[CR] แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สะพายกล้อง ฉายเดี่ยว เที่ยวสังขละ 2 วัน 1 คืน กับงบราคาประหยัด

**คำเตือน เนื่องจากเป็นกระทู้รีวิวอย่างละเอียดหาสาระยากและมีรูปเยอะมาก ระวังเนตจะหมดได้นะครับ**

สวัสดีทุกๆ ท่านผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวขอ จขกท เองครับ
กะว่าจะตั้งเป็นกระทู้รีวิวอย่างระเอียด เผื่อใครสนใจอยากจะตามไปบ้าง ><

สืบเนื่องจากวันหนึ่ง... ช่วงปลายเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จขกท  ไปเจอ 2 กระทู้นี่เข้า
http://pantip.com/topic/34612342 และ http://pantip.com/topic/32414687 รวมถึงกระทู้เที่ยวสังขละอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ที่หาไม่เจอแล้ว 555)
ก็เลยมาคิด เอ้อ ปีใหม่ปีนี้เรายังไม่มีแพลนจะไปไหนเลยนี่นาาาา
ครอบครัวเราปีนี้เค้าก็ไม่ไปไหนกัน เพื่อนก็ไม่มีใครว่างไปกะเรา
แถมนี่ก็ใกล้ปีใหม่เข้าไปอีก ชวนคนอื่นแบบกะทันหันแบบนี้สงสัยทริปจะล่มอีกตามเคย 5555
ก็เลยตัดสินใจ เอาวะ ไปคนเดียวก็ได้ มันคงไม่ต่างกันมากหรอก(มั้ง?)
เลยใช้เวลาต่อจากนั้น 1 วันเต็มๆ กำหนดเอาไว้ว่าเป็น "ทริปถ่ายรูปให้อยุ่ในงบที่ประหยัดที่สุดและได้บรรยากาศที่สุดภายใน 2 วัน 1 คืน"
เริ่มวางแผนทริปโดยเริ่มจากกำหนดตารางเวลา หาข้อมูลการเดินทาง กิจกรรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว บลาๆๆ
ปรากฎว่า หาที่พักไม่ได้ 555 เต็มหมดเลยอ่ะ (ก็ช่วงปีใหม่นี่เนาะ) แต่ไปอ่านเจอมา เค้าบอกว่าที่พักมีให้ Walk in ก็มีหลายที่อยู่
ไอ้เราก็วางแผนมาซะขนาดนี้ละ อยู่ๆ จะยกเลิกก็เสียดายความตั้งใจของตัวเอง 555 Walk in ก็ Walk in วะ เป็นไงเป็นกัน
ขอออกตัวไว้ก่อนว่า ข้าน้อยนั้นยังเป็นเพียงมือกล้องสมัครเล่น ภาพอาจจะไม่ได้สวยถูกใจคุณสักเท่าไหร่ 555
พร้อมแล้วก็แพคของ เตรียมกล้อง เตรียมสตางค์ แล้วไปเริ่มกันเลยดีกว่า เย้!!

[วันแรก: 1/1/59]
เนื่องจาก จขกท เป็นเด็ก ตจว จึงขอเริ่มทริปจากอนุสาวรีย์ชัยฯ เลยละกัน
เดินทางจาก ตจว มาถึงอนุสาวรีย์ประมาณเวลา 6.00 น. บังเอิญวันนี้อยู่ๆ อากาศก็เย็นขึ้นมากกว่าปกติ (ทีตื่นไปเรียนไม่เห็นได้แบบนี้ ==)
เพื่อมารอต่อรถเมล์ที่หน้า รพ.ราชวิถี เป้าหมายคือ 'สถานีรถไฟธนบุรี'
สำหรับการเดินทางไปยังสถานีรถไฟโดยทางรถเมล์สามารถไปกับสาย 108, ปอ 171, ปอ 509 ไปลงที่ป้าย 'แยกบางขุนนนท์'
ใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น (จากที่วางแผนไว้ 1 ชม.) ฟังดูเหมือนง่ายเนาะ แต่จริงๆ แล้ว ด้วยความเป็นเด็ก ตจว ที่ไม่เคยไปแถวนั้นเลยเกือบลงผิดป้ายแล้วเหมือนกัน ==
โชคดีที่ตอนขึ้นมาได้เจอคุณป้าท่านหนึ่ง ท่านนั่งอยู่หน้าเรา สงสัยจะเห็นเราสะพายเป๋ามั้ง แกเลยหันมาถามก่อนว่าเราจะไปไหน
พอถึงป้ายแล้ว ป้าแกยังพาเราเดินมาเกือบค่อนทางแถมแนะนำเส้นทางให้เราด้วย (ใจดีจัง ><)
ป้าแกบอกว่า ปกติจากแยกนี้เราสามารถเดินทางไปยังสถานีธนบุรีโดยต่อรถสองแถวสีแดงไปจอดหน้าสถานีได้เลย
แต่เนื่องจากเวลาเหลือ จขกท ก็เลยเลือกที่จะเดินฆ่าเวลา เพราะป้าแกบอกว่า เดินก็ได้นะใกล้ๆ แค่ป้ายรถเมล์เดียวเอง

