สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย จริงๆทริปนี้ผ่านมาครึ่งปีได้แล้วค่ะ ว่าจะเขียนหลายรอบแล้ว แต่ก็เลื่อนมาเรื่อยย
ตอนนี้ได้โอกาสละ ขอแชร์บ้าง
เราก็เหมือนเด็กจบใหม่ทุกคนมั้ง แบบว่าพอจบแล้วอยากจะทำอะไรสักอย่างที่คิดไว้มานาน ใช่เลย trans siberian คิดไว้นานแล้วว่าจะต้องทำให้ได้
แล้วก็รู้สึกว่าช่วงนี้น่าจะว่างสุดในชีวิตแล้ว ก็เลยไปตอนเรียนจบเลยค่ะ เราไปช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. นี่ไปช่วงหน้าร้อนเลยนะ ก็จัดว่าหนาวอยู่สำหรับเรา 555
ที่มาของทริปนี้คือ นั่งๆมองป้ายตารางรถไฟออกสักเมืองในจีน คือนั่งมองนานมาก แล้วก็แบบ เห้ยยย มันติดรัสเซียนี่หว่าา แล้วก็เริ่มๆหา ว่าจะไปไงมาไง สรุปมันมี route อยู่ 3 เส้น 1.trans-siberian 2. trans-mongolian 3. trans-manchulian
ที่เราเลือกไปคือ trans mongolian คือ ผ่าน mongolia ด้วยยย โหยย แค่คิดก็น่าสนุกแล้วป่ะะะ
ทริปนี้ใช้เวลา 21 วัน จัดว่าเป็น solo trip ที่ใหญ่สุดของเราเลย เกิดมาไม่เคยเที่ยวนานขนาดนี้
บอกเลยว่าตอนวางแผนเนี่ยแอบป๊อดในใจนะบอกเลย ยิ่งพอจะใกล้ๆเดินทาง ยิ่งแบบ เห้ออ จะรอดป่ะวะ แล้วก็ตอบตัวเองว่า ไม่รอดก็กลับทางเดิมละกัน555
อีกอย่างคือมีช่วงนึงต้องนั่งรวด 4คืน ได้ (เกิดมาไม่เคยไม่อาบน้ำนานขนาดเนี้ย) จบจากทริปนี้เป็นคนซกมกถาวรเลย 555555
การเดินทางเราเริ่มจาก
เซี่ยงไฮ้
ปักกิ่ง
อูลานบาตอร์
เอียคุซ
มอสโค
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ทั้งหมด 6 เมือง 3 ประเทศ หมดนี่นั่งรถไฟหมดเลย 10,000 km ได้ ขาเดียวนะ ขากลับไม่ไหวละ ขอบินละกัน แต่บอกเลยว่า 21 วันรู้สึกไม่พอ เหมือนไป
เผินๆ ไง ไม่รู้อ่ะ อยากจิซ่อมมม แต่ขอ route ใหม่ละกันนะ อิอิ
เริ่มที่แรกเลย นั่งรถไฟจาก ซฮ ทีแรกเราว่าจะไปเทียวนานจิงก่อน แต่ด้วยความที่ไม่ยอมจองอะไรล่วงหน้าเลยย ตั๋วเต็มค่ะ คือที่มีก็มีนะ แต่แพงอยู่แล้วก็ไม่ได้เวลาที่ต้องการด้วย กลัวไปไม่ทันรถไฟไปมองโก เพราะ รถไฟที่จะออกไปมองโก เขาจะกำหนดเป็นวันๆอ่าค่ะ แต่ละฤดูก็ออกไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ซื้อล่วงหน้าอี๊กกก คือบอกเลยว่าลุ้นมาก ถ้าไม่มีตั๋วนี่จะไปถึงมองโกไงวะ เอาจริงก็คิดไม่ออกเลยนะ สุดท้ายก็ได้ตั๋วมา แต่กว่าจะได้มานี่ก็เล่นเอาเหงื่อแตกแทบแย่
