[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยจีน21วัน ไปกัมพูชา เวียดนาม จีน(รถไฟ) ล่องเรือกลับทางลาว ตอน3 โฮจิมินห์ ดานัง ฮานอย

“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยจีน 21 วัน ผ่านกัมพูชา เวียดนาม สุดทางที่กำแพงเมืองจีน ขากลับล่องเรือผ่านลาว นั่งรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ไม่นั่งเครื่องบินเลย
ตอนที่ 3 กรุงโฮจิมินห์(ไซ่ง่อน) ฮอยอัน เว้ ดานัง เวียดนาม
เราไปถึงโฮจิมินห์หรือไซ่ง่อนช่วงเย็น รถบัสจอดนอกเมือง ถ่ายเทผู้โดยสารนั่งรถตู้เข้าเมืองเพราะรถใหญ่จะติดหนึบช่วงเวลาเลิกงาน รถตู้จะแวะส่งตามจุดต่างๆ เราก็บอกว่าให้ไปส่งที่สถานีรถไฟไซ่ง่อน (Ga Saigon) คนขับก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจ โปรแกรมของเรารวนอีกแล้ว เพราะเราช่วยบอกคนขับรถเพื่อให้น้องเสือ เฟสบุ๊ก Tigertoy หนุ่มหนวดงามที่อ่อนภาษาอังกฤษ ให้ลงที่ฟามงูเหลา ซึ่งคล้ายถนนข้าวสารเมืองไทย พอไปถึงฟามงูเหลา คนขับรถให้เราลงด้วย และไม่ยอมไปส่งเราที่สถานีรถไฟ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เราเลยต้องลงเดินหาสถานีหลายกิโลเมตร คนเวียดนามที่เราสอบถามก็สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยเข้าใจ จึงบอกทางผิดเป็นส่วนใหญ่ ลุงต้องช่วยป้าแบกเป้อีกใบ เพราะป้าอ่อนล้ามาก เหงื่อชุ่มเลย
                                        
เพิ่งซื้อซิมที่ไซ่ง่อนมะกี้นี้เอง คิดว่าจะหาซื้อไม่ได้ซะแล้ว สภาพร้านแบบนี้จะมีซิมเน็ตขาย.... สามีพูดไม่เป็นฟังไม่ออกต้องเรียกแม่บ้านออกไปขาย....
ไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์มีพื้นที่ 2,095 ตร.กม. ประชากร 9 ล้านคน รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี 71,068 บาท มีพื้นที่มากกว่ากทม. 1.25 เท่า มีประชากรมากกว่า 1.5 เท่า รายได้เฉลี่ยน้อยกว่า กทม.เล็กน้อย แต่โฮจิมินห์เป็นเมืองหลวงเก่า
                                        
เวลาเหลือน้อย เรารีบจองตั๋วไปฮานอย เลือกแบบที่นั่งนุ่ม (Soft Seat) ที่มีแต่ไม่เลือกคือ ที่นั่งแข็ง (Hard Seat) และที่นอน (Sleeper) หลังจากซื้อตั๋วรถไฟไปฮานอยได้แล้ว ก็ฝากเป้ไว้ท่าที่สถานีรถไฟ ไม่แพง แต่จำค่าฝากไม่ได้ นั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟไซ่ง่อนไปกลางกรุงโฮจิมินห์ ใช้วิธีเอารูปลุงโฮที่ตั้งอยู่หน้าอาคารรัฐสภาให้แท็กซี่ดู เราสอบถามราคาแท็กซี่จากเจ้าหน้าที่ในสถานีรถไฟ 1 แสนดอง พอแท็กซี่จอดส่ง เราจ่ายเงินด้วยความภูมิใจว่าเรารู้ราคาเป็นอย่างดี ส่วนแท็กซี่แทบกระโดดตัวลอย ตอนกลับจากตลาดเบินถั่นช่วงค่ำ นั่งแท็กซี่มิเตอร์ไม่ถึง 7 หมื่นดอง นี่เรียกว่าเสียค่าฉลาด ไม่ใช่ค่าโง่
ลุงขอถ่ายรูปกับคนขับแท็กซี่ที่ เพราะเครื่องแบบเขาเท่ มอเตอร์ไซด์รับจ้างที่สถานีรถไฟ ก็ใส่เครื่องแบบเป็นเสื้อสีน้ำทะเลกางเกงสแล็คสีดำมีป้ายแขวนคอ แต่ใส่รองเท้าแตะ
                            
