สวัสดีจากกุดาอุรี (Gudauri) ประเทศจอร์เจียค่ะ (Georgia)
แอนคนเดิม มาเพิ่มเติมเรื่อง หิมะ ^^ เนื่องจากช่วงนี้แอนคลุกคลีกับหิมะหนักมาก หิมะตกสองวันเว้นวัน เบาบ้าง หนักบ้าง ทำให้สาวน้อยแจ่มใส(จำไม) เกิดคำถามขึ้นมาว่า หิมะมันตกได้ยังไง ทำไมบางทีหนัก บางทีเบา บางครั้งฟูซะ บางครั้งเปียกแฉะ แล้วไหนจะเกล็ดหิมะหน้าตาเหมือนในการ์ตูนอีก ซึ่งเมื่อก่อน ไม่เคยเชื่อเลยว่า หิมะ มันสวยแบบในการ์ตูน 555+ นึกว่าเป็นแค่ภาพมโน ที่เค้าอยากให้ลุคส์ของหิมะดูน่ารัก น่าทะนุถนอม แค่นั้นเอง
#ใครคิดเหมือนกันยกมือขึ้นเลย ^^
และวันนี้แหละ ที่เจ้าหนูจำไมคนนี้จะมาไขข้อข้องใจ (ของตัวเอง) พี่ไม่ได้มาเล่นๆ พี่มาส่องเกล็ดหิมะ 555+
กำเนิดหิมะ ฉบับนี้ อ่าน แปล และสรุปมาจาก metoffice.gov.uk และ weatherwizkids.com คำศัพท์ทางเทคนิคแบบงงๆ แอนจะไม่ค่อยอยากใช้ จะพยายามอธิบายแบบบ้านๆ ให้เข้าใจง่ายๆ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยและแนะนำแก้ไขกันได้เลยนะคะ แอนยินดีมากๆค่ะ^^
"กำเนิดหิมะ"
หิมะ เกิดขึ้นเมื่อชั้นบรรยากาศมีอุณหภูมิต่ำ ความชื้นสูง ไอน้ำเปลี่ยนรูปเป็นผลึกน้ำแข็งเล็กๆ เมื่อเหล่าผลึกน้ำแข็งเล็กๆชนกัน ในก้อนเมฆและรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้น เมื่อมีปริมาณที่มากขึ้น หนักขึ้น สุดท้ายจึงตกลงสู่พื้น กลายเป็นหิมะนั่นเอง
หิมะจะตกก็ต่อเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง จริงๆแล้วที่ประมาณ 2 องศาเซลเซียสลงมาก็ตกได้แล้ว (ตามทฤษฎีเป๊ะๆ คือ ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส) และเวลาที่หิมะตกหนักๆ จริงๆ ส่วนใหญ่อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 2 องศาเซลเซียส
"หิมะแห้ง หรือ หิมะเปียก"
ใช่แล้วค่ะ... หิมะที่ตกลงมาหนาๆนุ่มๆ มีทั้งแห้งและเปียก

❆
หิมะแห้ง เป็นหิมะที่ตกลงสู่พื้นผ่านอากาศที่แห้งและเย็น หิมะจะเล็กๆ ลักษณะเหมือนแป้ง ไม่จับตัวเป็นก้อน ลมพัดแล้วปลิวง่ายเหมือนฝุ่น และบางครั้งมีรูปร่างสวยงาม (เกล็ดหิมะรูปร่างแบบต่างๆ จะพูดถึงอีกทีค่ะ^^) หิมะแห้งเหมาะแก่การเล่นกีฬา พวกสกี สโนว์บอร์ด ฯลฯ
❆
หิมะเปียก เป็นหิมะที่ตกลงมาสู่พื้น และระหว่างทางอุณภูมิค่อยๆสูงขึ้นมากกว่า 0 องศาเซลเซียส ทำให้หิมะมีโอกาสละลายเปลี่ยนรูปแต่ก็ดันจับตัวกันเป็นก้อนมากขึ้น (คล้ายๆก้อนน้ำแข็งใส) ทำให้ก้อนใหญ่ขึ้น หนักขึ้น และเปียกนั่นเอง ถ้าเดินอยู่ท่ามกลางหิมะชนิดนี้ เปียก!!! แน่นอนค่ะท่านผู้ชม

แต่ๆ.. หิมะชนิดนี้แหละที่เหมาะจะปั้นสโนว์แมนหละค่ะ
ถึงคิวของ "เกล็ดหิมะ" กันแล้ว
