หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)วันเสาร์ที่ 2/01/2559:ปฏิรูปภาษีดึง SMEs เข้าสู่ระบบ@@@
กระทู้คำถาม
การเมือง
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งสุดท้ายประจำปี 2558 โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน
มาตรการดึง SMEs เข้าระบบ – คาดได้ภาษีเพิ่ม 5 พันล้าน
สำหรับวาระการประชุม ครม. อื่นๆ ที่สำคัญ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่
วมกันแถลงถึงมาตรการปฏิรูปภาษี ในโครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบภาษี โดยจะมีการออกกฎหมายมารองรับ
นายวิษณุกล่าวว่า
เคยมีการหารือใน ครม. หลายครั้งว่าจะทำอย่างไรให้นิติบุคคลที่เป็น SMEs อาทิ ห้างหุ้นส่วน ฯลฯ เข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ทั้งหมด เพื่อให้มีการจัดทำบัญชีอย่างถูกต้อง ที่ประชุมวันนี้จึงมีมติเห็นชอบในหลักการที่จะออกกฎหมายมารองรับการดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่ โดยในอนาคตจะยึดถือบัญชีที่ SMEs ยื่นกับกรมสรรพากรเป็นเอกสารประกอบในการขออนุมัติสินเชื่อและขอลดหย่อนภาษี
อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการนิรโทษกรรทางภาษีให้กับ SMEs
ด้านนายอภิศักดิ์กล่าวว่า
ที่ผ่านมา SMEs ลงบัญชีไม่ถูกต้องเป็นจำนวนมาก หากการปฏิรูปภาษีครั้งนี้สำเร็จ จะช่วยจัดเก็บภาษีจาก SMEs เข้าสู่ระบบได้เพิ่มเติมอีกกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการหลังจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมาบังคับใช้ โดยจะให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ทั้งนี้ SMEs ที่จะเข้าสู่ระบบได้จะต้องมีรายได้ต่ำกว่า 500 ล้านบาท/ปี
โดยจะต้องลงทะเบียนกับกรมสรรพากร ซึ่งเป็นไปตามหลักสมัครใจ
“SMEs ที่เข้าระบบจะได้รับ
สิทธิประโยชน์ต่างๆ
เพื่อเป็นการช่วยเหลือ โดย SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี จะได้รับการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
โดยปีแรกไม่ต้องเสียภาษี และปีที่ 2 เสียภาษีเพียง 10%”
นายอภิศักดิ์กล่าวว่า การดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษีที่ผ่านมามีปัญหาใหญ่ๆ อยู่ 2 ประการ 1. ฝ่าย SMEs กังวลว่าเมื่อเข้าสู่ระบบจะต้องเสียภาษีย้อนหลัง และ 2. ฝ่าย SMEs กลัวจะเสียเปรียบคู่แข่งทางธุรกิจที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบ
ต้องขอชี้แจงว่า ร่
างกฎหมายที่กำลังจะออกจะกำหนดข้อยกเว้นว่า จะไม่ตรวจสอบภาษีย้อนหลังกับ SMEs บนเงื่อนไขว่าต้องไม่มีการหลบเลี่ยงภาษีในอนาคต หากพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น ข้อยกเว้นดังกล่าวก็จะหมดไป นอกจากนี้ ยังจะมีการกำหนดว่าในปี 2562 ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายจะต้องใช้บัญชีที่ SMEs ยื่นต่อกรมสรรพากรเป็นเอกสารประกอบในการขออนุมัติสินเชื่อ ดังนั้น SMEs ทั้งหลายจึงควรเข้าสู่ระบบภาษี เพราะกรมสรรพการได้จัดเตรียมโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปรวมถึงคอยหาผู้สอนการทำบัญชีไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับ SMEs แล้ว
“เชื่อว่ามาตรการดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษี กับมาตรการ e-payment ซึ่ง ครม. อนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
น่าจะช่วยแก้ปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษี และทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันมากขึ้น และยังช่วยให้ฐานภาษีของประเทศเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราภาษี”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวว่า วันเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี 2559 โดยกำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี อยู่ที่ 2.5±1.5%
