จากนั้นก็กลับมาทำแล็บอย่างบ้าคลั่งและออกไปเดินเขาเล่นอีกแล้วช่วงกุมภาพันธ์ที่เมือง Saint Vincent อยู่ตอนกลางทางตะวันออกของฝรั่งเศสอีกแล้ว ไปแล้วก็รู้สึกว่าเราอยู่ในสก็อตแลนด์ใช่ไหม แกะอยู่ไหน หาแกะมาประกอบนี่เอาไปหลอกเพื่อนได้ว่าไปทางชนบทสก็อตแลนด์มา
เดือนมีนาคม รับจ๊อบเสริมเข้า มีงานมีเงินแต่ต้องจ่ายค่าเดินทางเอง คำนวนแล้วคุ้มทุนอยู่เลยเดินทางลงใต้ไปเมือง Marseille และ Nice นี่มาร์เซยเปลี่ยนไปมากเนื่องจากได้เป็นเมือง Europeen Capital of Culture ปี 2013 ได้เงินได้งบเอามาละลายเล่นใหญ่เลยจ๊ะ ทำ MuCEM Museum เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตทะเล Mediterranean แต่งบเหลือเลยเอามาจัดไฟสักสามสิบเก้าล้าน อุ๊ปส์ ไม่ใช่ เอามารีโนเวทป้อมปราการเก่า ทำเป็นลานอเนกประสงค์ชมวิวสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ถ่ายรูปอย่างที่เห็น
นอกจากนี้เมืองใกล้ๆ ยังมี Saint Antoine Abbaye โบสถ์นี่เอง ที่ถูกสร้างเพื่อบรรจุอัฐิของ Saint Antoine ในปี 1297 ด้านความเก่าแก่นี้ขอยกให้เจ้เลยละ และเมือง Saint Antoine ในวิกิเค้าบอกไว้ว่า เป็นเมืองชนบทที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในฝรั่งเศส
== My travel moments in 2015 ==
กระทู้นี้เลยเป็นกระทู้แรกของเรา ตัดสินใจอยู่นานมากว่าจะมาตั้งกระทู้ดีไหม เพราะต้องขอบอกก่อนว่าเราเป็นคนถ่ายรูปขี้เหร่มาก ถ่ายมาสักสิบรูปจะสวยสักรูป กล้องถ่ายรูปก็กะโหลกกะลากิ๊กก๊อกใช้กล้องNikon J1 สลับกับ iPhone 6 บางครั้งกล้องไอโฟนถ่ายออกมาสวยกว่ากล้อง Nikon เราอีก ห่อเหี่ยวใจ !!! ที่คัดมานี่ นี่คือของจริง เรามาแต่งใน Picasa แค่ปรับแสง สี และใส่ตัวหนังสือบอกสถานที่เท่านี้เอง ถ้าดูแล้วรูปใช้ได้ สถานที่น่าสนใจ เราขอรับรองว่าคุณไปต้องถ่ายได้สวยกว่าเราแน่ๆ 55555 !
ตัวเจ้าของกระทู้เป็นนักศึกษาในฝรั่งเศส ปกติวันหยุดเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่ติดอะไร ก็จะหาโอกาสออกไปเดินเล่นตามเมืองในชนบท หรือเนินเขาต่างๆ จำได้ว่าวันที่ 1 มกราคม 2015 หลังจากกินอาหารเลี้ยงคริสมาสต์ และฟองดูชีสเลี้ยงปีใหม่อย่างหนักหน่วง ตื่นเช้ามาต้องรีบออกไปเคลื่อนไหวร่างกายสักเล็กน้อย จึงมีโอกาสไปเดินเล่นที่เมืองชนบทมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าลากยาวได้อีกยังไง เป็นเมืองที่อยู่ติดกับ Natural Parc Pilat ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส จำได้ว่าเป็นวันเริ่มต้นของปีที่สวยงามมากมีแดดและท้องฟ้าสีสวยมาก
จากนั้นพอปลายเดือนมกราคมก็แบกกระเป๋าหนีอาจารย์ไป บายๆ หนูหนีไปเล่นสกีที่ Les Alpes d’Huez ที่อยู่ในเทือกเขา Alpes ซึ่งอาจารย์ก็เข้าใจได้ เพราะชีก็จะหนีไปสกีตอนกุมภาพันธ์เหมือนกัน แต่ตอนกุมภามันแพงนะจ๊ะ ปล่อยให้ครอบครัวที่มีลูกๆ เค้าไปกัน เพราะเด็กนักเรียนเล็กๆ จะหยุดช่วงนั้น ส่วนเราวัยยี่สิบปลายๆ เราต้องหนีไปก่อนช่วงมกราคม แน่นอนหิมะยังไม่ Full option เท่าที่ควร แต่ก็ยังพอเล่นได้อยู่ ไม่ถึงขั้นภัยพิบัติเท่าปีนี้ ปีนี้ไม่ต้องไปสกีกันเลยทีเดียว
