สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
มันยากกว่าเดิมครับ จุดดีจะมีก็ตรงที่เราเป็นเจ้าของเงินตัวเอง มีอำนาจจับจ่ายใช้าอยมากขึ้น แต่นั่นก็ต้องแลกมากับอะไรหลายอย่าง
สมัยเรียน เวลาเจอคนไม่ชอบ ถ้าเป็นครู เราแค่นั่งเรียนเฉยๆ ทำการบ้านส่ง อ่านหนังสือสอบก็จบ
ถ้ามีเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ถูกด้วย ก็ไม่ต้องไปยุ่ง (เว้นแต่จะโชคร้ายเจอพวกหัวโจกชอบแกล้งคน) หรือถ้าทนไม่ไหวจริงก็สามารถสู้กับมันไปตรงๆเลย
ยิ่งถ้าเป็นสมัยมหาวิทยาลัยนี่ยิ่งเลี่ยงคนไม่ชอบหน้าได้ง่ายกว่าเดิม
แต่ถ้าเป็นช่วงทำงาน ถึงจะเจอคนที่ไม่ชอบ แต่สภาพงานจะบังคับให้เราต้องไปคุยและทำงานกับคนๆนั้นทุกวัน ไม่สามารถเลี่ยงได้ง่ายเท่าสมัยเรียน
สมัยเรียน ถึงจะหนักแค่ไหน ก็มีช่วงเวลาปิดเทอมมาเป็นยาใจ (อาจจะยกเว้นช่วง ม ปลายที่ต้องไปกวดวิชาแม้ตอนปิดเทอม)
ผมยังจำได้ว่าสมัยปิดเทอมตอนเด็กๆนี่มีความสุขมาก เช้ากินข้าว ดูหนังจีน สายเล่นเกม ดุวิดิโอ กินข้าวเที่ยง นอนกลางวัน เล่นเกม ดูหนังจีนบ่าย
อ่านหนังสืออ่านเล่น กินข้าวเย็น ดูละครเย็น เล่นเกม ดูละครหลังข่าว เข้านอน
แต่พอมาทำงานมีแค่ช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น แถมวันหนึ่งๆทำอะไรไม่เท่าไรก็หมดวันแล้ว บางทีสาเหตุที่ผู้ใหญ่นอนดึกกว่าเราได้นั้น ก็เพราะช่วงเวลาส่วนตัวของเขาเริ่มช้ากว่าเรามากกว่า นักเรียน ถ้าไม่ได้ไปกวดวิชา หกโมงเย็นก็กลับถึงบ้านแล้ว แต่ผู้ใหญ่กว่าจะถึงก็สองทุ่มสามทุ่มแล้ว
สมัยเรียน เวลาเจอคนไม่ชอบ ถ้าเป็นครู เราแค่นั่งเรียนเฉยๆ ทำการบ้านส่ง อ่านหนังสือสอบก็จบ
ถ้ามีเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ถูกด้วย ก็ไม่ต้องไปยุ่ง (เว้นแต่จะโชคร้ายเจอพวกหัวโจกชอบแกล้งคน) หรือถ้าทนไม่ไหวจริงก็สามารถสู้กับมันไปตรงๆเลย
ยิ่งถ้าเป็นสมัยมหาวิทยาลัยนี่ยิ่งเลี่ยงคนไม่ชอบหน้าได้ง่ายกว่าเดิม
แต่ถ้าเป็นช่วงทำงาน ถึงจะเจอคนที่ไม่ชอบ แต่สภาพงานจะบังคับให้เราต้องไปคุยและทำงานกับคนๆนั้นทุกวัน ไม่สามารถเลี่ยงได้ง่ายเท่าสมัยเรียน
สมัยเรียน ถึงจะหนักแค่ไหน ก็มีช่วงเวลาปิดเทอมมาเป็นยาใจ (อาจจะยกเว้นช่วง ม ปลายที่ต้องไปกวดวิชาแม้ตอนปิดเทอม)
ผมยังจำได้ว่าสมัยปิดเทอมตอนเด็กๆนี่มีความสุขมาก เช้ากินข้าว ดูหนังจีน สายเล่นเกม ดุวิดิโอ กินข้าวเที่ยง นอนกลางวัน เล่นเกม ดูหนังจีนบ่าย
อ่านหนังสืออ่านเล่น กินข้าวเย็น ดูละครเย็น เล่นเกม ดูละครหลังข่าว เข้านอน
แต่พอมาทำงานมีแค่ช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น แถมวันหนึ่งๆทำอะไรไม่เท่าไรก็หมดวันแล้ว บางทีสาเหตุที่ผู้ใหญ่นอนดึกกว่าเราได้นั้น ก็เพราะช่วงเวลาส่วนตัวของเขาเริ่มช้ากว่าเรามากกว่า นักเรียน ถ้าไม่ได้ไปกวดวิชา หกโมงเย็นก็กลับถึงบ้านแล้ว แต่ผู้ใหญ่กว่าจะถึงก็สองทุ่มสามทุ่มแล้ว