โชคดีพบนักศึกษาสาวเวียดนาม พูดภาษาอังกฤษเก่ง แนะนำสถานที่บริเวณนี้ให้ ทำให้เที่ยวได้หลายที่ ทั้งๆที่เวลาจำกัด เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดี เพราะได้ใช้ในชีวิตจริงทุกวัน แต่เธอไม่เคยรู้เรื่องเมืองไทย ทั้งๆ ที่มีนักธุรกิจเวียดบางคนส่งคนเข้ามาเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารในไทย เพื่อลักจำตำรับอาหารที่คนไทยนิยม พวกเวียดนามจะช่างซักและช่างสังเกต เวลาใครกินอะไร เขาจะถามว่าใส่อะไรบ้าง ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนารสชาติอาหารให้ถูกกับรสนิยมของคนไทย เพราะอาหารรสชาติเวียดนามแท้ๆ ไม่เหมือนและไม่ถูกปากคนไทยเหมือนอาหารเวียด

เราเริ่มจาก เยี่ยมชมอนุสาวรีย์ลุงโฮ ซึ่งเขาก็เอากำแพงเหล็กล้อมไว้ ปิดปรับปรุง ชมอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาล สำนักงานไปรษณีย์ และอื่นๆ ปิดท้ายด้วยตลาดเบินถั่น
                                        
                                        
                                        
สาวเมืองนี้ผิวสวยมาก พวกเธอส่วนใหญ่แต่งกายแบบเปิดเผย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยทีเดียว เสียดายตอนเจอเยอะๆไม่กล้าถ่ายรูปไว้ สาวที่ขายบั๋นแด๋งหนึง (ข้าวเกรียบปิ้งหน้าหมู กุ้ง ไก่ ไข่) ที่กลางจตุรัสหน้าไปรษณีย์ เธอใส่เสื้อยืดคอกว้าง หลวมๆ ลุงยืนคอยตอนเธอปิ้งบั๋นแด๋งหนึง เธอก้มๆ เงยๆ ลุงไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ก็เห็นนมเธอเกือบหมดสองเต้าเลย อิอิ..
                                        
หลังจากเดินดูสินค้าหลากหลายที่ตลาดเบินถั่นอย่างเพลิดเพลินโดยไม่ซื้อแล้ว ค่ำแล้ว อาหารเย็นวันนี้ นั่งเก้าอี้เล็กๆ ล้อมรอบโต๊ะแบบโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ กินอาหารท้องถิ่น คล้ายเย็นตาโฟ แต่ชามใหญ่ มีเครื่องอาหารทะเลเพียบ จะเรียกว่าก๋วยเตี๋ยวซีฟู้ดก็คงได้ อร่อย ชามใหญ่ราคา 65,000 ดอง เท่ากับ 100 บาทไทย พอจะหารถกลับจึงรู้ว่า รถเมล์โฮจิมินห์หมดแค่ 18.00 น. ต้องกลับสถานีรถไฟโดยแท็กซี่มิเตอร์ ตัวเลขขึ้นไม่ถึง 7 หมื่นดอง จ่ายแบ๊งค์ 1 แสน คนขับจะไม่ทอนให้ เราไม่ยอมลงรถ สุดท้ายยอมทอน 3 หมื่น คราวนี้ไม่เสียค่าโง่ แต่เสียเปรียบเล็กน้อยที่ได้เงินทอนไม่ครบ
เราอาศัยอาบน้ำแบบซักแห้ง เปลี่ยนเสื้อผ้า และซักผ้า ในห้องน้ำสถานีรถไฟ ใส่ถุงพลาสติกไว้ เอาไปผึ่งให้แห้งตอนนั่งในตู้รถไฟคืนนี้
                                        