จะเรียกว่าไรดี ด้วยความที่งกละกัน นั่งรถไฟหวานเย็น จอดมันทุกป้ายจ้ะ จากเซี่ยงไฮ้ถึงปักกิ่ง ล่อไป 22 hrs ซึ่งจริงๆ ควรจะ 9-11 hrs ถ้าเป็นหัวกระสุนก็ 5้hrs T____T ดื่มด่ำกับชาวจีนเต็มที่
ถึงปักกิ่งปุ๊บที่พ้งที่พักไม่ใช่เป้าหมายแรก บอกเลยย ต้องหาตั๋วไปมองโกก่อน แล้วที่ขายตั๋วก็ซ่อนอยู่ในโรงแรม ซึ่งต้องเดินห่างจากสถานีรถไฟไปอีกก ที่อยู่ที่หามามี 2 อัน ในหนังสือเป็นอันนึง กับในอีเมลล์เป็นอีกอย่าง มืดสิคับทางไหน ใช้ sense เดินละกัน มั่วๆ เดี๋ยวก็ถึงวะ ก็ถามคนไปด้วยแหละ
ที่ขายตั๋ว
ได้ตั๋วมาน้ำตาจิไหลล
กับรถไฟที่จะพาไปมองโก
ตอนอยู่บนรถไฟ แค่ดูวิวก็เพลินดีแล้วนะ ระหว่างทางนี่ก็คิดอยู่ว่าพอถึงอูลานบาตอร์ปุ๊บ จะเอาไงต่อดีหว่า ภาษามองโกก็ไม่ได้ จะคุยไงดี ฮือออ เอาเหอะมีคำศัพท์ที่ติด guidebook มานิดหน่อย คงช่วยได้มั้ง แล้วเริ่มปลง สักพักก็คิด เห้ยย นักท่องเที่ยวเยอะแหงง ขอติดรถเขาไปก็ได้มั้ง ไม่ก็เดินๆตามเขาไปสักที่ คงรอด 55555
โอ้ยย ปรากฎมาถึงอูลานบาตอร์ ปุ๊บ เป๊ะะ คนลงเยอะมากกก ฝรั่งเต็ม ดี เดินตาม 555555 แล้วก็มีเจ้าของโฮสเทลเขามารับคือเขาถือป้ายเหมือนมารับคนสนามบินเลยนะ ถือเป็นชื่อ guesthouse อ่ะ เราก็จองไว้อยู่ เจอปุ๊บก็ใจง่ายมากก เดินตามมานั่งรอบนรถเฉย คือในใจก็คิดแหละว่าถ้าเขาจะเอาเงินก็ต้องให้ไปล่ะวะ คือไปไม่เป็นจริงๆ สักพัก คนเต็มรถเลย อุ่นใจเยอะมากกกก
เราว่า hostel ที่เราเลือก คือดีมากอ่ะ คือประทับใจตั้งแต่มารับที่สถานีรถไฟแล้ว ชื่อ golden gobi เผื่อใครไปแนะนำเลย เจ้าของก็น่ารักมากเลยด้วย เป็นกิจการครอบครัว คือรู้สึกว่าอบอุ่นดี 5555
เห็นอย่างงี้แต่ข้างในดูดีเลยน้าา แถมใจกลางเมืองสุดๆ
เดินรอบเมืองไปสักพัก ดันไปเจอฝรั่งที่พักที่เดียวกัน คือเราอ่านแผนที่ผิดทาง 555 เดินสวนไปอีกทาง คือยิ่งเดินยิ่งไกลขึ้น พอเจอเลยให้เขาดูแล้วพาไป เขาก็คงไม่มีที่ไปด้วยมั้ง เลยไปด้วยกัน 2คนนั้นเรียกเราว่า mommy's little girl คืออารมณ์แบบถามใหญ่เลยนะ ทำไมมาคนเดียว อายุเท่าไร อะไรยังไง แล้วมันก็ล้ออยู่นั่นแหละ mommy's little girl แหม่
มาดูพิพิธภัณฑ์ คืออึ้งมากกก ปิด 4 ทุ่ม เห็นทีแรกคือช็อคค ดึกไปป่ะ แต่เอาจริง 3 ทุ่มที่นี่คือสว่างจ้าอยู่เลย
เพื่อสัมผัสชีวิตชาวมองโก เราต้องนอนเกอร์ ตั้งใจไว้มากกก 55555 ไหนจะทุ่งหญ้ากว้างๆ มีม้าวิ่งเล่นอีกกก โอ้ยย ฟินน
จากนั้น เราก็กลับเข้าเมืองมาเพื่อที่จะเดินทางต่อไป เอียคุซ เพื่อตอบสนอง need ขามาไม่ได้มาเองมีคนไปรับ ขาไปสถานีรถไฟรอบนี้ต้องนั่งรถโดยสารให้ได้ สรุปขึ้นได้นะ แต่คุยกับกระเป๋าไม่รู้เรื่อง ป้าแกไม่เก็บตังค์เลย 555