จขกท เดินผ่านตลาดแห่งหนึ่งชื่อ 'ตลาดน้ำร้อน' (เห็นป้าแกว่างี้) เป็นตลาดขายของสดยามเช้า ตอนที่เดินผ่านพ่อค้าแม่ค้ากำลังร้องขายของกันอย่างวุ่นวาย 5555

ถัดจากตลาดมาก็เป็นทางเดินเท้าธรรมดา จขกท ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที กับระยะทางที่ไม่น่าจะใช่แค่ป้ายรถเมล์เดียวแน่ๆ (แง๊ โดนป้าหลอก)
ก็มาถึงสถานีรถไฟธนบุรี กับคนจำนวนไม่น้อย ไม่รอช้ารีบเข้าแถวซื้อตั๋วเลย เที่ยวที่ต้องการคือ 'ธนบุรี-น้ำตก'

เวลาเดินทาง 7.50 น. (+เลท) ตอนที่ซื้อตั๋วนี่ 6.50 น. เอง ยังเหลือเวลาอีกเยอะ เลยหาไรทานก่อนดีกว่า ต่อจากนั้นก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปแถวสถานี

วิวจากหน้าสถานี ด้านล่างคือ 'ตลาดน้ำเย็น' (คู่กับตลาดน้ำร้อนไง) ตึก 2 ตึกนั่นถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นหอพักของคณะแพทย์ฯ ศิริราช



ภายในสถานีรถไฟธนบุรี

นั่งรอสักพักรถไฟ 7 ตู้ก็เข้าเทียบท่า (ได้ยินลุงกะป้าข้างๆ แกนั่งนับตู้รถไฟ) และออกจากสถานีเวลา 8.00 น. พอดิบพอดี
ระหว่างทางก็นั่งเพลินๆ ชมวิวข้างทาง ชมภูเขา ชมนกชมไม้ชมต่างๆ นานา หลับบ้างตื่นบ้าง หลับไปสามรอบละผ่านไปแค่สี่ห้าสถานี 555
พอเริ่มเข้าเขตจ.กาญจนบุรีก็จะสังเกตว่าเริ่มเห็นวิวทิวเขาอยู่ไกลๆ

ใกล้ๆ เที่ยง รถไฟเดินทางมาถึง 'สถานีสะพานแควใหญ่' จอดรอที่สถานีนานมากกกกก พอรถออก จขกท ถึงกับตะลึง!!

โอ้โห คนเยอะมากกกก ที่จอดรอนานนี่คงจอดรอให้คนลงจากสะพานหมดก่อนแหงๆ
รถไฟเคลื่อนผ่านสะพานช้าๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารได้เก็บภาพที่สวยงามของแม่น้ำแควใหญ่



บางคนยังอยู่บนสะพานอยู่เลย จขกท ล่ะเสียวแทน ==
ต่อจากนั้นทิวทัศน์ข้างทางก็กลับเข้าสู่เขา เขา เขา และเขา อีกครั้ง (มีแต่เขา แล้วเราล่ะ ป๊าดดด)
มีจุดหนึ่งที่รถไฟผ่าน 'ช่องเขาขาด' เหมือนเป็นช่องเขาเล็กๆ ขนาดให้รถไฟผ่านได้ (มันเลยดูแคบและหวาดเสียว) ไม่ยาวมากแค่ประมาณ 10 กว่าเมตรได้

