สวัสดีค่ะมีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับการทำประกันมาสอบถามค่ะ
เหตุการณ์เริ่มจากมีพนักงานขายประกันของบริษัท บริษัทหนึ่งมาลงพื้นที่หาลูกค้าที่บ้านค่ะ
ด้วยความที่ลูกสาวพิการแต่กำเนิดเราเลยปฏิเสธไปและอุ้มลูกสาวออกมาให้ดูว่าน้องไม่สมบูรณ์ค่ะ
พนักงานก็ยืนยันว่าทำได้ค่ะ ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ในใจเราก็มั่นใจว่าคงไม่ได้ ซักเท่าไหร่ก็ยืนยันคำเดิม
สุดท้ายก็ทำไปค่ะ คิดว่าคงไม่ผ่านแต่ก็ผ่าน เป็นแบบสะสมทรัพย์มีเงินปันผลประจำปี
แล้วก็คุ้มครองผู้ส่ง(ลูกสาวเป็นผู้เอาประกัน) คือถ้าเราเป็นอะไรไปก่อนลูกก็มีเงินก้อนโดยที่ไม่ต้องส่งต่อแล้ว
ผ่านมาแล้ว1 ปีเพื่อนโทรมาชวนให้ทำประกัน นางก็อธิบายรายละเอียดบลาๆๆๆเพื่อเก็บไวให้ลูกไรงี้
เราเลยบอกนางไปว่าเราทำให้ลูกแล้ว นางก็บอกลูกเมิงไม่สมบูรณ์ไม่น่าจะทำได้นะเมิง !!!!!
นางก็อธิบายบลาๆๆๆๆแล้วก็ให้เราตรวจเอกสารกรมธรรม์เกี่ยวกับแถลงการเพื่อสุขภาพ ตรงท้ายเล่ม
ผลสรุปว่า พนักงานขายประกัน ไม่ได้ให้ข้อมูลบริษัทตามความเป็นจริง ในช่องรายละเอียดเกี่ยวกับความพิการ
เช่น การเคลื่อนไหวผิดปรกติ พัฒนาการช้า พิการทางสายตา(เสือบเนื่องมาจากสมองเสียหาย ตาไม่ได้บอดนะคะ แต่สู้แสงไม่ค่อยได้)
ตอนนี้เครียดมากค่ะ ส่งเงินไปแล้วรวมๆก็ครึ่งแสน ตั้งใจให้เป็นเงิบเก็บลูก รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ทำยังไงได้บ้าง เวียนคืนก็ได้น้อยมาก เสียใจเสียความรู้สึก เราไม่ได้ปิดบังข้อมูลแต่ทำไมตัวแทนถึงลงข้อมูลแบบนี้
เราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องประกัน ตอนได้เล่มมาก็ดูรายละเอียกเรื่องการรับผลประโยชน์ กับเงื่อนไขต่างๆ แต่ไม่ได้เอะใจดูในเอกสารการสมัครด้านหลังเล่ม
ยอมรับค่ะว่าพลาด พลาดหนักมาก ตั้งใจว่าเผื่อเราเป็นอะไรไปอย่างน้อยคนที่จะดูแลลูกเราก็มีเงินก้อนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
เพื่อนเราบางบอกในกรณีนี้ทำไปก็ได้แค่เงินต้นคืน ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไป ไม่ได้คุ้มครองอะไรเลย
ตอนนี้ไม่อยากส่งต่อแล้ว แต่ถ้าไม่ส่งก็เสียเงินที่ส่งไปแล้วฟรีๆ เวียนคืนก็ได้น้อย หลายคนบอกว่าก็คิดสะว่าเป็นการเก็บเงินไปละกัน
แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าต้องส่งบริษัทเราเก็บเองก็ได้ ในเมื่อเราตายแล้วได้แค่เงินต้น งั้นจะประกันไปทำไม ????