พอขึ้นรถไฟมา ก็มาลุ้นเพื่อนร่วมห้อง ทีแรกฟอร์มกันอยู่ 3คน คือเขารู้จักกันไง แหม่ถ้าไม่

ไม่ได้ละ เลยต้องแจม อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเลย เลยคุยง่าย ที่สำคัญพูดอังกฤษได้ ชีวิตเลยจูนกันติดง่ายหน่อย แล้วห้องเราเป็นเหมือนที่ชุมนุมคนละดึกๆ คนมาแจมตรึมมม ได้เพื่อนอีกเพียบ
เห็นเยอะอย่างงี้แต่คนที่จะลงที่เดียวกับเรามีแค่คนเดียวเองอ่ะ เราเลยไปด้วยกันเลย ที่แรกก็ไป Lake Baikal ที่ listvyanka ใกล้กับ irkutsk หน่อย แต่วิวนี่สู้ olkhon island ไม่ได้เลย เสียดายมากก ใครจะไปแนะนำไปที่ olkhon island เลยนะ ถึงจะไกลหน่อยแต่เห็นวิวแล้วคงฟินแน่ๆ
บรรยากาศเมือง irkutsk
หา 7-11 ไม่มีนะ เจอแต่แบบนี้
กลับมานั่งรถไต่อ อีก 4 คืน 3 วัน ไปมอสโค แต่ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่บนรถไฟตลอดนะ คือแต่ละสถานี เขาก็จะมีเวลาจอดว่ากี่นาทีงี้ เราก็ลงไปเดินเล่นได้ แต่ต้องรีบกลับขึ้นมาให้ทันล่ะ ไม่งั้นตกรถไฟแหง โบกี้ที่เรานั่งไปรอบนี้รัสเซียทั้งคันค่ะ ไม่มีเอเชียเลยย เอาง่ายๆ เป็นตัวประหลาดบนรถไฟโบกี้นี้นี่แหละเราเอง ใช้ภาษามือ กับยิ้มสยามตลอดดด คือพยายามจะคุยนะ แต่ไม่ได้สักคำเลยย ให้ทำไงง
พอถึงมอสโค รู้สึก mission completed มากก 5555 เห็น st.basil แล้วแบบโอ้ยย ดั้นด้นมาเกือบหมื่นกิโล ได้เห็นแล้วว เย่
ไปดู moscow skyline ค่ะ
ที่นี่ gorky park ค่ะ เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มาก มีคนทำกิจกรรมหลากหลายมาก้ดวย
แปลกที่เราชอบที่นี่มากกว่า st.basil ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ซะอีก แบบโอ่ยย ชอบมากก ไม่เบื่อเลย
สุดท้ายแล้ว เราจะไป st.petersburg กันแล้ว
สรุปว่า ทริปนี้คือจัดว่าเด็ด สมกับเป็นทริปจบการศึกษาของเรามาก คือเรื่องเล่าระหว่างทางนี่เยอะมาก แบบนึกถึกกี่ทีๆ ก็ไม่เบื่อเลย ออกจะแนวตลกด้วยซ้ำ แต่ตอนเจอจริงนี่ไม่ตลกเท่าไรนะ 5555 อย่างแบบตอนเราหาที่พักที่มอสโค ชื่อที่พักเรามันชื่อ red kremlin ถามทางเขาก็ชี้ไปทาง พระราชวังเครมลินจ้า คือในใจก็กะละ ถามแต่ละคนนี่ชี้ไปไม่เหมือนกันสักคน สรุปเดินวนเกือบ 2 ชม. ทั้งๆที่ห่างจากรถไฟฟ้า 2 ซอย แล้วก็ถึงเจอคุณน้าใจดี เปิด gps มาส่งถึงที่ ยอมรับว่าคนรัสเซียไม่พูดอังกฤษกันเลย แต่เขายินดีจะช่วยเรามากนะ คือพูดไม่ได้แต่พยายามมากอ่ะ ซึ้งนะ ไม่หยิ่งเลย นี่ถ้าพูดภาษาเค้าได้ คงสนุกอ่ะ แบบมีเรื่องคุยกันเยอะดี