ความคิดเห็นที่ 3
สำหรับเรา สิ่งที่ต่างจากตอนเรียนก็คือ
1. ห้ามป่วย ห้ามตาย สภาพไหนก็ต้องมาและต้องทำให้ได้ดีเหมือนตอนปกติด้วย ลาป่วยทีนึงโบนัสหาย ลาบ่อยๆความก้าวหน้าหาย เพราะฉะนั้นอยากทำงานอย่างมีความสุขต้องระวังตัวมากๆ อย่าให้ป่วย
2. ห้ามทำงานพลาด สมัยเรียนทำพลาดซวยคนเดียว แต่พอวัยทำงานผิดทีซวยไปทั้งลูกค้าทั้งบริษัท เราผิดแต่ทำชาวบ้านเขาเดือดร้อนไปด้วย
3. ห้ามฟุ่มเฟือย พอมีรายได้เป็นของตัวเองคราวนี้ก็จะมีภาระเป็นของตัวเอง เงินเดือนก็มีอยู่เท่าเนี้ย หักค่าบ้าน รถ น้ำ ไฟ โทรศัพท์ ของใช้ในบ้าน อาหาร เติมน้ำมัน ฯลฯ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยต้องมีค่าขนมรายวัน ค่าเทอม ค่าพี่เลี้ยง ค่าเสื้อผ้าบลาๆๆ นี่ยังไม่รวมที่ต้องวางแผนเรื่องประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันรถ ต้องคิดเผื่อเรื่องการออมเงิน แถมถ้ามีแผนจะมีธุรกิจในอนาคตยังต้องแบ่งไว้ลงทุนด้วยนะ นี่ยังไม่รวมที่ต้องแบ่งให้พ่อแม่ด้วยนะ 555+ สรุปคือจ่ายทั้งหมดนี่แล้วส่วนใหญ่ก็แทบไม่เหลือไปฟุ่มเฟือยหรอก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้สร้างฐานะไว้ให้ หลังจบใหม่คงใช้เวลาตั้งตัวไม่ต่ำกว่า 10 ปี ถ้ามัวแต่ใช้เงินสบายไม่วางแผนก็จะลำบากตอนอายุมากขึ้น
4. เวลาส่วนตัวหายไป ช่วงยุ่งๆ เลิกงานเลทได้เป็นสามสี่ชั่วโมง กลับมานอนไม่ทันจะหายเหนื่อยก็ต้องตื่นไปทำงานอีกแล้ว
5. ไม่มีสอบ แต่มีประเมิน ชี้เป็นชี้ตายเงินเดือน, โบนัส, ตำแหน่ง ถ้าพลาดก็ต้องย่ำอยู่กับที่ไปอีกทั้งปี ไม่มีรายงานแต่มีโปรเจ็คส์ คิดหัวแทบระเบิด เสนอแล้วผ่านก็ดีไป เสนอไม่ได้เรื่องชีวิตการงานก็คงหาไม่
สรุปก็คือ สมัยเรียนก็คิดว่าเรียนหนักสุดค่ะ พอมาทำงานก็รู้ว่างานหนักกว่า ตอนนี้มีลูกก็ซึ้งเลยว่าเลี้ยงลูกนี่ยิ่งหนักเข้าไปอีก นี่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสบายเลยค่ะ 555+
ปล. ที่ทำงานเรางานค่อนข้างหนักค่ะ ที่อื่นๆงานอาจจะหนักมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ค่ะ
ปล. 2 แต่สิ่งที่ได้มาคืออิสระภาพค่ะ ชีวิตลำบากขึ้นกว่าตอนเด็กมากแต่ดีไซน์ได้เองค่ะ จริงๆแล้วเราก็ชอบนะ
1. ห้ามป่วย ห้ามตาย สภาพไหนก็ต้องมาและต้องทำให้ได้ดีเหมือนตอนปกติด้วย ลาป่วยทีนึงโบนัสหาย ลาบ่อยๆความก้าวหน้าหาย เพราะฉะนั้นอยากทำงานอย่างมีความสุขต้องระวังตัวมากๆ อย่าให้ป่วย
2. ห้ามทำงานพลาด สมัยเรียนทำพลาดซวยคนเดียว แต่พอวัยทำงานผิดทีซวยไปทั้งลูกค้าทั้งบริษัท เราผิดแต่ทำชาวบ้านเขาเดือดร้อนไปด้วย