                                        
มีเสียงประกาศให้ผู้โดยสารที่จะไปขบวนที่ SE 4 ไปขึ้นรถไฟได้แล้ว พนักงานแต่งชุดอ๋าวหญ่ายสวยมาก มาตามเรา  เกรงว่าเราจะฟังไม่รู้เรื่อง ลุงแบกเป้ของป้าไปหาที่นั่งในตู้รถไฟก่อน ส่วนป้าขอนั่งชาร์จแบ็ตอีกนิด ยังอีกหลายนาที
รถไฟเวียดนามสภาพดีมาก มีที่ชาร์จแบ็ตให้ด้วย นั่งตู้เบาะนุ่มสภาพดีมาก เราไม่เลือกตู้นอนเพราะตู้นั่งมีคนจากหลายชาติ
ให้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน สาธารณูปโภคโดยรวมของเวียดนามยังตามหลังไทย แต่ตอนนี้เขาพัฒนาเร็วมาก
รถออกแล้ว วิ่งนิ่มและเงียบมาก แต่ตอนนี้แอร์ยังไม่เย็น มั้ยคะ นั่นคือชุดทำงานค่ะ
คนเวียดนามใต้ส่วนใหญ่ผิวขาว เนียน เวียดนามกลางที่เคยไปเที่ยว 3 ปีที่แล้ว ไม่ค่อยมีคนผิวขาวแต่ก็ไม่คล้ำเท่าคนเมียนม่าร์ และส่วนใหญ่ผิวเนียน
บนรถมีพนักงานเข็นรถขายอาหารเหมือนบนเครื่องบินโลว์คอสต์
รถไฟขบวนนี้ เป็นขบวนที่ดีทีสุดในเวียดนาม แล่นนิ่มนวล เสียงไม่ดังมาก แอร์เย็นฉ่ำ หลับสบายตลอดคืน เสื้อผ้าที่ผึ่งไว้กับหน้าตักและขอบด้านในของหน้าต่างแห้งสนิท
                                  
ตอนเช้าถูกบังคับให้กินอาหารบนรถไฟ มีข้าวต้ม กาแฟกับข้าวพอง และบะหมี่คัพใส่รถเข็นขาย เราเลือกข้าวต้มที่บรรจุอยู่ในกระติก พอเปิดฝามีไอลอยกรุ่น เป็นข้าวต้มไก่ตักใส่ถ้วยโฟมราคาถ้วยละ 30,000 ดองประมาณ 50 บาท ตอนนี้กำลังรอว่าเมื่อไรจะมีผลไม้ หรือนมหรือน้ำผลไม้มาขาย เพราะรู้สึกว่าผงปรุงรสในข้าวต้มออกฤทธิ์ทำให้ป่ากระหายน้ำมาก
ในห้องโดยสารมีทีวีจอแบน 14 นิ้วเปิดหนังเวียดนาม แต่เราไม่ได้สนใจเพราะนอกจากฟังไม่รูเรื่องแล้วทิวทัศน์ข้างนอกยังน่าสนใจกว่า
                                  