เกล็ดหิมะ คือ กลุ่มของผลึกน้ำแข็ง โครงสร้างหกเหลี่ยม ที่มีรูปร่างหลากหลายและไม่ซ้ำกัน ทั้งแบบดาว ปริซึ่ม และรูปร่างซับซ้อนสวยงามอื่นๆ อุณภูมิยิ่งต่ำเกล็ดหิมะยิ่งมีรูปร่างเล็งลง แต่ถ้าอุณหภูมิยิ่งสูงขึ้น (แต่ไม่เกินจุดเยือกแข็งเพราะนางจะละลายกลายเป็นหิมะเปียก) เกล็ดหิมะจะมีรูปร่างที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนสวยงามขึ้น
"กำเนิดเกล็ดหิมะ"
เกล็ดหิมะ ก่อกำเหนิดจากละอองน้ำ ที่เย็นมากๆ (ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียสลงไป หนาวจนไส้แข็งเลยหละ) จนกลายเป็นผลึกน้ำแข็งอยู่ในก้อนเมฆ และพออากาศในก้อนเมฆอุ่นขึ้น ผลึกน้ำแข็งก็จะเปลี่ยนรูปร่าง (เหมือนโดนบด) เป็นเกล็ดเล็กๆ และหลังจากนั้นแขนขาก็เริ่มงอก (แฉก) (โมเลกุลของน้ำรวมตัวกันเป็นผลึกน้ำแข็งและค่อยๆงอกเพิ่มเข้าไป) และนี่แหละคือ เกล็ดหิมะ ซึ่งต่อมาก็ตกลงสู่พื้น
"เกล็ดหิมะเป็นโครงสร้างเหลี่ยมเสมอ"
"พยายามถ่ายจากหิมะที่ตกบนเสื้อของตัวเอง"
เกล็ดหิมะเป็นรูปหกเหลี่ยม หรือ หกแฉก หรืองอก (ยังไงก็ได้ แต่..) จากฐานเดิมหกเหลี่ยมเสมอ
โมเลกุลของผลึกน้ำแข็งที่จะงอกเพิ่มจากโครงสร้างหกเหลี่ยมเดิม ซึ่งการจัดการ (การงอกเพิ่ม) แบบใช้โมเลกุลน้ำ (H2O) ค่อยๆเพิ่มเข้าไป เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เกล็ดหิมะแบบโครงสร้างหกเหลี่ยมจะมีกิ่งก้านสาขาเพิ่มอีกมากมายแต่จะคงโครงสร้างหกเหลี่ยมไว้ดังเดิม
"เกล็ดหิมะมีรูปร่างแตกต่างกันเสมอ"
เกล็ดหิมะโครงสร้างหกเหลี่ยมที่งอกความงามแบบซับซ้อนเต็มที่ แต่ไม่เคยซ้ำกันเลย (นักวิจัยกล่าวไว้ แอนไม่ได้กล่าว แต่ยิ่งเพ่งดูเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่เหมือนกันชริงๆ^^)
"อะไรทำให้เกล็ดหิมะนั้นขาวจั๊ว"
เกล็ดหิมะที่ตกมาจากฟ้า ระหว่างร่วงลงสู่พื้นยังชนกัน รวมตัวกัน และเจ้าผลึกน้ำแข็งเล็กๆนี่ไม่ใสเหมือนแก้ว แต่แค่โปร่งแสง แสงผ่านได้แต่ไม่โดยตรง และเจ้าผลึกน้ำแข็งที่มีหลายๆเหลี่ยมทำนองปริซึ่มนี่เองมาทำให้เกิดการสะท้อนแสงของคลื่นแสงทั้งหมด (Light Spectrum) ทำให้เกล็ดหิมะที่เห็นกลายเป็นสีขาว วิบวับแสบตามากดั่งไดมอนด์หากไม่มีแว่นอย่างที่เห็นกัน
"เกล็ดหิมะชนิดต่างๆ"
ถ้าใครอ่านรอดมาจนถึงตอนนี้แล้ว ก็ไปต่อกันอีกหน่อย มันมีอะไรให้เก็บไปลองสังเกตลองเล่นกันอีกนิดแน่ะค่ะ รวบรวมกำลังภายในแล้วไปต่อกัน
เอาหละ ถึงแม้ว่า เจ้าเกล็ดหิมะจะมีรูปร่างแบบอินฟินิตี้ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่จริงๆแล้ว เราสามารถแบ่งกลุ่มให้พวกเค้าอยู่ได้ (ซึ่งรู้ไว้ก็สนุกดี) เกล็ดหิมะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
❆
Dendrite Snowflake (เกล็ดหิมะแบบเส้นใย)
