บ่ายสองกว่าๆก็ถึงจุดตั้งแคมป์กันครับ ดีใจกันมากๆขึ้นมาหายเหนื่อยเลยครับ (นั่งเเช่กันนานเหมือนกัน)

และก็ได้เวลาตั้งเเคมป์ จัดแจงอาหารสุดคลาสสิกสุดหรูมาม่าจับกังครับ (ขออภัยไม่มีรูป ณ จุดนั้นหิวมาก)

นั่งเอื่อยๆคุยกันจนมืด มีการจุดไฟกันตายครับ ย้ำกันตายเพราะอากาศหนาวมากกก+น้ำค้างรุนแรง

คืนนั้นผมกับเพื่อนคิดกันว่าพนจะรีบตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเเละไปดูผาสองฤดูกัน
อันนี้เป็นรูปดาวครับ หนาวเกินถ่ายได้รูปเดียวก็หนีเข้าเต้นท์แล้ว

6โมงเช้า เราก็ออกเดินขึ้นไปบนเขาที่ตั้งของผาสองฤดูครับ ขึ้นไปสูงอีกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน

พระอาทตย์ขึ้นแล้วลุงได้มาบอกว่าวันนี้โชคร้ายตรงพระธาตุไม่มีหมอกเท่ากับ เราจะไม่ได้เห็นผาสองฤดูเหมือนในรูป รู้สึกเฟลมากเพื่อนๆผมหลายคนตัดสินใจลงไปที่เต้นท์ ผมด้วยแต่แล้วผมหันกลับไปแฟนผมขึ้นไปบนเขาแล้ว ไหนๆมาแล้วขึ้นก็ขึ้น เหนื่อยมากครับทางเดิน ไม่ค้อยโอเคมากตอนลงพาวเวอร์พอยตลอดทางเลยครับ(สไลด์)

บรรยากาศข้างบนครับ



ลงมาถึงเเคมป์เสร็จก็ได้เวลาต้องลงจากเขา


ทางขึ้นโหดแล้ว ทางลงชวนให้เข่าเสียมากครับเดินๆไปพาวเวอร์พอยกันไปหลายคน (สไลด์ ฮาา)
ถึงข้างล่างมีไร่สตอเบอรี่เลยเเวะขอเนียนๆชิมดูอร่อยมากครับหวานเจียบบ

เด็กน้อยสองคน


ลงมาอาบน้ำในศุนย์วิจัยแล้วก็นั่งรถไปที่เชียงใหม่ กลับกรุงเทพครับ ทริปนี้ค่าเดินทางจาก ดอยอินทนนท์ไปเชียงใหม่ 1400บาท เเละขากลับนั่งนครชัยแอร์กลับ ค่ารถ 6 ร้อยกว่าบาทครับ บริการดีรถดีนั่งสบายกว่าขามามีหนังให้ดูและมีเพลง หลอนๆติดหูจนถึงวันนี้ ใครเคยนั่งก็คงรู้นะครับ(อยากจะไปภูเขา~) ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่