สำหรับการไปเล่นสกีในครั้งนี้ เราดีใจมากว่าผีมือเล่นสกีเราพัฒนาขึ้นจากการได้เพื่อนฝรั่งแนะนำ สามารถขึ้นไปโลดโผนบนสโลปสีดำที่ยาวที่สุดในยุโรปได้อย่างรวดเร็ว แต่สีดำบางอันก็ขอละไว้ในฐานะมองลงไปแล้วนี่มันหน้าผา หรือสโลปสกีกันแน่
จากนั้นก็กลับมาทำแล็บอย่างบ้าคลั่งและออกไปเดินเขาเล่นอีกแล้วช่วงกุมภาพันธ์ที่เมือง Saint Vincent อยู่ตอนกลางทางตะวันออกของฝรั่งเศสอีกแล้ว ไปแล้วก็รู้สึกว่าเราอยู่ในสก็อตแลนด์ใช่ไหม แกะอยู่ไหน หาแกะมาประกอบนี่เอาไปหลอกเพื่อนได้ว่าไปทางชนบทสก็อตแลนด์มา
เดือนมีนาคม รับจ๊อบเสริมเข้า มีงานมีเงินแต่ต้องจ่ายค่าเดินทางเอง คำนวนแล้วคุ้มทุนอยู่เลยเดินทางลงใต้ไปเมือง Marseille และ Nice นี่มาร์เซยเปลี่ยนไปมากเนื่องจากได้เป็นเมือง Europeen Capital of Culture ปี 2013 ได้เงินได้งบเอามาละลายเล่นใหญ่เลยจ๊ะ ทำ MuCEM Museum เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตทะเล Mediterranean แต่งบเหลือเลยเอามาจัดไฟสักสามสิบเก้าล้าน อุ๊ปส์ ไม่ใช่ เอามารีโนเวทป้อมปราการเก่า ทำเป็นลานอเนกประสงค์ชมวิวสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ถ่ายรูปอย่างที่เห็น
เดือนเมษายน คนไทยเตรียมตัวสาดน้ำแต่อยู่ทางนี้เราเตรียมตัวทำแซนวิช ถ้าไปกับคนไทยก็จะปิ้งทอดไก่ หุงข้าวเหนียวไปปิคนิครับอากาศดีกัน มีเพื่อนบิ้วท์อยากไปดู Palais idéal ซึ่งเป็น Monument สร้างโดยบุรษไปรษณีย์ ที่ชื่อว่า Ferdinand Cheval ได้สร้างเหมือนเป็นวังเล็กๆ โดยใช้วัสดุจากธรรมชาติสร้างสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายๆแหล่ง ทั้งคัมภีร์ไบเบิ้ล เรื่องเล่าฮินดูและตำนานอียิปต์ เป็นสิ่งก่อสร้างเล็กๆ แต่รายละเอียดเยอะมาก บางมุมดูแล้วคิดถึงอังกอร์วัด บางมุมดันไปคล้ายกับบ้านของเกาดีในบาร์เซโลน่า แปลกหูแปลกตาไปอีกแบบ ที่แต่น่าทึ่งคือคนสร้างไม่มีความรู้ทางการก่อสร้างหรือสถาปัตยกรรมโดยตรง แต่สร้างแบบทีละเล็กทีละน้อยกว่าสามสิบปีจนแล้วเสร็จ และทุกวันนี้ ที่นี้ก็ได้รับการขึ้นเป็น History Monument ของประเทศฝรั่งเศส
นอกจากนี้เมืองใกล้ๆ ยังมี Saint Antoine Abbaye โบสถ์นี่เอง ที่ถูกสร้างเพื่อบรรจุอัฐิของ Saint Antoine ในปี 1297 ด้านความเก่าแก่นี้ขอยกให้เจ้เลยละ และเมือง Saint Antoine ในวิกิเค้าบอกไว้ว่า เป็นเมืองชนบทที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในฝรั่งเศส
สัปดาห์ต่อมาก็คึกเนื่องจากอากาศดีแน่ๆ ไปเดินแถวไร่องุ่น Beaujolais ได้แต่รูปน้องวัวมาฝาก เพราะเป็นทริปเน้นเดินและเน้นกิน