บางจุดก็มีวิวแม่น้ำให้ชมบ้างเหมือนกันสลับกันไป บางจุดก็เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ ร้อนๆ บางจุดก็ คร่อกกกกก Zzzzz
นั่งมาตั้งนานนนนน และแล้วก็เดินทางมาถึงจุดมุ่งหมายในการนั่งรถไฟในครั้งนี้ นั่นก็คือ 'โค้งมรณะ' ซึ่งอยู่ถัดจากสถานีถ้ำกระแซ




วิวจากบนสะพาน สวยมากกกกกก ><

ขอตะลึงอีกรอบ คนมายืนรอดูรถไฟเยอะมากกก

ไม่นานนักรถไฟก็ได้เดินทางมาถึงสถานีปลายทาง 'สถานีน้ำตก' นั่งกันซะก้นชาเลยทีเดียว 555
ถึงสถานีเวลา 13.40 น. เลทกว่าเวลาในตั๋วจริง 1 ชม. พอดี รวมเวลานั่งรถไฟทั้งสิ้น '5 ชม. 40 นาที' (ใครจะนั่งรถไฟต้องคำนวณเวลาดีๆ นะครับ)

รถไฟจอดเทียบท่าอยู่ไม่นานแค่ประมาณ 20 นาที ก็มุ่งหน้ากลับสู่เมืองกรุง (ประมาณบ่าย 2) ปล่อยให้เรายืนงงอยู่คนเดียว
ด้วยขณะนั้นเวลาก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมานานมากละ บริเวณสถานีน้ำตกจะมีร้านอาหารและมีร้านสะดวกซื้ออยู่
แต่เนื่องจาก จขกท กลัวพลาดรถบัสประจำทางพัดลม (เห็นเค้าเรียกกันว่า รถหวานเย็น) ที่จะไป 'ทองผาภูมิ' ซึ่งต้องนั่งสองแถวไปขึ้นรถ
จขกท เลยแวะซื้อแค่ขนมและน้ำอัดลมไปทานบนรถสองแถว โดยรถสองแถวนี้สามารถขึ้นได้ที่สถานีน้ำตกนี่แหละ โดยปกติจะมีรถมาจอดรออยู่แล้ว (ใครเร็วใครได้ 555) เพื่อไปลงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ถ่ายจากหลังรถสองแถว ตอนออกจากสถานีน้ำตก

หน้าน้ำตกไทรโยคน้อย คนเยอะ รถติดมากกกกกก กว่ารถจะคืบคลานมาถึง จขกท ถ่ายจากจุดขึ้นรถ ซึ่งอยู่ตรงข้ามป้ายน้ำตก ใต้ต้นหูกวาง

ตามรีวิวที่อ่าน การเดินทางไปสังขละบุรีจากน้ำตกนี้จะต้องมายืนรอรถใต้ต้นหูกวางเนี่ยแหละ โดยรถหวานเย็นที่ว่านี้จะเดินทางไปถึงแค่ อ.ทองผาภูมิ แล้วจะมีรถให้นั่งต่อไปยัง 'อ.สังขละบุรี' อีกที โดยจะเสียค่าตั๋วแค่ครั้งเดียวเป็นเงินประมาณ 130 บาท
สำหรับ จขกท ถือว่าโชคดีมาก เพราะเมื่อยืนรอไปได้สักพักประมาณ 5 นาทีก็มีรถบัส ปอ ติดแอร์ เส้นทาง 'กทม-ด่านเจดีย์สามองค์' ผ่านเข้ามาพอดี จะรอช้าอยู่ทำไม รถแอร์แถมไม่ต้องต่อรถด้วย นั่งยาวๆ ถึงสังขละเลย (แวะเข้าจอดที่อ.สังขละบุรี) ค่าโดยสาร 120 บาท

ออกจากบริเวณหน้าน้ำตกเวลา 14.15 น. ที่นั่งสบายชมวิวข้างทางเพลินๆ นั่งได้ไม่นานสักพัก คร่อกกกก อีกแล้วครับท่านผู้ชม 555 สงสัยจะเพลียรถไฟ
จขกท หลับๆ ตื่นๆ หลายรอบมาก ทุกครั้งที่ตื่นมาก็จะเห็นว่า รถบัสยังวิ่งขึ้นลงภูเขามาตลอดทาง ใครที่กลัวความสูงอาจมีเสียวได้ ใครที่เมารถง่ายก็ไม่น่าจะรอด 555 ซึ่งก็เป็นวิวภูเขาที่สวยไปอีกแบบ ผสานกับแสงแดดตอนบ่ายแก่ๆ แต่ด้วยความเพลีย จขกท เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยสักรูป เสียดายมาก