นั่งรถไฟซึบซับวิว :P จาก shanghai to st.petersburg --> trans mongolian
ตอนนี้ได้โอกาสละ ขอแชร์บ้าง
เราก็เหมือนเด็กจบใหม่ทุกคนมั้ง แบบว่าพอจบแล้วอยากจะทำอะไรสักอย่างที่คิดไว้มานาน ใช่เลย trans siberian คิดไว้นานแล้วว่าจะต้องทำให้ได้
แล้วก็รู้สึกว่าช่วงนี้น่าจะว่างสุดในชีวิตแล้ว ก็เลยไปตอนเรียนจบเลยค่ะ เราไปช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. นี่ไปช่วงหน้าร้อนเลยนะ ก็จัดว่าหนาวอยู่สำหรับเรา 555
ที่มาของทริปนี้คือ นั่งๆมองป้ายตารางรถไฟออกสักเมืองในจีน คือนั่งมองนานมาก แล้วก็แบบ เห้ยยย มันติดรัสเซียนี่หว่าา แล้วก็เริ่มๆหา ว่าจะไปไงมาไง สรุปมันมี route อยู่ 3 เส้น 1.trans-siberian 2. trans-mongolian 3. trans-manchulian
ที่เราเลือกไปคือ trans mongolian คือ ผ่าน mongolia ด้วยยย โหยย แค่คิดก็น่าสนุกแล้วป่ะะะ
ทริปนี้ใช้เวลา 21 วัน จัดว่าเป็น solo trip ที่ใหญ่สุดของเราเลย เกิดมาไม่เคยเที่ยวนานขนาดนี้
บอกเลยว่าตอนวางแผนเนี่ยแอบป๊อดในใจนะบอกเลย ยิ่งพอจะใกล้ๆเดินทาง ยิ่งแบบ เห้ออ จะรอดป่ะวะ แล้วก็ตอบตัวเองว่า ไม่รอดก็กลับทางเดิมละกัน555
อีกอย่างคือมีช่วงนึงต้องนั่งรวด 4คืน ได้ (เกิดมาไม่เคยไม่อาบน้ำนานขนาดเนี้ย) จบจากทริปนี้เป็นคนซกมกถาวรเลย 555555
การเดินทางเราเริ่มจาก
เซี่ยงไฮ้
ปักกิ่ง
อูลานบาตอร์
เอียคุซ
มอสโค
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ทั้งหมด 6 เมือง 3 ประเทศ หมดนี่นั่งรถไฟหมดเลย 10,000 km ได้ ขาเดียวนะ ขากลับไม่ไหวละ ขอบินละกัน แต่บอกเลยว่า 21 วันรู้สึกไม่พอ เหมือนไป
เผินๆ ไง ไม่รู้อ่ะ อยากจิซ่อมมม แต่ขอ route ใหม่ละกันนะ อิอิ
เริ่มที่แรกเลย นั่งรถไฟจาก ซฮ ทีแรกเราว่าจะไปเทียวนานจิงก่อน แต่ด้วยความที่ไม่ยอมจองอะไรล่วงหน้าเลยย ตั๋วเต็มค่ะ คือที่มีก็มีนะ แต่แพงอยู่แล้วก็ไม่ได้เวลาที่ต้องการด้วย กลัวไปไม่ทันรถไฟไปมองโก เพราะ รถไฟที่จะออกไปมองโก เขาจะกำหนดเป็นวันๆอ่าค่ะ แต่ละฤดูก็ออกไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ซื้อล่วงหน้าอี๊กกก คือบอกเลยว่าลุ้นมาก ถ้าไม่มีตั๋วนี่จะไปถึงมองโกไงวะ เอาจริงก็คิดไม่ออกเลยนะ สุดท้ายก็ได้ตั๋วมา แต่กว่าจะได้มานี่ก็เล่นเอาเหงื่อแตกแทบแย่
