ปีใหม่มาเปลี่ยนการใช้เงินแบบใหม่กันค่ะ

อมยิ้ม01 สวัสดีปีใหม่ 2559 ค่ะทุกคน อมยิ้ม01

        วันนี้เจ้าของกระทู้อยากมาแบ่งกันวิธีการใช้เงินของเราให้ทุกคนลองนำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน หรือว่าผู้ใหญ่วัยทำงาน ก็สามารถลองใช้ดูได้ค่ะ
        ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาลัยปี 2 เราทำงานตั้งแต่ตอนปิดเทอมหลังจากเรียนจบม.6 และทุกวันนี้เราเก็บเงินจ่ายค่าเทอมเอง ผ่อนรถยนต์เอง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยที่ไม่ได้รบกวนทางบ้านเลยค่ะ เราจึงอยากแชร์วิธีการออมเงินในแบบของเราให้ทุกคนได้ลองอ่าน เผื่อว่าจะสามารถนำเอาไปปรับใช้ได้ค่ะ อาจจะไม่ต้องทั้งหมด อาจจะแค่ 2-3 ข้อในนี้ ถ้าทุกคนทำได้ ก็จะช่วยทำให้คุณมีนิสัยการใช้เงินที่ดีขึ้นก็ได้ค่ะ

8 ข้อคิดในการใช้เงิน

1.    จดบันทึกรายรับ
        วิธีแรกใครๆก็คงจะรู้อยู่แล้วนะคะ แต่เราทำแบบไม่จดรายจ่ายค่ะ เราจดแค่รายรับ (เพราะเราขี้เกียจ 555 เคยลองทำแล้วแต่ไม่สำเร็จ -*-) เวลาที่เราได้รับเงินมา เราก็จะจดไว้ทุกครั้งว่าวันนี้ได้เงินกี่บาท แล้วพอถึงสิ้นเดือนเราก็จะมานั่งคำนวนว่าเดือนนี้เราได้เงินทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วตอนนี้เหลือเท่าไหร่  เราก็จะรู้ว่า เดือนๆนั้นเราใช้เงินไปมากน้อยขนาดไหน แล้วก็ลองนึกดูว่าได้ใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นรึเปล่า ถ้าใช่เราก็จะระวังตรงนั้นมากขึ้นค่ะ

2.    ฝากเงินแบบประจำ
        ข้อดีของเงินฝากประจำคือเหมือนเป็นการบังคับใจตัวเองไม่ให้ใช้เงินก้อนนั้นได้ในระยะยาว และยังได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากแบบออมทรัพย์ โดยเวลาที่เราได้เงินมาเราก็จะหักเงินส่วนนึงไปฝากประจำ จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่เดือน (ธนาคารไม่ได้บังคับ) โดยที่เราเลือกฝากประจำแบบ 3 เดือน ถือว่าไม่นานเกินไปค่ะ แต่ถ้าหากใครจำเป็นต้องใช้เงินก่อนครบกำหนดจริงๆ เราก็สามารถไปถอนออกมาก่อนได้ค่ะ โดยที่เราจะไม่ได้รับดอกเบี้ย ส่วนคนที่มีเงินเก็บเยอะ แนะนำให้ทำวิธีถัดไปค่ะ    

3.    ซื้อสลากธกส.
        เรามีเงินเก็บอยู่ จึงอยากทำให้เงินที่มีอยู่มันงอกเงยขึ้นมา บางคนอาจจะนำเงินที่มีไปต่อยอด เช่น เล่นหุ่น หรือ ซื้อทองเก็บไว้ แต่เราก็ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย และคิดว่าคงเสี่ยง จึงตัดสินใจซื้อสลากธกส.เก็บไว้ เผื่อจะโชคดีถูกรางวัลกับเขาบ้าง แต่อย่างน้อยถ้าไม่ถูกรางวัลอะไรเลย เราก็จะได้รับดอกเบี้ยถ้าฝากเงินครบตามกำหนด แถมยังเป็นการบังคับตัวเองไม่ให้นำเงินในส่วนนั้นมาใช้ด้วย เพราะถ้าหากเราขายสลากก่อนถึงเวลาที่กำหนด เราก็จะไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวนที่เราซื้อไว้ค่ะ
        *แต่อย่าลืมว่า ต้องซื้อเท่าที่เราไหวนะคะ อาจจะ สัก 1 พันบาทก่อนก็ได้ค่ะ ก็จะได้ 10 หน่วย (หน่วยละ 100 บาท) ก็จะมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลด้วยค่ะ