นั่งรถขึ้นเขาลงเขามานาน ในที่สุด รถก็จอดเทียบท่า 'อ.สังขละบุรี' เมื่อเวลา 17.15 น. (3 ชม. เต็มๆ)




ดีใจได้ไม่นาน เพิ่งนึกได้ ยังไม่มีที่พักนี่นาาาา ต้องรีบหาที่พักแล้วววว สุดท้าย จขกท ได้ที่พักเป็นเต้นท์เช่าภายใน รร.อนุบาลสังขละบุรี ซึ่งทางอ.สังขละบุรีได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวปริมาณมากในช่วงเทศกาล (เพราะที่พักจะเต็มหมด) ซึ่งมีจัดไว้ทั้งที่ รร. และบริเวณใกล้ๆ กับสะพานมอญ (ซึ่งน่าจะเต็ฒหมดแล้ว) เสียค่าเช่าเต้นท์คืนละ 200 บาท พอได้ที่พักแล้วก็ถึงเวลาไปเก็บภาพ 'สะพานมอญ' ยามเย็นแล้ว แต่น่าเสียดาย กว่า จขกท จะเดินไปถึงสะพานแสงยามเย็นก็หมดแล้ว (500 เมตรที่ว่าของรูปบนนั้น คุณพลาดแล้ว โดนต้มเต็มๆ มันไกลกว่านั้นมาก) ว้าาา อดเลย เสียดายมากกก เลยได้แต่ภาพกลางคืนมาเท่านั้น จขกท ยังไม่ชินกับการถ่ายภาพกลางคืนเท่าไหร่ เลยได้มาแบบเบลอๆ ว่ารักแถบ (ห้ะ!!)




สะพานบวบ เป็นสะพานที่เค้าใช้ชั่วคราวตอนที่ซ่อมสะพานมอญอยู่ครับ ตอนนี้เค้าตัดสะพานออกแล้ว ให้เดินข้ามกันแต่สะพานมอญ


ฝั่งหมู่บ้านมอญนะครับ ยังขายของกันอย่างคับคั่ง

บริเวณกลางสะพานคือลมแรงมากกก และรู้สึกได้ถึงลมหนาว อากาศดีมาก นี่แหละที่รอมานาน ได้เจอลมหนาวซะที อ่าห์ ฟินนน
บางช่วงของสะพานก็จะมีคนมาขายโคมลอยให้ปล่อย หรือเป็นพวกประทัดให้จุดเล่นกัน รู้สึกอันตราย 555
คนที่เดินบนสะพานก็เยอะมากๆ จนบางทีหาที่เดินลำบากมาก ชนกันมั่ว
เดินได้ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารมื้อเย็นแล้ว พอดีช่วงปีใหม่ บริเวณสนามหลัง รร.อนุบาลฯ มีจัด 'งานมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัย' เลยได้แหล่งของกินเพียบๆ อยู่ติดที่พักอีกด้วย 555
สำหรับเต้นท์ที่พักในคืนนี้ หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่ามันจะไม่ลำบากไปหรอ ขอตอบว่าเต้นท์เค้าไม่ธรรมดา เพราะเค้ามีหมอน ผ้าห่มนุ่ม และปูด้วยเบาะนวมอย่างดี ใช้ได้เลยทีเดียว อย่างน้อยก็นอนสบาย มีหลายครอบครัวที่เลือกมาพักที่นี่ด้วยเช่นกัน เอาล่ะ คงได้เวลาพักผ่อนแล้ว

สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก
รถเมล์ 9 บ.
รถไฟฟรี
โจ๊กมื้อเช้า 35 บ.
น้ำเย็น 10 บ.
ขนมกลางวัน 45 บ.
รถสองแถวสถานีรถไฟ 20 บ.
รถ ปอ 120 บ.
เต้นท์เช่า 200 บ.
อาหารเย็น 40 บ.
*รวมทั้งสิ้น 479 บ.

เดี๋ยวมาต่อนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่