จะเรียกว่าไรดี ด้วยความที่งกละกัน นั่งรถไฟหวานเย็น จอดมันทุกป้ายจ้ะ จากเซี่ยงไฮ้ถึงปักกิ่ง ล่อไป 22 hrs ซึ่งจริงๆ ควรจะ 9-11 hrs ถ้าเป็นหัวกระสุนก็ 5้hrs T____T ดื่มด่ำกับชาวจีนเต็มที่
ถึงปักกิ่งปุ๊บที่พ้งที่พักไม่ใช่เป้าหมายแรก บอกเลยย ต้องหาตั๋วไปมองโกก่อน แล้วที่ขายตั๋วก็ซ่อนอยู่ในโรงแรม ซึ่งต้องเดินห่างจากสถานีรถไฟไปอีกก ที่อยู่ที่หามามี 2 อัน ในหนังสือเป็นอันนึง กับในอีเมลล์เป็นอีกอย่าง มืดสิคับทางไหน ใช้ sense เดินละกัน มั่วๆ เดี๋ยวก็ถึงวะ ก็ถามคนไปด้วยแหละ
ที่ขายตั๋ว
ได้ตั๋วมาน้ำตาจิไหลล
กับรถไฟที่จะพาไปมองโก
ตอนอยู่บนรถไฟ แค่ดูวิวก็เพลินดีแล้วนะ ระหว่างทางนี่ก็คิดอยู่ว่าพอถึงอูลานบาตอร์ปุ๊บ จะเอาไงต่อดีหว่า ภาษามองโกก็ไม่ได้ จะคุยไงดี ฮือออ เอาเหอะมีคำศัพท์ที่ติด guidebook มานิดหน่อย คงช่วยได้มั้ง แล้วเริ่มปลง สักพักก็คิด เห้ยย นักท่องเที่ยวเยอะแหงง ขอติดรถเขาไปก็ได้มั้ง ไม่ก็เดินๆตามเขาไปสักที่ คงรอด 55555
โอ้ยย ปรากฎมาถึงอูลานบาตอร์ ปุ๊บ เป๊ะะ คนลงเยอะมากกก ฝรั่งเต็ม ดี เดินตาม 555555 แล้วก็มีเจ้าของโฮสเทลเขามารับคือเขาถือป้ายเหมือนมารับคนสนามบินเลยนะ ถือเป็นชื่อ guesthouse อ่ะ เราก็จองไว้อยู่ เจอปุ๊บก็ใจง่ายมากก เดินตามมานั่งรอบนรถเฉย คือในใจก็คิดแหละว่าถ้าเขาจะเอาเงินก็ต้องให้ไปล่ะวะ คือไปไม่เป็นจริงๆ สักพัก คนเต็มรถเลย อุ่นใจเยอะมากกกก
เราว่า hostel ที่เราเลือก คือดีมากอ่ะ คือประทับใจตั้งแต่มารับที่สถานีรถไฟแล้ว ชื่อ golden gobi เผื่อใครไปแนะนำเลย เจ้าของก็น่ารักมากเลยด้วย เป็นกิจการครอบครัว คือรู้สึกว่าอบอุ่นดี 5555
เห็นอย่างงี้แต่ข้างในดูดีเลยน้าา แถมใจกลางเมืองสุดๆ
เดินรอบเมืองไปสักพัก ดันไปเจอฝรั่งที่พักที่เดียวกัน คือเราอ่านแผนที่ผิดทาง 555 เดินสวนไปอีกทาง คือยิ่งเดินยิ่งไกลขึ้น พอเจอเลยให้เขาดูแล้วพาไป เขาก็คงไม่มีที่ไปด้วยมั้ง เลยไปด้วยกัน 2คนนั้นเรียกเราว่า mommy's little girl คืออารมณ์แบบถามใหญ่เลยนะ ทำไมมาคนเดียว อายุเท่าไร อะไรยังไง แล้วมันก็ล้ออยู่นั่นแหละ mommy's little girl แหม่
มาดูพิพิธภัณฑ์ คืออึ้งมากกก ปิด 4 ทุ่ม เห็นทีแรกคือช็อคค ดึกไปป่ะ แต่เอาจริง 3 ทุ่มที่นี่คือสว่างจ้าอยู่เลย
เพื่อสัมผัสชีวิตชาวมองโก เราต้องนอนเกอร์ ตั้งใจไว้มากกก 55555 ไหนจะทุ่งหญ้ากว้างๆ มีม้าวิ่งเล่นอีกกก โอ้ยย ฟินน