4.    เปิดบัญชีธนาคาร โดยไม่ใช้บัตร ATM
        ก่อนหน้านี้เรามีบัญชีของกสิกรค่ะ มีบัตร ATM และก็มีแอป K Cyber ด้วย เพราะเราเป็นคนชอบซื้อของผ่านเน็ต และบางครั้งไปห้างก็ชอบจ่ายผ่านบัตรค่ะ จึงถือว่าสะดวกสบายมากๆ และเวลาที่เงินเข้า-ออกเราจะรู้ทันที แต่สืบเนื่องมาจากข้อ 3 ที่เราไปซื้อสลากธกส.  จึงทำให้เราได้เปิดบัญชีกับธนาคารนี้ เลยทำให้เรารู้มาว่า ถ้าฝากเงินทุกๆ 2000 บาท จะได้สิทธิลุ้นรางวัลต่างๆมากมาย เช่น รถยนต์ ทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ เราเลยคิดว่าต่อไปนี้เอาเงินมาฝากที่นี่ดีกว่าเผื่อจะได้สิทธิลุ้นโชคไปด้วย 555+ หลังจากนั้นเราก็เริ่มหันมาฝากเงินกับธกส.ค่ะ แล้วการใช้เงินของเราก็เปลี่ยน เพราะเราไม่ได้ทำบัตร ATM กับธนาคารธกส. ฉะนั้นเวลาที่จะฝาก-ถอนเงิน ต้องไปที่ธนาคารเท่านั้น ซึ่งในเมืองของจ.เชียงใหม่ ธกส.ก็มีอยู่แค่สาขาเดียว และไกลจากบ้านเราพอสมควร เวลาจะไปธนาคารทีนึงก็ขี้เกียจมาก และเวลาที่เราจะซื้อของอะไร ทำให้เราต้องรอไปเบิกเงินในวันถัดไป หรือบางทีก็ติดวันหยุดอีก วิธีจึงทำได้เราได้มีเวลาไตร่ตรองและตัดใจในการซื้อของที่ไม่จำเป็นไปได้หลายอย่าง บางทีเวลาผ่านไปหลายๆวัน ก็ทำให้เราไม่อยากได้มันแล้ว (แต่ถ้าเรามีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน หรือถ้าอยากซื้อของอะไรจริงๆ เราก็จะยืมเงินจากคนที่บ้านก่อน และไปถอนมาคืนเค้าค่ะ แหะๆ)  

3.    ไม่แตกแบงค์ใหญ่
        สมมุติว่าเรามีเงินอยู่ในกระเป๋า 1200 บาท เราจะเก็บแบงค์พันไว้ในอีกช่องนึง และเราก็จะใช้เงินแค่ 200 ที่เหลือ เพราะถ้าเราแตกเงินแบงค์พันนั้นแล้ว เราก็จะใช้มันจนหมด ดังนั้นเราจึงต้องคอยบังคับตัวเอง ถ้ามีเศษเงินเท่าไหน ก็จะพยายามใช้เท่านั้น ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ เราก็จะไม่ใช้มันค่ะ

4.    เวลาจะใช้เงินถึงนึงตอนที่เราจะได้มันมา
        วิธีนี้คนที่เคยทำงานจะเข้าใจดีค่ะว่าเงินแต่ละบาทมันหายากแค่ไหน เวลาที่เราจะซื้อของแพงๆ หรือของใช้ที่มันไม่จำเป็น เราจะคิดเสมอว่า ถ้าซื้อมันมาแล้วเราจะได้ใช้กี่ครั้ง แล้วคุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหม แล้วลองนึกว่าเงินจำนวนนี้ ต้องทำงานกี่ชั่วโมงกว่าจะได้มันมา พอเราคิดแบบนี้ก็จะทำให้เราตัดใจจากการซื้อของไร้สาระไปได้ง่ายๆเลยค่ะ

