พึงศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างระมัดระวัง
ปุถุชนชาวบ้านต่างจากพระ
++++++++++++++++++++++++++
[๑๘๕] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า อันบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมแล้ว กำลังทรงแสดงธรรม ได้ทรงจามขึ้น ภิกษุทั้งหลายได้ถวายพระพรอย่างอึงมี่ว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงพระชนมายุ ขอพระสุคตจงทรงพระชนมายุเถิดพระพุทธเจ้าข้า ธรรมกถาได้พักในระหว่างเพราะเสียงนั้น จึงพระผู้มีพระภาครับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่ถูกเขาให้พรว่า ขอจงเจริญชนมายุในเวลาจาม จะพึงเป็น หรือพึงตายเพราะเหตุที่ให้พรนั้นหรือ
ภิ. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงกล่าวคำให้พรว่า ขอจงมีชนมายุ ในเวลาที่เขาจาม รูปใดให้พร ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
[๑๘๖] สมัยนั้น ชาวบ้านให้พรในเวลาที่ภิกษุทั้งหลายจามว่า ขอท่านจงมีชนมายุ ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ มิได้ให้พรตอบ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร เมื่อเขาให้พรว่า จงเจริญชนมายุ จึงไม่ให้พรตอบเล่า ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านมีความต้องการด้วยสิ่งเป็นมงคล เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ที่เขาให้พรว่า จงเจริญชนมายุ ดังนี้ ให้พรตอบแก่ชาวบ้านว่า ขอท่านจงเจริญชนมายุยืนนาน ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=07&A=1354&Z=1369
+++++++++++++++++++++++++++
"พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่ง
สุขอาศัยกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์..."
อรณวิภังคสูตร
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=14&A=8511&Z=8747
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[๒๒๔] (ท่านพระติสสเมตเตยยะ กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้หาทุกข์มิได้ ขอพระองค์จงตรัสบอกซึ่งความคับแค้นของบุคคลผู้ประกอบเนืองๆ ในเมถุนธรรม พวกข้าพระองค์ได้ฟังคำสอนของพระองค์แล้ว จะศึกษาในวิเวก.
[๒๒๕] คำว่า ของบุคคลผู้ประกอบเนืองๆ ในเมถุนธรรม ความว่า ชื่อว่าเมถุนธรรมได้แก่ ธรรมของอสัตบุรุษ
ธรรมของชาวบ้าน ธรรมของคนเลว ธรรมชั่วหยาบ ธรรมมีน้ำเป็นที่สุดธรรมอันพึงทำในที่ลับ ธรรมคือความถึงพร้อมแห่งคนคู่ๆ กัน....
ติสสเมตเตยยสุตตนิทเทสที่ ๗
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=29&A=3084&Z=3567
พึงศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างระมัดระวัง
++++++++++++++++++++++++++
[๑๘๕] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า อันบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมแล้ว กำลังทรงแสดงธรรม ได้ทรงจามขึ้น ภิกษุทั้งหลายได้ถวายพระพรอย่างอึงมี่ว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงพระชนมายุ ขอพระสุคตจงทรงพระชนมายุเถิดพระพุทธเจ้าข้า ธรรมกถาได้พักในระหว่างเพราะเสียงนั้น จึงพระผู้มีพระภาครับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่ถูกเขาให้พรว่า ขอจงเจริญชนมายุในเวลาจาม จะพึงเป็น หรือพึงตายเพราะเหตุที่ให้พรนั้นหรือ
ภิ. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงกล่าวคำให้พรว่า ขอจงมีชนมายุ ในเวลาที่เขาจาม รูปใดให้พร ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
[๑๘๖] สมัยนั้น ชาวบ้านให้พรในเวลาที่ภิกษุทั้งหลายจามว่า ขอท่านจงมีชนมายุ ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ มิได้ให้พรตอบ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร เมื่อเขาให้พรว่า จงเจริญชนมายุ จึงไม่ให้พรตอบเล่า ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านมีความต้องการด้วยสิ่งเป็นมงคล เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ที่เขาให้พรว่า จงเจริญชนมายุ ดังนี้ ให้พรตอบแก่ชาวบ้านว่า ขอท่านจงเจริญชนมายุยืนนาน ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=07&A=1354&Z=1369
+++++++++++++++++++++++++++
"พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งสุขอาศัยกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์..."
อรณวิภังคสูตร http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=14&A=8511&Z=8747
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[๒๒๔] (ท่านพระติสสเมตเตยยะ กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้หาทุกข์มิได้ ขอพระองค์จงตรัสบอกซึ่งความคับแค้นของบุคคลผู้ประกอบเนืองๆ ในเมถุนธรรม พวกข้าพระองค์ได้ฟังคำสอนของพระองค์แล้ว จะศึกษาในวิเวก.
[๒๒๕] คำว่า ของบุคคลผู้ประกอบเนืองๆ ในเมถุนธรรม ความว่า ชื่อว่าเมถุนธรรมได้แก่ ธรรมของอสัตบุรุษ ธรรมของชาวบ้าน ธรรมของคนเลว ธรรมชั่วหยาบ ธรรมมีน้ำเป็นที่สุดธรรมอันพึงทำในที่ลับ ธรรมคือความถึงพร้อมแห่งคนคู่ๆ กัน....
ติสสเมตเตยยสุตตนิทเทสที่ ๗ http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=29&A=3084&Z=3567