เป็นเกล็ดหิมะประเภทที่สวยงามจับตาที่สุด เกล็ดหิมะประเภทนี้เกิดขึ้นได้ที่อุณหภูมิต่ำๆ ราวๆ -20 ถึง -25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นที่อุดมสมบูรณ์พอดิบพอดีที่จะช่วยให้เจ้าเกล็ดหิมะเติบโตแบบสวยงามซับซ้อนแบบนี้ได้ แบบนี้หละที่ทำให้แอนทึ่งมากๆ งานเค้าละเอียดสุดยอดชริงๆ^^
❆
Thin Plate (เกล็ดหิมะแบบแผ่นบางๆ)
เกล็ดหิมะที่เป็นต้นตอของเกล็ดหิมะชนิดอื่นๆ แต่ความชื้นไม่พอ เลยไปต่อไม่ได้
❆
Sector Plate (เกล็ดหิมะแบบเสี้ยวดาว)
รายนี้ก็คล้ายๆกับ Thin Plate แบบว่าเริ่มจะงอกดอกแฉก แต่ความชื้นน้อยไป เลยได้มาแบบคล้ายๆดาว ก็ยังดีอยู่นะ ^^
"ภาพถ่ายเกล็ดหิมะ"
ภาพถ่ายเกล็ดหิมะรูปร่างสวยงามต่างๆเหล่านี้ ถูกถ่ายขึ้นในปี ค.ศ. 1885 โดย Wilson Bentley เทคนิคในการถ่ายภาพเกล็ดหิมะอันนี้ไมได้มาง่ายๆ แต่ได้มาด้วยการพัฒนากล้องจุลทรรศ์เข้ากับกล้องถ่ายรูป เห็นผลงานแล้วทึ่งมากๆ ขอบคุณผลงานดีๆแบบนี้ที่ช่วยให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้ศึกษากัน
❊
❊
และแล้ว...เรื่องราวระหว่างหิมะและแอนก็ได้กระจ่างลงเช่นนี้ ไม่ได้หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์อะไรยิ่งใหญ่มาก แต่หวังว่าถ้าใครอ่านแล้วมีโอกาสไปส่องหิมะ อย่าลืมนับดูว่าได้กี่ชนิด มันสนุกจีๆนะ ส่วนใครยังไม่ได้ไปดูเร็วๆนี้ อ่านไว้เป็นอะไรดีๆ เผื่อวันที่จะได้ลองนับกันนะค๊ะ
❊
❊
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยม และขอตัวไปส่องหิมะต่อนะค๊ะ บรึ๊ย (หนาวซิ^^)
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
http://www.metoffice.gov.uk/ ,
http://www.weatherwizkids.com/
Winter in Georgia : กำเนิดหิมะ
สวัสดีจากกุดาอุรี (Gudauri) ประเทศจอร์เจียค่ะ (Georgia)
แอนคนเดิม มาเพิ่มเติมเรื่อง หิมะ ^^ เนื่องจากช่วงนี้แอนคลุกคลีกับหิมะหนักมาก หิมะตกสองวันเว้นวัน เบาบ้าง หนักบ้าง ทำให้สาวน้อยแจ่มใส(จำไม) เกิดคำถามขึ้นมาว่า หิมะมันตกได้ยังไง ทำไมบางทีหนัก บางทีเบา บางครั้งฟูซะ บางครั้งเปียกแฉะ แล้วไหนจะเกล็ดหิมะหน้าตาเหมือนในการ์ตูนอีก ซึ่งเมื่อก่อน ไม่เคยเชื่อเลยว่า หิมะ มันสวยแบบในการ์ตูน 555+ นึกว่าเป็นแค่ภาพมโน ที่เค้าอยากให้ลุคส์ของหิมะดูน่ารัก น่าทะนุถนอม แค่นั้นเอง
#ใครคิดเหมือนกันยกมือขึ้นเลย ^^
และวันนี้แหละ ที่เจ้าหนูจำไมคนนี้จะมาไขข้อข้องใจ (ของตัวเอง) พี่ไม่ได้มาเล่นๆ พี่มาส่องเกล็ดหิมะ 555+
กำเนิดหิมะ ฉบับนี้ อ่าน แปล และสรุปมาจาก metoffice.gov.uk และ weatherwizkids.com คำศัพท์ทางเทคนิคแบบงงๆ แอนจะไม่ค่อยอยากใช้ จะพยายามอธิบายแบบบ้านๆ ให้เข้าใจง่ายๆ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยและแนะนำแก้ไขกันได้เลยนะคะ แอนยินดีมากๆค่ะ^^