จากนั้น เราก็กลับเข้าเมืองมาเพื่อที่จะเดินทางต่อไป เอียคุซ เพื่อตอบสนอง need ขามาไม่ได้มาเองมีคนไปรับ ขาไปสถานีรถไฟรอบนี้ต้องนั่งรถโดยสารให้ได้ สรุปขึ้นได้นะ แต่คุยกับกระเป๋าไม่รู้เรื่อง ป้าแกไม่เก็บตังค์เลย 555
พอขึ้นรถไฟมา ก็มาลุ้นเพื่อนร่วมห้อง ทีแรกฟอร์มกันอยู่ 3คน คือเขารู้จักกันไง แหม่ถ้าไม่
เห็นเยอะอย่างงี้แต่คนที่จะลงที่เดียวกับเรามีแค่คนเดียวเองอ่ะ เราเลยไปด้วยกันเลย ที่แรกก็ไป Lake Baikal ที่ listvyanka ใกล้กับ irkutsk หน่อย แต่วิวนี่สู้ olkhon island ไม่ได้เลย เสียดายมากก ใครจะไปแนะนำไปที่ olkhon island เลยนะ ถึงจะไกลหน่อยแต่เห็นวิวแล้วคงฟินแน่ๆ
บรรยากาศเมือง irkutsk
หา 7-11 ไม่มีนะ เจอแต่แบบนี้
กลับมานั่งรถไต่อ อีก 4 คืน 3 วัน ไปมอสโค แต่ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่บนรถไฟตลอดนะ คือแต่ละสถานี เขาก็จะมีเวลาจอดว่ากี่นาทีงี้ เราก็ลงไปเดินเล่นได้ แต่ต้องรีบกลับขึ้นมาให้ทันล่ะ ไม่งั้นตกรถไฟแหง โบกี้ที่เรานั่งไปรอบนี้รัสเซียทั้งคันค่ะ ไม่มีเอเชียเลยย เอาง่ายๆ เป็นตัวประหลาดบนรถไฟโบกี้นี้นี่แหละเราเอง ใช้ภาษามือ กับยิ้มสยามตลอดดด คือพยายามจะคุยนะ แต่ไม่ได้สักคำเลยย ให้ทำไงง
พอถึงมอสโค รู้สึก mission completed มากก 5555 เห็น st.basil แล้วแบบโอ้ยย ดั้นด้นมาเกือบหมื่นกิโล ได้เห็นแล้วว เย่
ไปดู moscow skyline ค่ะ
ที่นี่ gorky park ค่ะ เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มาก มีคนทำกิจกรรมหลากหลายมาก้ดวย
แปลกที่เราชอบที่นี่มากกว่า st.basil ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ซะอีก แบบโอ่ยย ชอบมากก ไม่เบื่อเลย
สุดท้ายแล้ว เราจะไป st.petersburg กันแล้ว
สรุปว่า ทริปนี้คือจัดว่าเด็ด สมกับเป็นทริปจบการศึกษาของเรามาก คือเรื่องเล่าระหว่างทางนี่เยอะมาก แบบนึกถึกกี่ทีๆ ก็ไม่เบื่อเลย ออกจะแนวตลกด้วยซ้ำ แต่ตอนเจอจริงนี่ไม่ตลกเท่าไรนะ 5555 อย่างแบบตอนเราหาที่พักที่มอสโค ชื่อที่พักเรามันชื่อ red kremlin ถามทางเขาก็ชี้ไปทาง พระราชวังเครมลินจ้า คือในใจก็กะละ ถามแต่ละคนนี่ชี้ไปไม่เหมือนกันสักคน สรุปเดินวนเกือบ 2 ชม. ทั้งๆที่ห่างจากรถไฟฟ้า 2 ซอย แล้วก็ถึงเจอคุณน้าใจดี เปิด gps มาส่งถึงที่ ยอมรับว่าคนรัสเซียไม่พูดอังกฤษกันเลย แต่เขายินดีจะช่วยเรามากนะ คือพูดไม่ได้แต่พยายามมากอ่ะ ซึ้งนะ ไม่หยิ่งเลย นี่ถ้าพูดภาษาเค้าได้ คงสนุกอ่ะ แบบมีเรื่องคุยกันเยอะดี