5.    ไม่ใช้บัตรเครดิต!!
        เราเติบโตมาในครอบครัวฐานะปานกลางค่ะ ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้มีหนี้สิน เพราะตายายยายของเราเค้าจะพอเพียง คือมีเท่าไหนใช้เท่านั้น ไม่ชอบมีหนี้สิน เราเติบโตมาด้วยคำสอนของตายาย ถึงทำให้เราซึมซับในเรื่องนี้มา ถ้าเราอยากซื้อของแพงๆ เราก็จะเก็บเงินซื้อเอาค่ะ
        ในปัจจุบันอะไรๆก็สามารถผ่อนได้ หลายๆคนจึงใช้วิธีนี้ แต่จริงๆแล้วเราไม่สนับสนุนนะคะ เพราะเห็นมาหลายคนที่มีบัตรเครดิตมากมายรูดซื้อของ พอถึงเวลาต้นเดือนมา ก็เอาเงินเดือนมาจ่ายค่าบัตรเครดิต ทั้งเดือนแทบไม่เหลือเงินใช้ หมุนเงินไม่ทัน เพราะต้องคอยใช้หนี้กับบัตรต่างๆ ที่จริงบัตรเครดิตมันก็มีข้อดีนะคะ ถ้าเรารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ แต่ถ้าเรายังไม่ได้สามารถควบคุมการใช้เงินของตัวเองได้ เราอยากแนะนำให้เลิกใช้มันค่ะ ควรเก็บเงินฝากไว้ในธนาคาร หากต้องการซื้ออะไรก็ตั้งเป้าหมาย แล้วค่อยๆเก็บเงินไปจะดีกว่าค่ะ

7.    อย่าขวนขวายที่จะสบาย
        คำสอนนี้เราได้รับมาจากคุณหมอนึงค่ะ เค้าบอกเราว่า “อย่าขวนขวายที่จะสบาย เพราะมันจะทำให้ตัวเราเหนื่อย” ท่านบอกเราว่า หลายคนเลือกที่จะทำงานหนักๆ เพื่อแลกกับเงิน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงร่ายกายของตัวเองเลย ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้แรงกายเพื่อแลกกับเงิน แต่เราควรที่จะหมั่นพัฒนาตนเองให้มีความรู้ และประสิทธิภาพ เพราะถ้าหากตัวเรามีเจ๋งพอแล้ว งานและเงินมันก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเองค่ะ
     เราได้นำแนวคิดนี้มาใช้จริงๆ คือ เวลาเรียนเราตั้งใจเรียนมาก เก็บความรู้ให้ได้เยอะๆ เวลาเล่นก็เล่น เวลาทำงานก็จริงจัง แต่ไม่ใช่หักโหมทำงานจนเกินไป เพราะถ้าเราเหนื่อยเกินไป สิ่งที่เราทำออกมาก็จะไม่ดี และร่างกายเราก็จะแย่ไปด้วยค่ะ

8.    การเรียนรู้ คือการลงทุน
        เรามองว่าการศึกษาคือการต่อยอดความรู้ให้แก่ตัวเอง หลายคนเก็บเงินเพื่อซื้อไอโฟน ซื้อของใช้แพงๆ เราคิดว่านำเงินตรงนั้นไปเรียนดีกว่าค่ะ เรียนต่อป.โท หรือ ภาษาอังกฤษ ภาษาที่ 3 ที่เราสนใจ เพราะถ้าเรามีความรู้มากก็จะทำให้เราได้เปรียบกว่าหลายๆคนในด้านการทำงาน เผลอๆจะทำให้เราได้เงินเดือนสูงกว่าคนอื่น หรือถูกพิจารณาเข้าทำงานมากกว่าผู้อื่นด้วยค่ะ

        ทั้ง 8 ข้อนี้ก็คือแนวคิดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการใช้เงินที่เราทำจริง และทำมาตลอด 2 ปี เราหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาด หรือมีข้อแนะนำอื่นที่ดีๆ ก็อย่าลืมแนะนำกันด้วยนะคะ

สุดท้ายนี้ ในปี 2559 ขอให้เฮงๆรวยๆกันทุกคนนะคะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่