พฤษภาคม และเดือนที่สวยงามที่สุดของทางยุโรปก็มาถึงแล้ว ใครมาเที่ยวยุโรปปลายเมษาต้นพฤษภาแล้วบ่นว่าไม่สวย เจอฝน ขอแนะนำกลับไปสะเดาะห์เคราะห์ด่วน เรามีโอกาสโรดทริปไปยังเมืองต่างๆ ทาง Provence และลงใต้ไปเลย อยากเกริ่นเลยว่าฝรั่งเศสไม่ได้มีแค่ปารีสเท่านั้นนะ การเดินทางโดยรถยนต์ไปเช่าบ้านใกล้ๆ Gordes เมืองชนบทที่สวยงามที่สุดของฝรั่งเศส อีกแหละ !!!!!! แต่อันนี้เราเห็นด้วย โอ มาย ก๊อด มันสวยงาม ตื่นตาตื่นใจมาก บ้านเมืองที่ลดหลั่นลงมาทางหน้าผา และสีสันของเมืองก็ขาวนวลผู้ดี๊ผู้ดี ดูเก่าแก่ได้ใจ
นอกจากนี้เมืองข้างๆ ที่ชื่อว่า Fontaine de Vaucluse ยังมีแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปกติหน้าน้ำหลาก จะมีน้ำไหลออกมาเป็นน้ำตก แต่เราไปหน้าเริ่มร้อน เลยเห็นน้ำนิ่งอยู่ในถ้ำ และออกมาก็มีลำธารไหลเย็นเห็นตัวปลา กระแสน้ำเชี่ยวกราด และมีคนเล่นเรือคายัคท้าทายตามสายน้ำ
ตอนบ่ายๆ คนอื่นกลับบ้านนอน แต่เราคึกอยากไปเดินป่าต่อที่ Corado provençale de Rustrel ซึ่งเป็นเหมืองแร่เก่าและมีสีสันและภูมิทัศน์คล้าย Corolado ในอเมริกา
วันต่อมาเราลุยต่อไปยังเมือง Aix en provence ด้วยความอากาศร้อน เราเลยเลือกออกไปนอกเมืองไปเขื่อนเก็บน้ำ Bimont ด้วยความที่เป็นฤดูใบไม้ผลิ อะไรๆ ที่มีดอกไม้มาเพิ่มสีสันก็ดูสวยงามไปเสียหมดจริงๆ
ต่อมาเราลงใต้กลับไปเมือง Marseille อีกแล้ว คราวนี้ไปอาศัยบ้านป้าเพื่อนพักแรม และไปเดินเขา ขอย้ำว่าเดินเขาจริงๆ ไปยัง Calanque de Cassis- Marseille เราเคยมาที่นี่แล้วสองรอบ รอบนี้รอบที่สาม จำได้ว่ามารอบแรกหน่อมแหน่มอาโนเนะ เดินเขาสบายๆ ใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่มีน้ำสักขวด เข้าไปกันในอุทยาน ขากลับแทบตาย เพราะมันเดินโหด ชัน และเต็มไปด้วยหินก้อนเล็กๆ ที่ลื่นๆ แถมหน้าร้อนอากาศก็ร้อนและแห้งมาก ดังนั้นการจะไปที่นี่ควรมีรองเท้าเดินเขาจริงๆ ที่ส้นหนาๆ เป็นอย่างน้อย น้ำและของกินเล่นกันตายกันเป็นลม น้ำในหน้าร้อนนี่ติดไปเลยสองถึงสามลิตรต่อคนเป็นอย่างน้อย ข้างในเป็นทะเลสวยมาก แต่ไม่มีอะไรเข้าไปขายเหมือนที่ไทยนะลูกเอ๋ย ไปรอบนี้ป้าเจ้าถิ่นมาไกด์ให้ จะไปที่ไหน มันมีหลายจุด เอากี่กิโลเมตร เคยไปไหนมาแล้ว หมวกแก็บเอาติดไปนะ ร้อน ! การเดินเขาจึงผ่านได้ได้ด้วยดี
นอกจากนี้ป้ายังแนะนำให้ไปขับรถจาก Marseille ไปเมือง Cassis โดยใช้ถนนชมวิวที่เรียกว่า Rôute des Crêtes ตกใจมากที่มันสวยมากๆๆๆๆๆๆ แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครรู้จัก ตลอดถนนเส้นนี้สามารถจอดรถชมวิวได้เป็นสิบจุด คนฝรั่งเศสที่ไม่ได้อยู่แถวนี้ก็ไม่รู้จักเหมือนกัน กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปกันใหญ่ แต่วันที่ไปเป็นหมอกหรือเมฆต่ำๆ อยู่บนผิวทะเลรูปเลยสวยขึ้นไปเองเหมือนกันว่าอยู่เหนือเมฆ นี่ขนาดกล้องเน่าๆ ยังถ่ายออกมากได้สวยขนาดนี้ พวกคนโปรๆ กล้องดีๆ นี่ขอแนะนำให้ไปเดินเขาและชมวิวบนถนนเส้นนี้มาก
พอลงใต้สุดเราตีไปทางตะวันตกไปหาเพื่อนแถว Montpellier แต่แวะสองเมืองก่อน คือเมือง Baux en Provence และ Arles ซึ่งเป็นเมืองโรมันในสมัยประวัติศาสตร์ ดังนั้นเราก็จะเห็นพวกปราสาทเก่า อัฒจรรย์สู้กระทิงในเมืองเหล่านี้