3. ห้ามฟุ่มเฟือย พอมีรายได้เป็นของตัวเองคราวนี้ก็จะมีภาระเป็นของตัวเอง เงินเดือนก็มีอยู่เท่าเนี้ย หักค่าบ้าน รถ น้ำ ไฟ โทรศัพท์ ของใช้ในบ้าน อาหาร เติมน้ำมัน ฯลฯ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยต้องมีค่าขนมรายวัน ค่าเทอม ค่าพี่เลี้ยง ค่าเสื้อผ้าบลาๆๆ นี่ยังไม่รวมที่ต้องวางแผนเรื่องประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันรถ ต้องคิดเผื่อเรื่องการออมเงิน แถมถ้ามีแผนจะมีธุรกิจในอนาคตยังต้องแบ่งไว้ลงทุนด้วยนะ นี่ยังไม่รวมที่ต้องแบ่งให้พ่อแม่ด้วยนะ 555+ สรุปคือจ่ายทั้งหมดนี่แล้วส่วนใหญ่ก็แทบไม่เหลือไปฟุ่มเฟือยหรอก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้สร้างฐานะไว้ให้ หลังจบใหม่คงใช้เวลาตั้งตัวไม่ต่ำกว่า 10 ปี ถ้ามัวแต่ใช้เงินสบายไม่วางแผนก็จะลำบากตอนอายุมากขึ้น
4. เวลาส่วนตัวหายไป ช่วงยุ่งๆ เลิกงานเลทได้เป็นสามสี่ชั่วโมง กลับมานอนไม่ทันจะหายเหนื่อยก็ต้องตื่นไปทำงานอีกแล้ว
5. ไม่มีสอบ แต่มีประเมิน ชี้เป็นชี้ตายเงินเดือน, โบนัส, ตำแหน่ง ถ้าพลาดก็ต้องย่ำอยู่กับที่ไปอีกทั้งปี ไม่มีรายงานแต่มีโปรเจ็คส์ คิดหัวแทบระเบิด เสนอแล้วผ่านก็ดีไป เสนอไม่ได้เรื่องชีวิตการงานก็คงหาไม่
สรุปก็คือ สมัยเรียนก็คิดว่าเรียนหนักสุดค่ะ พอมาทำงานก็รู้ว่างานหนักกว่า ตอนนี้มีลูกก็ซึ้งเลยว่าเลี้ยงลูกนี่ยิ่งหนักเข้าไปอีก นี่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสบายเลยค่ะ 555+
ปล. ที่ทำงานเรางานค่อนข้างหนักค่ะ ที่อื่นๆงานอาจจะหนักมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ค่ะ
ปล. 2 แต่สิ่งที่ได้มาคืออิสระภาพค่ะ ชีวิตลำบากขึ้นกว่าตอนเด็กมากแต่ดีไซน์ได้เองค่ะ จริงๆแล้วเราก็ชอบนะ
ความคิดเห็นที่ 11
หูยมีแต่คนบอกลำบากกว่าสมัยเรียน
ผมทำงานมา 10 กว่าปี บอกเลยชีวิตดีกว่าสมัยเรียนมากๆ
- ตื่นสายได้ บริษัทเริ่มงานช้ากว่าคาบแรก
- ไม่ต้องเดินทางไกล คอนโดใกล้ที่ทำงาน หาง่ายกว่าหอพักใกล้มหาลัย เพราะมหาลัยตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย เดินทางไปไหนก็ลำบาก
- มีเงินให้ใช้อิสระ ถ้าเรารู้จักบริหารเงินจะไม่ลำบากเลย ผิดกับสมัยเรียนต้องขอพ่อแม่ตลอด ขอมากก็เกรงใจ
- ไม่ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ทำแบบฝึกหัด ทำรายงาน เตรียมสอบ โคตรสบาย ที่ทำงานไม่มี OT เลิกงานก็ไม่มีงานให้ทำต่อ ไม่ต้องเอาไปทำที่บ้าน ถ้าเป็นสมัยเรียนพอหมดคาบสุดท้ายต้องวิ่งไปห้องสมุด เตรียมทำรายงานต่อ ลำบากโคตรๆ