หิมะ เกิดขึ้นเมื่อชั้นบรรยากาศมีอุณหภูมิต่ำ ความชื้นสูง ไอน้ำเปลี่ยนรูปเป็นผลึกน้ำแข็งเล็กๆ เมื่อเหล่าผลึกน้ำแข็งเล็กๆชนกัน ในก้อนเมฆและรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้น เมื่อมีปริมาณที่มากขึ้น หนักขึ้น สุดท้ายจึงตกลงสู่พื้น กลายเป็นหิมะนั่นเอง
หิมะจะตกก็ต่อเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง จริงๆแล้วที่ประมาณ 2 องศาเซลเซียสลงมาก็ตกได้แล้ว (ตามทฤษฎีเป๊ะๆ คือ ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส) และเวลาที่หิมะตกหนักๆ จริงๆ ส่วนใหญ่อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 2 องศาเซลเซียส
ใช่แล้วค่ะ... หิมะที่ตกลงมาหนาๆนุ่มๆ มีทั้งแห้งและเปียก
❆ หิมะแห้ง เป็นหิมะที่ตกลงสู่พื้นผ่านอากาศที่แห้งและเย็น หิมะจะเล็กๆ ลักษณะเหมือนแป้ง ไม่จับตัวเป็นก้อน ลมพัดแล้วปลิวง่ายเหมือนฝุ่น และบางครั้งมีรูปร่างสวยงาม (เกล็ดหิมะรูปร่างแบบต่างๆ จะพูดถึงอีกทีค่ะ^^) หิมะแห้งเหมาะแก่การเล่นกีฬา พวกสกี สโนว์บอร์ด ฯลฯ
❆ หิมะเปียก เป็นหิมะที่ตกลงมาสู่พื้น และระหว่างทางอุณภูมิค่อยๆสูงขึ้นมากกว่า 0 องศาเซลเซียส ทำให้หิมะมีโอกาสละลายเปลี่ยนรูปแต่ก็ดันจับตัวกันเป็นก้อนมากขึ้น (คล้ายๆก้อนน้ำแข็งใส) ทำให้ก้อนใหญ่ขึ้น หนักขึ้น และเปียกนั่นเอง ถ้าเดินอยู่ท่ามกลางหิมะชนิดนี้ เปียก!!! แน่นอนค่ะท่านผู้ชม
เกล็ดหิมะ คือ กลุ่มของผลึกน้ำแข็ง โครงสร้างหกเหลี่ยม ที่มีรูปร่างหลากหลายและไม่ซ้ำกัน ทั้งแบบดาว ปริซึ่ม และรูปร่างซับซ้อนสวยงามอื่นๆ อุณภูมิยิ่งต่ำเกล็ดหิมะยิ่งมีรูปร่างเล็งลง แต่ถ้าอุณหภูมิยิ่งสูงขึ้น (แต่ไม่เกินจุดเยือกแข็งเพราะนางจะละลายกลายเป็นหิมะเปียก) เกล็ดหิมะจะมีรูปร่างที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนสวยงามขึ้น
เกล็ดหิมะ ก่อกำเหนิดจากละอองน้ำ ที่เย็นมากๆ (ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียสลงไป หนาวจนไส้แข็งเลยหละ) จนกลายเป็นผลึกน้ำแข็งอยู่ในก้อนเมฆ และพออากาศในก้อนเมฆอุ่นขึ้น ผลึกน้ำแข็งก็จะเปลี่ยนรูปร่าง (เหมือนโดนบด) เป็นเกล็ดเล็กๆ และหลังจากนั้นแขนขาก็เริ่มงอก (แฉก) (โมเลกุลของน้ำรวมตัวกันเป็นผลึกน้ำแข็งและค่อยๆงอกเพิ่มเข้าไป) และนี่แหละคือ เกล็ดหิมะ ซึ่งต่อมาก็ตกลงสู่พื้น
"พยายามถ่ายจากหิมะที่ตกบนเสื้อของตัวเอง"
เกล็ดหิมะเป็นรูปหกเหลี่ยม หรือ หกแฉก หรืองอก (ยังไงก็ได้ แต่..) จากฐานเดิมหกเหลี่ยมเสมอ
โมเลกุลของผลึกน้ำแข็งที่จะงอกเพิ่มจากโครงสร้างหกเหลี่ยมเดิม ซึ่งการจัดการ (การงอกเพิ่ม) แบบใช้โมเลกุลน้ำ (H2O) ค่อยๆเพิ่มเข้าไป เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เกล็ดหิมะแบบโครงสร้างหกเหลี่ยมจะมีกิ่งก้านสาขาเพิ่มอีกมากมายแต่จะคงโครงสร้างหกเหลี่ยมไว้ดังเดิม