สู้เอาไปฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใยของทีเอ็มบีดีกว่า เราตายแล้วลูกได้เงินสองเท่าจากเงินในบีญชี ดอกเบี้ยก็ได้ ถึงจะน้อยแต่ก็ดีกว่าส่งไปเรื่อยๆแบบนี้
สรุปแล้ว เราต้องสูญเสียเงินก้อนนี้ให้กับตัวแทนที่เห็นแก่ตัวหาแต่ยอดหรอคะ เหนื่อยมากทั้งดูแลลูกพิการ ทำงาน เก็บเงินส่งประกัน
เงินอาจจะไม่มากสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับเรา มันมากนะคะ เราเก็บไว้ซื้อเตียงกายภาพหัดยืนให้ลูกได้เลย
รบกวนผู้เชี่ยวชาญให้คำชี้แนะด้วยค่ะ
ทำประกันให้ลูกสาว(พิการทางสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์)
เหตุการณ์เริ่มจากมีพนักงานขายประกันของบริษัท บริษัทหนึ่งมาลงพื้นที่หาลูกค้าที่บ้านค่ะ
ด้วยความที่ลูกสาวพิการแต่กำเนิดเราเลยปฏิเสธไปและอุ้มลูกสาวออกมาให้ดูว่าน้องไม่สมบูรณ์ค่ะ
พนักงานก็ยืนยันว่าทำได้ค่ะ ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ในใจเราก็มั่นใจว่าคงไม่ได้ ซักเท่าไหร่ก็ยืนยันคำเดิม
สุดท้ายก็ทำไปค่ะ คิดว่าคงไม่ผ่านแต่ก็ผ่าน เป็นแบบสะสมทรัพย์มีเงินปันผลประจำปี
แล้วก็คุ้มครองผู้ส่ง(ลูกสาวเป็นผู้เอาประกัน) คือถ้าเราเป็นอะไรไปก่อนลูกก็มีเงินก้อนโดยที่ไม่ต้องส่งต่อแล้ว
ผ่านมาแล้ว1 ปีเพื่อนโทรมาชวนให้ทำประกัน นางก็อธิบายรายละเอียดบลาๆๆๆเพื่อเก็บไวให้ลูกไรงี้
เราเลยบอกนางไปว่าเราทำให้ลูกแล้ว นางก็บอกลูกเมิงไม่สมบูรณ์ไม่น่าจะทำได้นะเมิง !!!!!
นางก็อธิบายบลาๆๆๆๆแล้วก็ให้เราตรวจเอกสารกรมธรรม์เกี่ยวกับแถลงการเพื่อสุขภาพ ตรงท้ายเล่ม
ผลสรุปว่า พนักงานขายประกัน ไม่ได้ให้ข้อมูลบริษัทตามความเป็นจริง ในช่องรายละเอียดเกี่ยวกับความพิการ
เช่น การเคลื่อนไหวผิดปรกติ พัฒนาการช้า พิการทางสายตา(เสือบเนื่องมาจากสมองเสียหาย ตาไม่ได้บอดนะคะ แต่สู้แสงไม่ค่อยได้)
ตอนนี้เครียดมากค่ะ ส่งเงินไปแล้วรวมๆก็ครึ่งแสน ตั้งใจให้เป็นเงิบเก็บลูก รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ทำยังไงได้บ้าง เวียนคืนก็ได้น้อยมาก เสียใจเสียความรู้สึก เราไม่ได้ปิดบังข้อมูลแต่ทำไมตัวแทนถึงลงข้อมูลแบบนี้
เราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องประกัน ตอนได้เล่มมาก็ดูรายละเอียกเรื่องการรับผลประโยชน์ กับเงื่อนไขต่างๆ แต่ไม่ได้เอะใจดูในเอกสารการสมัครด้านหลังเล่ม
ยอมรับค่ะว่าพลาด พลาดหนักมาก ตั้งใจว่าเผื่อเราเป็นอะไรไปอย่างน้อยคนที่จะดูแลลูกเราก็มีเงินก้อนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
เพื่อนเราบางบอกในกรณีนี้ทำไปก็ได้แค่เงินต้นคืน ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไป ไม่ได้คุ้มครองอะไรเลย
ตอนนี้ไม่อยากส่งต่อแล้ว แต่ถ้าไม่ส่งก็เสียเงินที่ส่งไปแล้วฟรีๆ เวียนคืนก็ได้น้อย หลายคนบอกว่าก็คิดสะว่าเป็นการเก็บเงินไปละกัน
แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าต้องส่งบริษัทเราเก็บเองก็ได้ ในเมื่อเราตายแล้วได้แค่เงินต้น งั้นจะประกันไปทำไม ????
สู้เอาไปฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใยของทีเอ็มบีดีกว่า เราตายแล้วลูกได้เงินสองเท่าจากเงินในบีญชี ดอกเบี้ยก็ได้ ถึงจะน้อยแต่ก็ดีกว่าส่งไปเรื่อยๆแบบนี้
สรุปแล้ว เราต้องสูญเสียเงินก้อนนี้ให้กับตัวแทนที่เห็นแก่ตัวหาแต่ยอดหรอคะ เหนื่อยมากทั้งดูแลลูกพิการ ทำงาน เก็บเงินส่งประกัน
เงินอาจจะไม่มากสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับเรา มันมากนะคะ เราเก็บไว้ซื้อเตียงกายภาพหัดยืนให้ลูกได้เลย
รบกวนผู้เชี่ยวชาญให้คำชี้แนะด้วยค่ะ