http://thaipublica.org/2015/12/ncpo-cabinet-2558_55/
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
การเมือง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)วันเสาร์ที่ 2/01/2559:ปฏิรูปภาษีดึง SMEs เข้าสู่ระบบ@@@
มาตรการดึง SMEs เข้าระบบ – คาดได้ภาษีเพิ่ม 5 พันล้าน
สำหรับวาระการประชุม ครม. อื่นๆ ที่สำคัญ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงถึงมาตรการปฏิรูปภาษี ในโครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบภาษี โดยจะมีการออกกฎหมายมารองรับ
นายวิษณุกล่าวว่า เคยมีการหารือใน ครม. หลายครั้งว่าจะทำอย่างไรให้นิติบุคคลที่เป็น SMEs อาทิ ห้างหุ้นส่วน ฯลฯ เข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ทั้งหมด เพื่อให้มีการจัดทำบัญชีอย่างถูกต้อง ที่ประชุมวันนี้จึงมีมติเห็นชอบในหลักการที่จะออกกฎหมายมารองรับการดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่ โดยในอนาคตจะยึดถือบัญชีที่ SMEs ยื่นกับกรมสรรพากรเป็นเอกสารประกอบในการขออนุมัติสินเชื่อและขอลดหย่อนภาษี อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการนิรโทษกรรทางภาษีให้กับ SMEs
ด้านนายอภิศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมา SMEs ลงบัญชีไม่ถูกต้องเป็นจำนวนมาก หากการปฏิรูปภาษีครั้งนี้สำเร็จ จะช่วยจัดเก็บภาษีจาก SMEs เข้าสู่ระบบได้เพิ่มเติมอีกกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการหลังจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมาบังคับใช้ โดยจะให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ทั้งนี้ SMEs ที่จะเข้าสู่ระบบได้จะต้องมีรายได้ต่ำกว่า 500 ล้านบาท/ปี โดยจะต้องลงทะเบียนกับกรมสรรพากร ซึ่งเป็นไปตามหลักสมัครใจ
“SMEs ที่เข้าระบบจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ โดย SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี จะได้รับการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยปีแรกไม่ต้องเสียภาษี และปีที่ 2 เสียภาษีเพียง 10%”
นายอภิศักดิ์กล่าวว่า การดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษีที่ผ่านมามีปัญหาใหญ่ๆ อยู่ 2 ประการ 1. ฝ่าย SMEs กังวลว่าเมื่อเข้าสู่ระบบจะต้องเสียภาษีย้อนหลัง และ 2. ฝ่าย SMEs กลัวจะเสียเปรียบคู่แข่งทางธุรกิจที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบ
ต้องขอชี้แจงว่า ร่างกฎหมายที่กำลังจะออกจะกำหนดข้อยกเว้นว่า จะไม่ตรวจสอบภาษีย้อนหลังกับ SMEs บนเงื่อนไขว่าต้องไม่มีการหลบเลี่ยงภาษีในอนาคต หากพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น ข้อยกเว้นดังกล่าวก็จะหมดไป นอกจากนี้ ยังจะมีการกำหนดว่าในปี 2562 ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายจะต้องใช้บัญชีที่ SMEs ยื่นต่อกรมสรรพากรเป็นเอกสารประกอบในการขออนุมัติสินเชื่อ ดังนั้น SMEs ทั้งหลายจึงควรเข้าสู่ระบบภาษี เพราะกรมสรรพการได้จัดเตรียมโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปรวมถึงคอยหาผู้สอนการทำบัญชีไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับ SMEs แล้ว
“เชื่อว่ามาตรการดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษี กับมาตรการ e-payment ซึ่ง ครม. อนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อน น่าจะช่วยแก้ปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษี และทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันมากขึ้น และยังช่วยให้ฐานภาษีของประเทศเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราภาษี”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวว่า วันเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี 2559 โดยกำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี อยู่ที่ 2.5±1.5%
http://thaipublica.org/2015/12/ncpo-cabinet-2558_55/