เกล็ดหิมะโครงสร้างหกเหลี่ยมที่งอกความงามแบบซับซ้อนเต็มที่ แต่ไม่เคยซ้ำกันเลย (นักวิจัยกล่าวไว้ แอนไม่ได้กล่าว แต่ยิ่งเพ่งดูเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่เหมือนกันชริงๆ^^)
เกล็ดหิมะที่ตกมาจากฟ้า ระหว่างร่วงลงสู่พื้นยังชนกัน รวมตัวกัน และเจ้าผลึกน้ำแข็งเล็กๆนี่ไม่ใสเหมือนแก้ว แต่แค่โปร่งแสง แสงผ่านได้แต่ไม่โดยตรง และเจ้าผลึกน้ำแข็งที่มีหลายๆเหลี่ยมทำนองปริซึ่มนี่เองมาทำให้เกิดการสะท้อนแสงของคลื่นแสงทั้งหมด (Light Spectrum) ทำให้เกล็ดหิมะที่เห็นกลายเป็นสีขาว วิบวับแสบตามากดั่งไดมอนด์หากไม่มีแว่นอย่างที่เห็นกัน
ถ้าใครอ่านรอดมาจนถึงตอนนี้แล้ว ก็ไปต่อกันอีกหน่อย มันมีอะไรให้เก็บไปลองสังเกตลองเล่นกันอีกนิดแน่ะค่ะ รวบรวมกำลังภายในแล้วไปต่อกัน
เอาหละ ถึงแม้ว่า เจ้าเกล็ดหิมะจะมีรูปร่างแบบอินฟินิตี้ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่จริงๆแล้ว เราสามารถแบ่งกลุ่มให้พวกเค้าอยู่ได้ (ซึ่งรู้ไว้ก็สนุกดี) เกล็ดหิมะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
❆ Dendrite Snowflake (เกล็ดหิมะแบบเส้นใย)
เป็นเกล็ดหิมะประเภทที่สวยงามจับตาที่สุด เกล็ดหิมะประเภทนี้เกิดขึ้นได้ที่อุณหภูมิต่ำๆ ราวๆ -20 ถึง -25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นที่อุดมสมบูรณ์พอดิบพอดีที่จะช่วยให้เจ้าเกล็ดหิมะเติบโตแบบสวยงามซับซ้อนแบบนี้ได้ แบบนี้หละที่ทำให้แอนทึ่งมากๆ งานเค้าละเอียดสุดยอดชริงๆ^^
❆ Thin Plate (เกล็ดหิมะแบบแผ่นบางๆ)
เกล็ดหิมะที่เป็นต้นตอของเกล็ดหิมะชนิดอื่นๆ แต่ความชื้นไม่พอ เลยไปต่อไม่ได้
❆ Sector Plate (เกล็ดหิมะแบบเสี้ยวดาว)
รายนี้ก็คล้ายๆกับ Thin Plate แบบว่าเริ่มจะงอกดอกแฉก แต่ความชื้นน้อยไป เลยได้มาแบบคล้ายๆดาว ก็ยังดีอยู่นะ ^^
ภาพถ่ายเกล็ดหิมะรูปร่างสวยงามต่างๆเหล่านี้ ถูกถ่ายขึ้นในปี ค.ศ. 1885 โดย Wilson Bentley เทคนิคในการถ่ายภาพเกล็ดหิมะอันนี้ไมได้มาง่ายๆ แต่ได้มาด้วยการพัฒนากล้องจุลทรรศ์เข้ากับกล้องถ่ายรูป เห็นผลงานแล้วทึ่งมากๆ ขอบคุณผลงานดีๆแบบนี้ที่ช่วยให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้ศึกษากัน
❊
และแล้ว...เรื่องราวระหว่างหิมะและแอนก็ได้กระจ่างลงเช่นนี้ ไม่ได้หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์อะไรยิ่งใหญ่มาก แต่หวังว่าถ้าใครอ่านแล้วมีโอกาสไปส่องหิมะ อย่าลืมนับดูว่าได้กี่ชนิด มันสนุกจีๆนะ ส่วนใครยังไม่ได้ไปดูเร็วๆนี้ อ่านไว้เป็นอะไรดีๆ เผื่อวันที่จะได้ลองนับกันนะค๊ะ
❊
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยม และขอตัวไปส่องหิมะต่อนะค๊ะ บรึ๊ย (หนาวซิ^^)
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : http://www.metoffice.gov.uk/ , http://www.weatherwizkids.com/