รถแล่นผ่านนาข้าวสลับกับหมู่บ้านและเขาเตี้ยๆที่มีบ้านเลาะริมเขา บ้านหลังใหม่ๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ทุ่งนา เป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ เหมือนรีสอร์ตริมทางเมืองไทย สร้างอยู่บนพื้นระดับเดียวกับทุ่งนา ทั้งๆ ที่ในนาข้าวมีน้ำขังแต่ตรงที่เป็นบ้านคนน้ำแห้ง ชาวเวียดนามส่วนใหญ่เกี่ยวข้าวโดยใช้เคียว ทั้งๆที่เป็นนาหว่านและข้าวต้นเตี้ยแค่เข่า คนเกี่ยวคงปวดหลังปวดเอวน่าดูและพวกเขาก็ไม่ได้ใส่รองเท้าบู๊ทลงไปเกี่ยวข้าว แต่คลุมหน้าและมือมิดชิด
ต้นไม้ที่อยู่บนเขาของเวียดนามก็เหมือนกัมพูชาที่ถูกฝรั่งเศสขนไม้ใหญ่ไปหมดแล้ว แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของฝนทำให้ไม่เป็นเขาหัวโล้นเหมือนในเมียนม่าร์ แต่มีต้นไม้เล็กๆขึ้นปกคลุมภูเขาอยู่
ตรงที่เป็นที่ราบสูง พวกเขาปลูกมันสำปะหลังและอ้อยเหมือนในเมืองไทย แต่เวียดนามดูอุดมสมบูรณ์กว่าไทย ตรงที่มีน้ำขังอยู่ทั่วไป เช่นเดียวกับที่กัมพูชาที่มีพื้นดินแห้งสลับกับที่ที่มีน้ำขังและแหล่งน้ำ
ตอนนี้เรายังไม่เข้าเขตเวียดนามกลาง เราคำนวณจากระยะทางและเวลาในการเดินทางทั้งหมด 32-34 ชม.แต่ตอนนี้เพิ่งเป็นชม.ที่ 10 ของการเดินทาง
หลังคาบ้านของกัมพูชากับเวียด ต่างกันตรงที่เขมรใช้สังกะสีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเวียดใช้กระเบื้อง ตัวบ้านกัมพูชาเป็นไม้แต่เวียดเป็นดิน อิฐ และปูน คนกัมพูชาที่มีฐานะ จะพยายามรังสรรค์งานศิลป์ดั้งเดิมไว้ที่จั่ว สันหลังคา หรือฝาบ้าน แต่เวียดไม่เพราะเวียดคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยมากกว่า
ตอนไปเที่ยวเวียดนามกลาง ที่ฮอยอันเป็นบ้านดินน่าอยู่มากปรับอุณหภูมิได้ทั้งปี
                              
ตอนนี้บนรถไฟกำลังแนะนำเมืองบินเดียนว่า มีพื้นที่ ประชากร และรายได้ต่อหัวเท่าไร ตอนแรกไม่ได้ฟังจึงไม่ได้รายละเอียด ฟังตอนหลังจึงรู้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหนึ่งของเวียตนามใต้
พนักงานเดินมาถามให้สั่งข้าวกล่องแต่เขาจะสื่อสารได้เฉพาะที่อยู่ในเรื่องที่เขารับมานอกจากนั้นถามได้แต่ไม่รู้เรื่อง
ห้องน้ำบนรถไฟสามารถอาบน้ำอย่างย่อได้ มีส้วมที่มีน้ำให้ชักโครก มีสายชำระและอ่างล้างมือพร้อมสบู่  มีอ่างล้างหน้าพร้อมก๊อกน้ำและสบู่อยู่อีกที่หนึ่ง แยกห้องไว้เป็นสัดส่วน ส่วนบันไดปิดประตูล็อคกุญแจก่อนขึ้น ถ้าไม่มีตั๋วขึ้นไม่ได้ ก่อนลงต้องแจ้งจนท.และแสดงตั๋ว ทุกห้องโดยสารมีจนท.แต่งตัวเหมือนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก่อนการปฏิบัติหน้าที่พวกเขาจะเดินแถวลากกระเป๋า เหมือนที่เราเห็นในสนามบิน
อาหารเวียดนามดั้งเดิมกับอาหารอินเดียดั้งเดิม รสชาติคนละเรื่องกับที่มีอยู่ในร้านอาหารในเมืองไทย และขอบอกว่าถ้าจะกินให้อร่อยให้สั่งกินแต่ของร้อนๆไม่ต้องเข้าไปดูในครัวเพราะถ้าได้เห็นครัวของพวกเขาแล้ว เราจะกินอาหารไม่ลง และไม่อยากเข้าร้านนั้นๆอีกเลย

