ผมคงเป็นหมอฟันบ้านนอกที่มีโอกาสปั๊มหัวใจคนไข้เยอะที่สุดคนหนึ่งล่ะมั้ง .....
แม้จะเคยเห็นคนตายคามือ คาตามามากมาย แต่ก็ไม่เคยรับได้สักทีกับการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็น ใคร
ได้ยินว่ามีคนไข้หัวใจหยุดเต้นต้องทำการปั๊มหัวใจ ก็เลยแวะไปดูห้องฉุกเฉินเผื่อช่วยไรได้
พอเห็นผู้ป่วยที่กำลังถูก CPR เท่านั้น ใจหายว๊าบ เป็นเด็กผู้ชายอายุหกขวบ ที่สำคัญลูกชายคนเดียว ในใจแว๊บขึ้นมาทันที เพิ่งผ่านวันเด็กมาวันเดียว อย่าเพิ่งรีบเป็นอะไรไปนะ
ใส่ถุงมือสิรอไร ผมรีบบอกกับตัวเองว่าต้องทำอะไรสักอย่าง สอบถามได้ความว่าปั๊มมาครึ่งชั่วโมงแล้ว กำลังใจหายไปครึ่งนึง แต่ยังมีหวังอยู่ทุกวินาที แพทย์เวร กำหนดไว้หนึ่งชั่วโมง ตั้งใจให้ดีที่สุด
"ตื่นขึ้นมาสิลูก ลุกขึ้นมาบักหล้า" ทุกคนพร่ำบอกร่างที่นอนสงบนิ่งและขยับตามจังหวะการปั๊มหัวใจ มีสีหน้าเป็นกังวลและเป็นห่วงแม้ไม่ใช่ลูกหลานของตัวเอง เราเองปั๊มไปก็ภาวนา ตื่นมานะลูกนะ แบ่งบุญให้ ตื่นมาจะพาให้บวชนะลูก
เวลาเริ่มหมดลงเรื่อยๆ แต่ใจทุกคนยังสู้ สลับกันขึ้นปั๊มแบบที่เหนื่อยก็พักเอาเดี๋ยวก็หาย ชีวิตคนสำคัญที่สุด
แต่ทว่า ในที่สุด เมื่อเกินเวลาหนึ่งชั่วโมง น้องไม่มีทีท่าตอบสนอง ญาติจึงทำใจยอมรับและยุติการกู้ชีพ น้ำตาเราเริ่มไหลออกมา และมากขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นแม่เข้ามาประคองกอดร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจ ร่ำไห้ปานว่าจะขาดใจตายตาม
"กลับไปอยู่กับแม่นะลูก กลับบ้านเรานะลูก" ภาพที่เห็นมันทำให้เราต้องหลบออกมาล้างหน้าและเช็ดน้ำตาอยู่ที่มุมเงียบๆ
คิดถึงหลานที่อยู่ที่บ้าน คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงน้อง การจากลามันรวดเร็วจนเราตั้งตัวไม่ทันจริงๆ นาทีที่แล้วอาจได้พูดคุยกันอยู่ นาทีนี้อาจเพียงพูดกับสิ่งที่เรียกว่า "ร่างกาย" เท่านั้น...
จงทำดีกับคนที่รักในชีวิตเราให้มากๆ อย่าประมาท จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง แล้วพร่ำโทษตัวเองว่า "ทำไมไม่เคยทำ"....
ไปสู่สุขคตินะลูก ... จะทำบุญไปให้ หลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้วนะ ..
ทำงานในโรงบาล เวลาที่มีคนตายต่อหน้าทีไร แม้จะไม่ใช่ญาติหรือคนรู้จัก แต่ก็ ไม่เคยทำใจได้สักที
แม้จะเคยเห็นคนตายคามือ คาตามามากมาย แต่ก็ไม่เคยรับได้สักทีกับการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็น ใคร
ได้ยินว่ามีคนไข้หัวใจหยุดเต้นต้องทำการปั๊มหัวใจ ก็เลยแวะไปดูห้องฉุกเฉินเผื่อช่วยไรได้
พอเห็นผู้ป่วยที่กำลังถูก CPR เท่านั้น ใจหายว๊าบ เป็นเด็กผู้ชายอายุหกขวบ ที่สำคัญลูกชายคนเดียว ในใจแว๊บขึ้นมาทันที เพิ่งผ่านวันเด็กมาวันเดียว อย่าเพิ่งรีบเป็นอะไรไปนะ
ใส่ถุงมือสิรอไร ผมรีบบอกกับตัวเองว่าต้องทำอะไรสักอย่าง สอบถามได้ความว่าปั๊มมาครึ่งชั่วโมงแล้ว กำลังใจหายไปครึ่งนึง แต่ยังมีหวังอยู่ทุกวินาที แพทย์เวร กำหนดไว้หนึ่งชั่วโมง ตั้งใจให้ดีที่สุด
"ตื่นขึ้นมาสิลูก ลุกขึ้นมาบักหล้า" ทุกคนพร่ำบอกร่างที่นอนสงบนิ่งและขยับตามจังหวะการปั๊มหัวใจ มีสีหน้าเป็นกังวลและเป็นห่วงแม้ไม่ใช่ลูกหลานของตัวเอง เราเองปั๊มไปก็ภาวนา ตื่นมานะลูกนะ แบ่งบุญให้ ตื่นมาจะพาให้บวชนะลูก
เวลาเริ่มหมดลงเรื่อยๆ แต่ใจทุกคนยังสู้ สลับกันขึ้นปั๊มแบบที่เหนื่อยก็พักเอาเดี๋ยวก็หาย ชีวิตคนสำคัญที่สุด
แต่ทว่า ในที่สุด เมื่อเกินเวลาหนึ่งชั่วโมง น้องไม่มีทีท่าตอบสนอง ญาติจึงทำใจยอมรับและยุติการกู้ชีพ น้ำตาเราเริ่มไหลออกมา และมากขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นแม่เข้ามาประคองกอดร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจ ร่ำไห้ปานว่าจะขาดใจตายตาม
"กลับไปอยู่กับแม่นะลูก กลับบ้านเรานะลูก" ภาพที่เห็นมันทำให้เราต้องหลบออกมาล้างหน้าและเช็ดน้ำตาอยู่ที่มุมเงียบๆ
คิดถึงหลานที่อยู่ที่บ้าน คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงน้อง การจากลามันรวดเร็วจนเราตั้งตัวไม่ทันจริงๆ นาทีที่แล้วอาจได้พูดคุยกันอยู่ นาทีนี้อาจเพียงพูดกับสิ่งที่เรียกว่า "ร่างกาย" เท่านั้น...
จงทำดีกับคนที่รักในชีวิตเราให้มากๆ อย่าประมาท จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง แล้วพร่ำโทษตัวเองว่า "ทำไมไม่เคยทำ"....
ไปสู่สุขคตินะลูก ... จะทำบุญไปให้ หลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้วนะ ..