มีโอกาสได้ทำชุดยูนิฟอร์มให้ลูกค้าเศรษฐีเจ้าหนึ่งค่ะ (เพราะสินค้าเขาเป็นต้นทุนหลักหมื่นไม่ถึงแสน แต่ขายชิ้นละราคาหลักครึ่งล้านถึงหลักล้านเลยคิดว่ามีฐานะแหละ(ที่บอกว่าหมื่นคือเคยเห็นบิลราคาต้นสินค้าจากคนที่มารอรับเช็คค่าสินค้าแต่เดาว่าที่ขายแพงน่าจะเพราะมีค่าหน้าร้านพนักงานรวมไปด้วย) เข้าเรื่องต่อ...ลูกค้าที่มีฐานะไม่ใช่ว่าเขาขายแพงแล้วเราจะขายอะไรง่ายนะคะ เพราะมันแรกกับบริการตามใจเขาค่ะ พูดง่ายๆคือ เราต้องกลายเป็นคนตามบ้างตามเช็ดลูกจ้างเขาอีกทอดนึง กรณีของเราคือ ทั้งวันวัดตัว และวันลองชุด ลูกน้องไม่เคยมารวมตัวกันค่ะ เขาบอกว่าต้องขายของ ดังนั้นเราต้องนั่งรถตะเวนไปหาเขาแทน และถึงแม้ใบสัญญาจะระบุว่า วัดตัว1ครั้งลองหรือแก้1ครั้ง ก็จะไม่มาตามนัดค่ะ คือเราต้องไปมาๆหลายครั้ง จนทำให้เกิดการตกหล่นได้ ซึ่งการชำระเงินรอบแรกจะช้ามากแต่จะขอล๊อตแรกเร็วๆด่วนๆ และเมื่องานวิ่งไปครึ่งทางหรือปลายทางการชำระจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาจะต้องการความเป๊ะจากเรา ซึ่งแน่นอนว่าความล่าช้าการชำระเงินและตามลองตามแก้ชุดลูกจ้างเขาจะใช้เวลานานมากขึ้น จนเกิดภาวะลืม เปลี่ยนใจ เปลี่ยนไซต์(อ้วนขึ้น) และจะเกิดการเรียกร้องให้แก้เพิ่มซ้ำไปมาจนถึงขั้นเรียดร้องให้ตัดใหม่เนื่องจากผ้าเยิน จุดนี้เมื่อเราเอาสัญญามาอ้าง แต่ลูกค้าจะใช้คำว่า "ไม่เป๊ะไม่โปรเลย"กับเราค่ะ และจะดึงการชำระเงินออกไป มาถึงจุดนี้เหล่าลูกจ้างที่ไม่ได้ของที่ต้องการหรือไม่ก็ตัวผู้ประสานงานที่มาติดต่อเรา จะโวยวายเรา เรียกร้องขอค่าแก้ชุดทุกคนเป็นเงินสดหรือให้เราลดราคาค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็มั่นใจว่าสินค้าเราไม่น่าพลาดทั้งหมด (ซึ่งเมื่อตรวจสอบจริงๆ จะพบว่ามีปัญหา2-3คนจากทั้งหมด) (ทำเอาลูกค้าที่โทรมาโวยวายเราเงียบไปเลยค่ะ) แต่ยังไงซะการชำระเงินงวดสุดท้ายก็ยังดึงยาวมาจนอีกเดือน ผู้ดูแลเรื่องจะเปลี่ยนไปใก้แผนกบัญชีตามเรื่อง ซึ่งเขาต้องการหักภาษีกับเรา3% (ต้องบอกว่าลูกค้าเราบางเจ้ามักเล่นมุกนี้เวลามีฝ่ายบัญชี) เราก็มีบิลให้เขาเป็นบิลเงินสด ตามงบต้นทุนที่ตกลงกัน และมีตัวอย่างอ้างอิงชัดเจน มาถึงจุดนี้ บิลเงินสดจะใช้ไม่ได้ค่ะ เพราะจริงๆเจตนาของเขาคือ แหล่งที่มาเพื่อสั่งสินค้าคราวหน้าด้วยตัวเอง(สื่อได้ว่าครั้งหน้าจะตัดเราออก เพราะเรารับงานถูกกว่าเจ้าอื่น) แน่นอนว่าเราเปิดเผยให้ได้แต่ "มันไม่สมควรค่ะ" มีใครบ้างที่เปิดเผยต้นทุนและแหล่งที่มากับลูกค้า



สุดท้ายเราเลยต้องยอมขาดทุนเพิ่ม เนื่องจากรู้สึกระเอือมระอากับลูกค้าเศรษฐีหน้าเลือด มันทำให้ได้แง่คิดค่ะว่า การประหยัดเงินเป็นจุดเริ่มต้นของคนรวยแต่มันต้องแลกกับหน้าตาด้วยนะคะ (ถ้าเราต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้เพื่อประหยัดเศษเงิน สู้ขอทานตรงๆไม่ดีกว่าหรอคะ??) ปล. ลูกค้ารายนี้ตัดชุดใหม่ทุกกลางปี (2ปีครั้ง) ถ้าช่างเสื้อคนไหนคิดว่าแน่อยากได้ออเดอร์เจ้านี้แทน ติดต่อมาหลังไมค์นะคะ
เล่าประสบการณ์การค้ากับลูกค้าเศรษฐี ปี58