- สมัยเรียนหอพักผมห้ามใช้คอมและมีทีวีส่วนกลางให้เครื่องเดียว ซึ่งผมอึดอัดมากเพราะผมชอบเล่นเกมมาก ต้องไปหยอดตู้หรือเล่นตามร้าน โคตรจะเปลือง พอทำงานซื้อคอมซื้อเกมของตัวเอง เล่นได้ตามใจอยาก แถมไม่ต้องกลัวเล่นมากจะเสียการเรียนหรืออ่านหนังสือสอบไม่ทัน
ผมสนุกกับชีวิตการทำงานมากกว่าสมัยเรียนมากๆ จนเมื่อสัก 5 ปีก่อนหัวหน้าผมเคี่ยวเข็ญให้กลับไปเรียน ป.โท ผมไม่อยากไปเลย เพราะกลับไปก็เจอสภาพแวดล้อมแบบเก่าๆ ต้องเรียนหัวฟู วิ่งเข้าห้องสมุดหาหนังสือค้นคว้าทำรายงาน ทำวิทยานิพนธ์ ทำ present ตอนทำงานกลุ่มก็มีคนอู้-เอาเปรียบ หนีไปไหนก็ไม่พ้น แถมต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า ฯลฯ เป็นสองปีที่ทรมานมาก พอจบแล้วกลับมาทำงานเหมือนได้ขึ้นสวรรค์อีกรอบ เพื่อนๆ ถามจะเรียน ป.เอกอีกไหม ไม่เอาอีกแล้วครับชาตินี้
ผมทำงานมา 10 กว่าปี บอกเลยชีวิตดีกว่าสมัยเรียนมากๆ
- ตื่นสายได้ บริษัทเริ่มงานช้ากว่าคาบแรก
- ไม่ต้องเดินทางไกล คอนโดใกล้ที่ทำงาน หาง่ายกว่าหอพักใกล้มหาลัย เพราะมหาลัยตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย เดินทางไปไหนก็ลำบาก
- มีเงินให้ใช้อิสระ ถ้าเรารู้จักบริหารเงินจะไม่ลำบากเลย ผิดกับสมัยเรียนต้องขอพ่อแม่ตลอด ขอมากก็เกรงใจ
- ไม่ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ทำแบบฝึกหัด ทำรายงาน เตรียมสอบ โคตรสบาย ที่ทำงานไม่มี OT เลิกงานก็ไม่มีงานให้ทำต่อ ไม่ต้องเอาไปทำที่บ้าน ถ้าเป็นสมัยเรียนพอหมดคาบสุดท้ายต้องวิ่งไปห้องสมุด เตรียมทำรายงานต่อ ลำบากโคตรๆ
- สมัยเรียนหอพักผมห้ามใช้คอมและมีทีวีส่วนกลางให้เครื่องเดียว ซึ่งผมอึดอัดมากเพราะผมชอบเล่นเกมมาก ต้องไปหยอดตู้หรือเล่นตามร้าน โคตรจะเปลือง พอทำงานซื้อคอมซื้อเกมของตัวเอง เล่นได้ตามใจอยาก แถมไม่ต้องกลัวเล่นมากจะเสียการเรียนหรืออ่านหนังสือสอบไม่ทัน
ผมสนุกกับชีวิตการทำงานมากกว่าสมัยเรียนมากๆ จนเมื่อสัก 5 ปีก่อนหัวหน้าผมเคี่ยวเข็ญให้กลับไปเรียน ป.โท ผมไม่อยากไปเลย เพราะกลับไปก็เจอสภาพแวดล้อมแบบเก่าๆ ต้องเรียนหัวฟู วิ่งเข้าห้องสมุดหาหนังสือค้นคว้าทำรายงาน ทำวิทยานิพนธ์ ทำ present ตอนทำงานกลุ่มก็มีคนอู้-เอาเปรียบ หนีไปไหนก็ไม่พ้น แถมต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า ฯลฯ เป็นสองปีที่ทรมานมาก พอจบแล้วกลับมาทำงานเหมือนได้ขึ้นสวรรค์อีกรอบ เพื่อนๆ ถามจะเรียน ป.เอกอีกไหม ไม่เอาอีกแล้วครับชาตินี้
แสดงความคิดเห็น
หลังจากเรียนจบและทำงานแล้ว ชีวิตอิสระขึ้นไหมคะ อยากนอนดึก ทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรียน
อยากนอนดึกก็ได้ ไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะสอบไม่ผ่าน หรืออ่านหนังสือ ทำรายงาน เราว่าชีวิตดูมีความสุขดีนะ เราคิดถูกมั้ยคะ