รถจอดที่สถานีดิวตรี เป็นสถานีสุดท้ายของเวียดนามใต้ ต่อไปจะเข้าสู่เวียดนามกลางที่สถานีฮอยอัน เว้ แล้วก็ดานัง
มีการประกาศเป็นระยะๆ เรื่องกฎระเบียบของการนั่งรถไฟ ห้ามเปิดหน้าต่าง(ตู้ติดแอร์มันล็อคตายอยู่แล้ว)
ให้นั่งตามที่นั่งในตั๋ว ห้ามออกนอกตู้ ยกเว้นไปห้องน้ำและสูบบุหรี่ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามปล่อยเด็กเดินเพ่นพ่าน แต่ตอนนี้ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง ลูกชายของผู้โดยสารลูกครึ่งจีน-เวียด อยู่นิ่งไม่ได้เที่ยวดินลูบหัวคนที่นอนหัวตกไปทั่ว แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดู เมื่อสักครู่ก็ไปดึงผ้าห่มจนแหม่มยุโรปตื่นขึ้นมาเล่นด้วย
ที่ตู้โดยสารม้านั่งแข็งเป็นตู้ชั้นประหยัดสำหรับคนเดินทางไกลที่ไม่ต้องการจ่ายมาก คงจะสนุกกว่านี้ สำหรับตู้นี้ค่าโดยสารคนละ 1 ล้านดอง $50 คิดว่านั่งรถเที่ยวด้วยนอนด้วยคุ้มมาก แต่สมมุติฐานที่ตั้งไว้ว่า มีอาหารขายตามสถานีหรือมีของขึ้นไปขายเหมือนในเมียนม่าร์มันใช้ไม่ได้ เราจึงไม่มีอาหารตุนต้องซื้ออาหารที่บังคับขายเท่านั้น มะม่วงอาทู 1 ลูกย่อมๆ ราคา 15,000 ดองราวๆ 22 บาท และสั่งข้าวกับไก่กับหมูอย่างละ 1 ไม่รู้ว่าจะใส่อะไรและเป็นข้าวแบบไหนชุดละ 35,000 ดอง ต้องรอลุ้นว่าจะเป็นแบบไหน ถึงอย่างไรเราก็ต้องฝากท้องไว้กับรถไฟ อย่างน้อยก็ผ่านคืนนี้ จะถึงฮานอยตี 5 พรุ่งนี้เช้า
คนลงที่สถานีดดิวตรีไปหลายคน คนที่นั่งคู่กันก็สบายไป ที่สงสัยแต่ไม่รู้จะถามใครคือ ทำไมต้องจัดที่ตรงกลางตู้ให้มีที่นั่งหันหน้าเข้าหากันเหมือนนั่งล้อมวงกินข้าว มีโต๊ะกลมอยู่ตรงกลางข้างละ 4 ที่ นอกนั้นหันหน้าและหันหลังตามคนที่นั่งตรงกลาง พวกเราได้ที่นั่งหันหลังให้ฮานอย ทั้งๆที่ตอนซื้อตั๋วขอหันหน้าสู่ฮานอย แต่คนขายตั๋วไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เราก็นั่งทำท่าประกอบแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ทั้ง 64 ที่นั่งตอนนั้นมีว่างอยู่แค่ 2 ที่ ถ้าจะตามใจเราคงจัดลำบากอยู่เหมือนกัน
      
ชื่อสินค้า:   โฮจิมินห์ ดานัง ฮานอย เวียดนาม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่